เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 809 ชาวประมงอาวุโสที่ประสบเคราะห์ร้าย

บทที่ 809 ชาวประมงอาวุโสที่ประสบเคราะห์ร้าย

บทที่ 809 ชาวประมงอาวุโสที่ประสบเคราะห์ร้าย

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างกังวล ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนนี้ ครอบครับของเขาทำไมถึงกล้าที่จะปล่อยให้เขาออกมา ออกจับหาปลาตามลำพัง

แต่จี้จิ่งเชินแววตาของจี้จิ่งเชินยังคงเปี่ยมด้วยความระมัดระวัง

เวลานี้พวกเขาอยู่บนเกาะเล็กกลางมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณโดยรอบของเกาะก็รกร้างเปล่าเปลี่ยวเป็นอย่างมาก ทำไมจึงบังเอิญขนาดนี้ พบกับคนชาติบ้านเดียวกัน?

“คุณบอกว่าคุณคือชาวประมง? ”

“ใช่” ผู้อาวุโสรีบตอบ: “ฉันมีใบอนุญาตทำการประมง ยังมีใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องอื่นด้วย หากคุณไม่วางใจ ฉันนำมาให้คุณดูได้ ฉันไม่ใช่คนร้าย”

เขาพูดอย่างระมัดระวัง และรีบขึ้นเรือไปนำมา

ขณะนำเอาใบอนุญาตทำการประมงออกมา ผู้อาวุโสก็เช็ดทำความสะอาดอย่างระมัดระวัง ส่งมอบให้เวินเที๋ยนเที๋ยน และยิ้มให้กับเธออย่างเก้ ๆ กัง ๆ

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นมือของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลแตก ดูชราภาพมาก จึงใจอ่อน รับเอกสารนั้นมา

ใบเอกสารรับรองมีภาพถ่ายของชาวประมงอาวุโสผู้นี้จริง ๆ สามารถทำการประมงได้ในบริเวณโดยรอบใกล้ ๆ กับเกาะเล็ก

จี้จิ่งเชินดูแล้ว จึงคลายความสงสัยในใจลงไปบ้าง

“เกาะแห่งนี้ มีระยะทางห่างจากที่นี่พอสมควร”

“ถูกต้อง ฉันถูกกระแสน้ำแรงพัดพาออกมา คิดหาวิธีที่จะกลับไปอยู่ตลอด อดีตสถานที่แห่งนี้เป็นเกาะร้างไม่มีคนอาศัยอยู่ เดิมทีฉันคิดที่จะมาพักผ่อนที่นี่สักครู่แล้วค่อยออกเดินทาง คิดไม่ถึงว่า……ขออภัยเป็นอย่างมาก”

จี้จิ่งเชินพูดว่า: “เกาะแห่งนี้ฉันได้ซื้อเอาไว้ตั้งแต่เมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว”

“ขอโทษด้วย ฉันไม่ทราบ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

เขาถูมือไปมาด้วยความตึงเครียด หมุนตัวแล้วเดินจากไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเรือลำนั้นเสียหายแล้ว รีบพูดขึ้นว่า: “เรือประมงของคุณทรุดโทรมเสียหายแล้ว ไม่อย่างนั้นก็หยุดพักที่นี่ก่อน คุณทานข้างแล้วเหรอยัง? ”

“ฉัน……”

ขณะที่ชาวประมงกำลังจะตอบ ท้องกลับมีเสียงร้องดังขึ้น ทำลายความสงบเงียบ

เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบพูดว่า: “ไม่เป็นไร คุณมาทานข้าวด้วยกันสิ พวกเราก็กำลังเตรียมที่จะทานข้าวกันพอดีเลย”

พเนจรอยู่บนท้องทะเลสามวันสามคืน ของกินที่ติดตัวมาน่าจะทานหมดไปตั้งนานแล้วแน่นอน?

เธอควรที่จะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว

“เออ……” ชาวประมงลังเลใจเล็กน้อย แต่ว่าท้องหิวมากแล้วจริง ๆ ไม่ง่ายเลยที่จะค้นพบสถานที่บนบก เขาก็ต้องการที่จะพักผ่อนสักระยะ

เขามองไปที่จี้จิ่งเชินอย่างกังวล

เขามองออกว่า ระหว่างเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน แน่นอนว่าชายผู้ที่แข็งแกร่งคนนี้ดูมีความระมัดระวังกับเขาอย่างมาก

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามสายตาของเขา ที่มองไปยังจี้จิ่งเชิน

“ว่ายังไง? ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนถามเขาเบา ๆ

จี้จิ่งเชินทำเสียงตอบรับ เพียงแค่พูดว่า: “ใบเอกสารรับรองไม่มีปัญหา”

ใบเอกสารรับรองไม่มีปัญหา ก็หมายความว่า สถานะของทั้งสองคนนี้ได้รับการยืนยันเป็นที่เรียบร้อย

เวินเที๋ยนเที๋ยนก็โล่งอก “คุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป? ”

คนสองคนที่มีชีวิตอยู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากที่จะขับไล่พวกเขาไป

แต่เธอไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินคิดว่าอย่างไร

ถ้าหากเธอและจี้จิ่งเชินมีความคิดเดียวกัน เธอก็จะได้รีบจัดเตรียมอาหารให้พวกเขาทาน

เธอรู้ถึงความกังวลของจี้จิ่งเชิน ถ้าหากเขาไม่เอ่ยปากพูดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนยังมีวิธีการอื่นอีก

เวลาที่ออกเดินทางอยู่ด้านนอก มีความระมัดระวังมากหน่อยเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าจี้จิ่งเชินเข้าใจในสิ่งเหล่านี้มากกว่าเธอ การตัดสินใจของเขา อย่างน้อยมีความสมเหตุสมผลมากกว่าความคิดของเธออย่างแน่นอน

จี้จิ่งเชินไม่ได้ตอบกลับเวินเที๋ยนเที๋ยนในเดี๋ยวนั้น

เขาเพียงแค่ถามเธอว่า: “คุณนายจี้มีความเห็นว่าอย่างไร? ”

เธอมีความเห็นว่าอย่างไร?

เวินเที๋ยนเที๋ยนยักคิ้วสงสัย เธอคิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะสอบถามความคิดเห็นของเธอ

เธอสอบถามความคิดเห็นของจี้จิ่งเชิน แน่นอนว่าต้องการให้การตัดสินใจเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับ จี้จิ่งเชิน

แต่เมื่อเขาถามกลับมาแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ตอบไปว่า “ฉันคิดอยากจะช่วยเหลือพวกเขา ยังไงเกาะนี้ก็มีขนาดใหญ่มากอยู่แล้ว ให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่ก่อนก็ไม่น่าเป็นปัญหาอะไร”

ถ้าหากไม่ช่วยเหลือพวกเขา ชาวประมงก็คงไม่มีหนทางไปต่อแล้ว

เรือก็เสียหาย เขาไม่สามารถขึ้นเรือได้ ถ้าหากยังไม่อนุญาตให้เขาพักอยู่บนเกาะแห่งนี้ จะให้เขาพักอยู่ที่ท่าเรือนี้เหรอ?

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงจะโหดร้ายเกินไปหน่อย

ด้วยลักษณะนิสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว คงจะต้องโทษตัวเองอย่างมากแน่นอน

เมื่อจี้จิ่งเชินฟังเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดจบ ก็ยิ้มที่มุมปาก “ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่เถอะ”

ให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่ก่อนจริงเหรอ?

เวินเที๋ยนเที๋ยนตะลึง ดวงตาแสดงท่าทีไม่อยากจะเชื่อแวบหนึ่ง

“ทำไมเหรอ? คุณคิดว่าฉันจะไม่รับฟังคำแนะนำความคิดเห็นของคุณงั้นเหรอ? ”

จี้จิ่งเชินมองเธอด้วยท่าทีหยอกล้อ

“ฉันเพียงรู้สึกว่า คุณอาจจะมีความระมัดระวังมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้”

เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกมองออกถึงความคิดของตน หน้าแดงขึ้นมาในทันที

จี้จิ่งเชินไม่เปิดโปงเธอ แต่เพียงอธิบายว่า: “มองจากลักษณะท่าทางแล้ว พวกเขาน่าจะไม่ได้พูดโกหก”

“และคุณก็ลืมแล้วเหรอว่าฉันเคยพูดอะไรเอาไว้? พวกเราคือสามีภรรยา จุดหมายความตั้งใจของคุณ ก็คือจุดหมายความตั้งใจของฉันเช่นกัน”

จุดหมายความตั้งใจของคุณก็คือจุดหมายความตั้งใจของฉัน……

เวินเที๋ยนเที๋ยนตะลึง อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จิตใจอบอุ่นอย่างมาก

ชาวประมงเห็นจี้จิ่งเชินกับเวินเที๋ยนเที๋ยนสนทนากันราวกับว่าไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ รู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที

ช่างเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันมากคู่หนึ่ง

เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดอยากที่จะพูดอะไรอีก แต่คิดออกกระทันหันว่าชาวประมงยังอยู่ข้าง ๆ กำลังรอการตัดสินใจของพวกเขาอยู่

เธอรีบพูดว่า: “หากพวกคุณไม่รังเกียจ ก็พักอยู่ที่นี่ก่อนได้ แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ของพวกเราค่อนข้างโกโรโกโสสักหน่อย……”

“ให้พวกเขาพักอยู่ในบ้านไม้”

จี้จิ่งเชินรีบขัดจังหวะการพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยน

พักอยู่ในบ้านไม้?

ใช่ห้องที่เก็บอุปกรณ์ตกปลาใช่ไหม ที่นั่นคนเข้าพักอยู่ได้เหรอ?

เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาโตมองไปยังจี้จิ่งเชิน ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาอันยืนหยัดของจี้จิ่งเชิน

เธอจึงรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา

การที่ให้พวกเขาพักอยู่ที่นี่นั้นเป็นการยินยอมอย่างมากของจี้จิ่งเชินแล้ว เขาไม่อนุญาตให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าไปพักในรังรักของเขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างแน่นอน

รับรู้ในสิ่งนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร

ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกตื้นตันใจ

จี้จิ่งเชินไม่ใช่ว่าไม่รังเกียจให้พวกเขาสองคนนั้นพักอยู่ที่นี่ แต่เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงเลือกที่จะประนีประนอม

เพราะว่าเขาไม่ต้องการให้เธอลำบากใจ และกล่าวโทษตำหนิตัวเอง

จี้จิ่งเชินเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่พูดอะไร นึกว่าเธอคงจะโกรธเคืองแล้ว

เขาโอบเธอเข้ามาในอ้อมอก “ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันจะไปนำสิ่งของเครื่องใช้มาให้พวกเขา รับรองได้ว่าพวกเขาพักอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน”

อันที่จริงเขายังมีความคิดแบบนี้ด้วย

เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้จึงหัวเราะออกมา “ฉันไม่ได้เป็นกังวล และไม่ได้จะตำหนิอะไรคุณเลย ฉันรู้ว่าการตัดสินใจของคุณนั้นต่างก็เพื่อประโยชน์ของฉัน”

“ที่จริงไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ฉันก็เห็นด้วยกับคุณทั้งสิ้น” จี้จิ่งเชินพูดอย่างเบา ๆ

เวินเที๋ยนเที๋ยนใบหน้าแดงกล่ำ พนักหน้าเบา ๆ มีความเขินอายเป็นอย่างมาก

ชาวประมงเห็นการแสดงออกร่วมกันระหว่างทั้งสองคน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำในอดีต

กาลครั้งหนึ่ง เขาเองก็มีครอบครัวที่มีความสุข แต่ว่า……

ชาวประมงส่ายศีรษะไปมา เริ่มวางแผนว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรดี

ก่อนหน้านี้ที่ติดอยู่บนเรือ เพื่อประทังความหิว จึงกินแต่เนื้อปลาสด สิ่งของที่นำติดตัวมาในช่วงก่อนนั้นก็กินและใช้ไปจดหมดแล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่า คฤหาสน์ยังพอมีวัตถุดิบอาหารเหลืออยู่ ยิ้มและพูดว่า: “เชิญตามพวกเรามา ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

พูดจบ เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ปลาสักตัวเดียวก็ยังตกไม่ได้

“แต่พวกเราอาจจะไม่มีปลาทานกันนะ”

ชาวประมงกลับแสดงท่าทีโล่งใจออกมา

“ไม่เป็นไร มีให้ทานก็ถือว่าดีมากแล้ว”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเขาเดินไปยังคฤหาสน์ แล้วดึงมือจี้จิ่งเชินมาอย่างเงียบ ๆ

“มานี่หน่อย”

จี้จิ่งเชินตามเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปยังข้างทาง

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างเบา ๆ ว่า: “พวกเขาคงจะพบเรื่องร้าย ๆ มาขณะที่ล่องลอยอยู่กลางทะเล เตรียมอาหารเสริมบำรุงร่างกายให้เขาเถอะ คนอาวุโสติดอยู่ในเรือมาตั้งนาน มันคงจะแย่หากเกิดโรคร้ายอะไรขึ้น”

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท