บทที่ 662 ตัวอย่างหนังที่สะท้านใจผู้คน
ชายหนุ่มยืนพิงกรอบประตูและเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะมองมาที่เธอ
“ฉันคิดว่าเป็นหมินอันเกอเข้ามา”
“อยากเจอเขาขนาดนั้นเชียว?”
จี้จิ่งเชินยกเท้าขึ้นและเดินเข้าไปด้วยความหึงหวงเล็กน้อย
หลังจากได้ฟัง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้ว่าจี้จิ่งเชินจงใจ เธอยังคงอธิบาย “พวกเราแค่คุยกันเรื่องงาน”
พูดจบ เธอก็นึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันและถอนหายใจ
“ฉันรู้” จี้จิ่งเชินเอ่ย “กิจกรรมโปรโมตของพวกเธอถูกระงับเมื่อวานนี้ วันนี้ถึงเวลาปล่อยตัวอย่างแล้วไม่ใช่หรือ? ”
“นั่นเป็นแผนที่วางไว้ แต่ตอนนี้ความเสี่ยงบนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยสำหรับพวกเรา…”
“ดังนั้นเธอจะหยุดโปรโมตหรือ?” จี้จิ่งเชินย้อนถามเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว
“ถ้าหากพวกเราโปรโมตออกไปในตอนนี้ ก็เท่ากับกำลังผลักทีมงานทั้งหมดให้ไปอยู่ท่ามกลางพายุ และถูกชาวเน็ตจำนวนมากต่อต้านใส่ อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อการเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย”
“แต่ถ้าไม่ปล่อย พวกเขาก็จะไม่แม้แต่มีโอกาสที่จะได้เข้าถึงความตั้งใจของคุณที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ อีกทั้งยังพลาดโอกาสในการสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย”
จี้จิ่งเชินกล่าวขณะที่เดินเข้าไปข้างๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนและวางมือลงบนไหล่ของเธอ
การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล มอบความกล้าหาญอันอบอุ่นที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“หรือเธอไม่มั่นใจในภาพยนตร์ของตัวเอง” จี้จิ่งเชินกล่าวต่อ
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นและเตรียมที่จะอธิบายความยากลำบากของเธอให้จี้จิ่งเชินฟัง
แต่เมื่อสบตากับดวงตาของเขา เธอกลับพูดไม่ออกสักคำ
นั่นเพราะดวงตาคู่นั้นช่างแน่วแน่ และไม่เคยหวั่นไหวสักนิด
ทันใดนั้นจู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ ถึงสิ่งที่จี้จิ่งเชินเคยบอกเธอ
หากคิดฝืนกระแส ย่อมต้องได้รับความยากลำบากกว่าคนอื่นๆ
แต่ถ้าไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก็ไม่มีทางไปถึงฝั่งได้
ประโยคนี้ดังขึ้นในความคิดของเธอ เมื่อมองไปที่ดวงตาของจี้จิ่งเชิน ความกังวลลึกๆ ภายในใจก็ค่อยๆ หายไปและเต็มไปด้วยความมั่นใจอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พยักหน้าอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอหนักแน่นขึ้นมา
“ฉันจะให้พวกเขาปล่อยตัวอย่าง และเริ่มโปรโมต”
พูดจบ เธอก็ยืนขึ้นและเขย่งเท้าจูบจี้จิ่งเชินที่แก้มจากนั้นก็รีบออกไป
จี้จิ่งเชินไม่ทันคาดคิดถึงการกระทำของเธอ และไม่ตอบสนองไปชั่วครู่
เมื่อเงยขึ้นไปมองอีกครั้ง ก็เห็นเพียงด้านหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยน
จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นและสัมผัสรอยที่ถูกสัมผัสเบาๆ ด้วยปลายนิ้วของเขา ใบหน้าเกิดเป็นรอยยิ้มแสนรักใคร่ขึ้น
“ทำไมถึงได้กะทันหันแบบนี้?”
“ฉันบอกไปแล้ว ว่าฉันแพงมาก …”
ในอีกด้านหนึ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังรีบออกจากห้องหนังสืออย่างเร่งรีบ และแจ้งให้แก่ทีมโปรโมต ให้ตัดต่อตัวอย่างที่จะโปรโมตและเริ่มการโปรโมตรอบแรก
เมื่อได้ยินการตัดสินใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทีมโปรโมตกลับลังเลอยู่บ้าง
ตอนนี้ ผู้คนบนอินเทอร์เน็ตกำลังคว่ำบาตรทีมผู้ผลิตทั้งหมด และทุกอย่างกำลังตกอยู่ในความร้อนแรง หากโปรโมตออกไป จะต้องเจอกับการต่อต้านอย่างรุนแรงแน่นอน
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ทำเรื่องอะไรก็ระมัดระวังตัวมาโดยตลอด ทำไมจู่ๆ เธอถึงได้หุนหันพลันแล่นได้ขนาดนี้
แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนมีความคิดที่แน่วแน่อย่างยิ่ง พวกเขาก็ไร้ทางเลือก ได้แต่ตอบรับและลงมือปล่อยวิดีโอโปรโมตออกไปในที่สุด
ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะยอมรับคำวิจารณ์และคำด่าของชาวเน็ตจำนวนมากเอาไว้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อมีการปล่อยโปรโมตออกไป เรื่องราวทั้งหมดกลับมุ่งไปในทิศทางที่แม้แต่พวกเขาเองก็นึกไม่ถึง
และกลายเป็นรากฐานที่สำคัญ สู่ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขา!
ในขณะเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตกำลังรีเฟรชหน้าเว็บของตน
ทุกที่ทุกแห่ง ล้วนเต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับหมินอันเกอและเวินเที๋ยนเที๋ยน
ผู้คนเกือบทั้งหมดกำลังคว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้ และปฏิเสธไม่ยอมดูมัน อีกทั้งยังเรียกร้องให้ถอดมันออกและขับไล่หมินอันเกอออกจากวงการไป!
อีกทั้งในการรีเฟรชแต่ละครั้ง ล้วนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
ทุกคนล้วนยืนอยู่ในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งยังหยิบยกเรื่องในอดีตของหมินอันเกอขึ้นมาพูดไม่หยุด ทำให้ยิ่งมีคนเกลียดภาพยนตร์เรื่องนี้มากขึ้น
ในเวลานั้นเอง จู่ๆ ทีมงานภาพยนตร์คนหนึ่งก็ปล่อยตัวอย่างโปรโมตของภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมา
เมื่อผู้คนได้เห็น คนจำนวนมากยังไม่ทันได้ดูตัวอย่างก็รีบวิจารณ์ทีมภาพยนตร์ทันที และเรียกร้องให้พวกเขาถอนมันออกทันที
ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ก็มีผู้คนนับหมื่นทิ้งข้อความไว้ด้านล่าง และทุกอันล้วนเต็มไปด้วยคำด่า
แต่ทีมภาพยนตร์ก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา
จนกระทั่งเกือบยี่สิบนาที ก็ค่อยมีคนยอมเปิดวิดีโอดูในที่สุด เนื่องจากเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น
ทันทีที่เปิดดู หน้าจอก็เต็มไปด้วยความมืด
ในใจของผู้คนเต็มไปด้วยความสงสัย และมองดูด้วยความรังเกียจ
เป็นภาพยนตร์ห่วยๆ ตามที่คาดไว้ แม้กระทั่งตัวอย่างยังเป็นแบบนี้ หนังเรื่องนี้ไม่มีจุดขายเลยสักนิด!
ในขณะที่คิด ก็มีแสงกะพริบสว่างวาบขึ้นจากหน้าจอที่มืดมิด
หลังจากแสงระยิบ ก็ค่อยๆ เกิดเป็นแสงสว่างขึ้น และเกิดเป็นตัวอักษรขึ้นมาท่ามกลางความมืด
มีบางส่วนร้อน มีบางส่วนสว่าง
ราวกับแสงจางๆที่สามารถส่องสว่างได้ในความมืด
ไม่จำเป็นต้องรอแสงไฟ
ด้วยคำบรรยายที่แสดงทีละนิด วิดีโอที่มีแสงกะพริบ จู่ก็เปลี่ยนเป็นภาพกำแพงอันตระหง่านงดงาม!
บ้านรกร้าง!
ภาพที่ปรากฏขึ้นมา ทำให้ในใจของผู้คนเกิดความอยากรู้ขึ้นไปด้วย
ในขณะที่คิด จู่ๆ ภาพด้านหลังก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอและครอบงำทุกสายตาของผู้คน
ช่างเป็นภาพด้านหลังที่อ้างว้างและเด็ดเดี่ยว!
เขายืนอยู่ท่ามกลางสวนอันรกร้าง รายล้อมไปด้วยร่างของผู้คนมากมาย
ท่ามกลางภาพขาวดำ มันเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ความขุ่นเคืองและความมุ่งมั่น!
แต่ฉากนี้เพียงฉากเดียว ก็เพียงพอที่จะเขย่าหัวใจของผู้คน!
ฉากด้านหลังนั้นอยู่บนหน้าจอนานเป็นเวลาเกือบสามวินาที
เมื่อทุกคนได้เห็นด้านหลังนี้ พวกเขารู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร
เนื่องจากความสามารถในการเข้าถึงบทบาทและการแสดงออกของอีกฝ่ายเข้าถึงอารมณ์ได้ถึงขีดสุด แต่เมื่อมองจากด้านหลังบุคคลผู้นี้ยังเด็กอย่างยิ่ง
เมื่อมองไปทั่วทั้งวงการบันเทิง จะมีนักแสดงหน้าใหม่คนไหนกันที่สามารถแสดงได้ดีขนาดนี้?
ในขณะที่ผู้คนกำลังนึก บุคคลที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางหน้าจอก็ค่อยๆ หันหน้ามาช้าๆ
เขาไม่ได้หมุนตัวกลับมา แต่ทำเพียงเอียงคอมาเหลือบดูด้านหลังเท่านั้น
เพียงพริบตาเดียว มันก็ตกเข้าสู่กลางใจของทุกคน!
หมินอันเกอ!
เป็นหมินอันเกอ!
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจ
ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่า คนที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงได้ขนาดนี้ จะเป็นคนที่พวกเขาคอยใส่ร้ายมาตลอดอย่างหมินอันเกอ
ชายในจอกำลังยืนอยู่ในสวนร้างที่มีศพหลายศพล้อมอยู่รอบๆ
เขายืนอยู่อย่างสงบนิ่ง ดวงตาทะลุถึงจิตใจของผู้คน
ในขณะนั้นเอง ภาพขาวดำก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมีสี ทีละนิดๆ โดยมีหมินอันเกอเป็นศูนย์กลาง และค่อยๆ แสดงภาพโลกทั้งใบ
ในใจที่กำลังตื่นตะลึงเองก็ค่อยๆ เต้นขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ฝูงชนค่อยๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เป็นกำแพงสูงตระหง่าน
ภาพที่เยือกเย็นและงดงาม
ภาพผู้คนที่กำลังดิ้นรนอยู่ในก้นบึ้งของสังคม
อีกทั้งยังมีภาพการต่อสู้ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเลือดลมพลุกพล่าน
แต่ละฉากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันและค่อยๆ นำพาไปถึงจุดสุดยอด
