เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 601 ใครแพ้ ใครชนะ

บทที่ 601 ใครแพ้ ใครชนะ

บทที่ 601 ใครแพ้ ใครชนะ

นี่เป็นสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนออกแบบไว้ตั้งนานแล้ว!

อาจารย์ฟ่านแทบจะคิดแบบนี้ในใจ!

แต่ตอนนี้เป็นโอกาสทองจะปล่อยไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

เธอกัดฟันพูดอธิบาย: “ แต่ตามกฎบูรณะโบราณวัตถุของเราแล้ว ซ่อมของหนึ่งชิ้น…… ”

“ ไอยา อาจารย์ฟ่าน คุณไม่ต้องทำแบบตายตัวขนาดนั้นก็ได้ ”

เธอยังพูดไม่ทันจบ ผู้จัดงานก็พูดขัดจังหวะเธอเสียก่อน

“ ในเมื่อพวกนักลงทุนเหล่านี้คิดว่าสินค้าชิ้นนี้ไม่เลว งั้นรางวัลของผู้ชนะครั้งนี้ก็เอาเป็นแก้วใบนี้แหละ การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการประชุมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงต้องพัฒนาไปตามยุคสมัย อย่าเอาแต่เกาะติดอยู่กับกฎระเบียบเดิมๆไปตลอด ถ้าทำแบบตายตัว แบบนี้ต่อไปยังจะพัฒนาให้ก้าวหน้าได้ยังไงล่ะ? ”

เผชิญกับคำพูดของผู้จัดงาน แต่อาจารย์ฟ่านกลับยังไม่ยอมเลิกรา

“ แต่…… ”

ผู้จัดงานโบกมือไปมา

“ คุณไม่ต้องแต่แล้ว ไม่อย่างนั้นให้ฉันตัดสินใจ ในเมื่อการแข่งขันครั้งนี้เอาการประชุมของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหัวข้อหลัก งั้นก็เอาของพวกนี้ที่บูรณะเสร็จแล้วมาทำการประมูล แล้วดูว่านักลงทุนคนไหนให้ราคาสูง คนนั้นก็เป็นผู้ชนะ เป็นไง? ”

ได้ยินแบบนั้น สรุปพวกนักลงทุนก็เกิดความรีบร้อน และพากันตื่นเต้นขึ้นมาทันที

แต่อาจารย์ฟ่านยังคงรู้สึกลังเล แต่เห็นผู้จัดงานมีความมั่นใจขนาดนี้ เธอจึงไม่มีแรงที่จะคัดค้านอะไร

ผู้จัดงานเอาผลงานทั้งหกชิ้นมาวางตรงหน้า หลังจากนั้นก็เริ่มทำการประมูลทีละชิ้น

ของชิ้นแรกที่นำขึ้นมาคือปากกาหมึกซึมที่ถูกซ่อมจนเหมือนสภาพเดิมแล้ว

ถึงแม้ว่ากรรมวิธีซ่อมแซมจะสมบูรณ์แบบมาก แต่พอเห็นปากกาที่ไม่ได้พิเศษอะไรแท่งนี้ พวกเขาก็พากันส่ายหน้า และไม่มีใครเสนอราคาใดๆ

อาจารย์ที่ซ่อมปากกาแท่งนี้เห็นเข้า สีหน้าของเขาก็ค่อยๆเคร่งขรึมลงช้าๆ เขาเม้มปาก และรู้สึกผิดหวังมาก

ต่อไปของชิ้นที่สองชิ้นที่สาม……

ของเหล่านี้ซ่อมแซมได้ดีมาก กลับไม่ชนะต่อความสนใจของพวกนักลงทุนที่อยู่ตรงหน้า แม้แต่เงินสักบาท พวกเขาก็ไม่ยอมเสนอออกมา

จนกระทั่งแก้วน้ำดินเผาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนทำถูกนำขึ้นมา ทุกคนก็เหมือนถูกกระตุ้นทันที

“ สิบล้าน! ”

ผู้จัดงานยังไม่ทันพูด ก็มีคนพูดขึ้นอย่างรอต่อไปไม่ไหวแล้ว

พอเสนอราคาก็ทำให้ทุกคนตกใจจนพูดไม่ออก

เมื่อสักครู่ คนที่ยังแสดงท่าทีเหยียดหยามต่อแก้วน้ำที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนซ่อมแซมอยู่นั้น ตอนนี้กลับตกใจจนเบิกตากว้างไปเสียแล้ว

คิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าแก้วน้ำที่สามารถซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตในราคาสิบบาท แถมยังเคยแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยใบนั้นจะมีราคาถึงสิบล้าน!

แต่ที่พวกเขาไม่รู้คือ สิ่งที่แสดงอยู่เบื้องหลังของแก้วน้ำใบนี้คือกรรมวิธีซ่อมแซม ไม่ใช่ตัวแก้ว

ยังเสนอราคากันไม่หยุด

“ สิบห้าล้าน! ”

“ ยี่สิบล้าน! ”

“ สามสิบล้าน! ”

ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ทำลายสถิติเดิม ก็จะทำให้คนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ

ตอนนี้ สายตาที่มองไปที่แก้วน้ำของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว

สีหน้าของอาจารย์ฟ่านเริ่มจากตกตะลึง ไม่เชื่อ จนตอนนี้ได้แตกละเอียดไปหมดแล้ว และดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง

ผู้นำของแต่ละบริษัทยังคงเสนอราคากันอย่างไม่หยุดหย่อน แต่มีจี้จิ่งเชินคนเดียวที่ไม่ได้พูดอะไร

ถึงแม้ว่าเขาจะอยากได้เทคนิคซ่อมแซมแบบที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นคนประดิษฐ์ขึ้นเองแต่การแข่งขันครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น?

ถ้าเขาตกเป็นส่วนหนึ่งในนั้น ก็อาจจะทำให้ผลการแข่งขันเปลี่ยนรสชาติไป และอาจทำให้คนคิดว่าเขาตั้งใจขึ้นราคา เพราะแบบนี้เขาถึงไม่พูดอะไร

แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ คนอื่นก็ยังเสนอราคาสูงถึงห้าสิบล้านเลยทีเดียว

ราคาสูงขนาดนี้ แม้แต่ผู้จัดงานเองก็ยังตกใจ และยิ้มจนแทบจะหุบปากไม่ได้อยู่แล้ว

ผ่านการโต้เถียงราคามาสิบนาทีเต็ม สุดท้ายผลงานออกแบบชิ้นนี้ก็ถูกซื้อไปด้วยราคาหกสิบล้าน

ราคานี้ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายชี้แนะตะลึงไปสักครู่

แต่ต่อให้สังเกตแก้วน้ำใบนี้จนละเอียดแล้ว ก็ยังไม่เห็นถึงความแตกต่างของแก้วน้ำใบนั้น

ออกจะธรรมดามาก อีกอย่าง ในความคิดของพวกเขาก็แค่ผลงานที่ซ่อมแซมล้มเหลวชิ้นหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงได้มีราคาสูงขนาดนั้นล่ะ?

ตอนนี้ไม่ต้องดูก็รู้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ ใครแพ้ ใครชนะ

อีกทั้งแก้วน้ำใบนี้ยังได้เปรียบอย่างท่วมท้น จนทำให้ชนะการแข่งขันครั้งนี้

“ ดีมาก! ”

ผู้จัดงานพูดขึ้นอย่างดีใจ: “ แก้วน้ำใบนี้สามารถเข้าไปอยู่ในรายการของการประชุมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกครั้งนี้ บริษัทเหิงไทยได้สิทธิ์ในการวางแผนและจัดการ พรุ่งนี้ผมพากลุ่มเทคนิคไปที่บริษัทของคุณได้ไหมครับ? ”

ผู้นำบริษัทพยักหน้าอย่างพอใจที่สามารถร่วมงานได้ตรงนั้นเลย

ผู้จัดงานประคองแก้วน้ำในมือ และเหมือนเขาเพิ่งนึกอะไรออก จึงพูดถามขึ้น: “ งั้นก็แสดงว่าแก้วน้ำใบนี้ก็คงจะเป็นของผู้ชนะแล้วใช่ไหม? แล้วใครเป็นคนออกแบบล่ะ? ”

ทุกคนเงียบลงทันที หลังจากนั้นก็หันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยน

ผู้จัดงานมองตามสายตาพวกเขาไป พอเห็นว่าเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็เผยสีหน้าดีใจออกมาทันที

“ ผมรู้อยู่แล้วว่าผลงานแบบนี้ คุณเวินจะต้องเป็นคนออกแบบแน่ๆ! ตอนนั้นผมดูไม่ผิดจริงๆด้วย! ”

พูดเสร็จ เขาก็หันไปมองอาจารย์ฟ่าน และพูดขึ้น: “ คุณต้องเอาแบบอย่างคุณเวิน ถึงแม้ว่าประสบการณ์ของเธอจะไม่เท่าคุณ แต่ด้านความคิดสร้างสรรค์ คุณสู้เธอไม่ได้เลย ”

เดิมที เขาแค่จะพูดไปเรื่อย กลับทำให้สีหน้าของอาจารย์ฟ่านไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่!

แต่เผชิญกับคำพูดของผู้จัดงาน เธอกลับทำได้เพียงพยักหน้า และยิ้มอย่างเก้อเขิน

“ ฉันจะพยายามค่ะ ”

ผู้จัดงานยิ้มอย่างพอใจ หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ ใช่ล่ะ ในเมื่อเป็นการแข่งขัน พวกคุณคงจะมีนิมิตหมายที่จะได้ชัยชนะใช่ไหม? มีรางวัลให้คนชนะไหมล่ะ? ”

พอเขาถาม สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที

ต้องรู้ก่อนว่า พวกเขาแค่อยากใช้การแข่งขันนี้ ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตกลงมาจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายชี้แนะเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นแบบนี้

ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเขาทำไม่สำเร็จ ยังตบหน้าพวกเขาจนเสียงดังอีกด้วย

ตอนนี้ใครยังจะกล้าพูดออกมาต่อหน้าเขาล่ะ?

พวกเขายิ้มอย่างเก้อเขิน

“ ไม่มีนิมิตหมายอะไร ก็แค่แข่งกันเล่นๆเท่านั้นเอง”

“ หรอ? ”

ผู้จัดงานรู้สึกเสียดายนิดหน่อย เขาหันไปพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน: “ ผมคิดว่าการแข่งขันของพวกคุณน่าจะสร้างโครงการใหม่ๆให้กับการประชุม ถ้าเป็นแบบนั้นได้จะดีมากเลย ”

พวกอาจารย์บูรณะโบราณวัตถุยิ้มอย่างเก้อเขิน แต่ไม่ได้พูดอะไร

ผู้จัดงานไม่สังเกตถึงความผิดปกติ เขาคุยกับเวินเที๋ยนเที๋ยนเกี่ยวกับเรื่องการออกแบบแก้วน้ำใบนี้ และตอนนี้คนอื่นๆถึงจะเดินออกมา

ก่อนไป จี้จิ่งเชินก็ได้เดินไปที่ด้านหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยน หลังจากนั้นก็พูดเสียงเบา

“ วิธีของผมใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง? ”

พอเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียง เธอจึงรีบหันกลับมามองเขาทันที หลังจากนั้นก็หันไปมองรอบๆ พอเห็นว่าไม่มีใครได้ยินคำพูดประโยคนี้ เธอถึงจะพยักหน้านิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

จี้จิ่งเชินหัวเราะนิ่งๆ และพูดเสียงเบาลงกว่าเดิม

“ แต่ผมเป็นคนคิดวิธีนี้ ถ้าจะใช้ก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ”

ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มองเขาอย่างไม่เข้าใจทันที

ในดวงตาของจี้จิ่งเชินมีความขี้เล่นซ่อนอยู่ในนั้น มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นนิดหน่อย

“ แต่รอให้กลับก่อนแล้วค่อยเก็บก็แล้วกัน ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ฟัง ก็เบิกตากว้างทันที เธอพอจะเดาได้รางๆแล้ว ใบหน้าของเธอจึงแดงเป็นเลือดฝาดนิดหน่อย แต่ไม่ได้พูดอะไร

จี้จิ่งเชินยกยิ้มมุมปากนิดหน่อย ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความขี้เล่น

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท