เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่877 เขียนได้แค่ห้าบรรทัด

บทที่877 เขียนได้แค่ห้าบรรทัด

บทที่877 เขียนได้แค่ห้าบรรทัด

เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงไม่ยอมง่ายๆ

“ฉัน ฉัน……”

“หรือว่าพรุ่งนี้คุณหวังจะให้ผมไม่ต้องเอาให้คุณอ่านแล้ว ให้ผมอ่านให้คุณฟังเลยดีไหม?”

ได้ยินกึ่งๆคำขู่ของจี้จิ่งเชิน และน้ำเสียงที่กึ่งๆจำยอม เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงทำได้เพียงต้องยุติลง

เทียบกับการที่จะต้องให้จี้จิ่งเชินมาอ่านจดหมาย เธอยอมเลือกที่จะให้เขาเป็นคนเก็บจดหมายเอาไว้ดีกว่า

อีกทั้งห้องใหญ่ขนาดนี้ รอจี้จิ่งเชินไปทำงานแล้ว เธอก็ยังสามารถไปขโมยมาอ่านได้ไม่ใช่หรือ?

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว จี้จิ่งเชินเป็นคนเก็บจดหมายก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้อะไรเท่าไหร่นัก

“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่ให้ฉันเขียนจดหมายเองได้ไหม?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รอให้จี้จิ่งเชินได้พูดออกมา ก็พูดรับประกันออกมาอีกครั้ง : “ฉันจะไม่ทำให้ตัวเองต้องเหนื่อย จริงๆค่ะ!”

“จดหมายให้ผมเป็นคนเขียน อย่าดื้อนะครับ คุณจำเป็นต้องพักผ่อนนะ”

จี้จิ่งเชินยกมือขึ้นมาลูบผมยาวๆของเธอ พลางเกลี้ยกล่อม

แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกอายอยู่บ้าง

ถึงแม้ว่าจะให้จี้จิ่งเชินเขียนแทนไม่ได้น่าอายเท่ากับให้เขาอ่านจดหมายให้ แต่ก็แทบจะไม่ได้ต่างกันเลย

อีกทั้งเธอยังจะต้องอ่านคำพูดที่ตัวเองต้องการจะเขียนลงไปออกมาอีก…….

“คุณไม่อยากอ่านให้ผมฟัง?”

จี้จิ่งเชินรู้สึกได้ถึงแววตาที่ไม่ยินยอมนี้ของเวินเที๋ยนเที๋ยน

“ไม่ใช่ว่าไม่อยากค่ะ……”

เวินเที๋ยนเที๋ยนกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบาย “แต่อายต่างหาก เพราะถึงยังไงจดหมายของฉันกับหลวนจื่อ…..ความลับของเรา จะมาอ่านให้พี่ฟังได้ยังไง?”

ต่อให้เธอกับจี้จิ่งเชินไม่ได้แบ่งแยกกันและกันนั้น แต่เธอเองก็อายที่จะให้เขารู้เนื้อหาในจดหมายนี่!

ถ้าหากจี้จิ่งเชินต้องการจะเขียนแทนจริงๆ คำพูดของเธอมากมายก็คงจะพูดไม่ออก

อย่างเช่นคำขึ้นต้น

หลวนจื่อเขียนให้เธอก็คือ “เที๋ยนเที๋ยนที่รัก”

เธอจะให้จี้จิ่งเชินรู้ได้อย่างไร?

คำพูดแบบนี้ จะให้เธอเอ่ยพูดกับจี้จิ่งเชินน่ะหรือ

จี้จิ่งเชินเห็นเธอที่ดูเหมือนจะอายจริงๆนั้น ใบหน้าแดงระเรื่อ หลังจากที่พึมพำอยู่พักหนึ่งนั้นก็หันหลังกลับออกไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเบื้องหลังเขาที่หายไปตรงประตูด้วยความประหลาดใจ

และไม่นาน จี้จิ่งเชินก็กลับมา แล้วหยิบเอากระดาษหนึ่งแผ่นและปากกาหนึ่งด้ามมาด้วย

“มากที่สุดเขียนได้ถึงตรงนี้นะครับ”

จี้จิ่งเชินชี้ไปที่บรรทัดเส้นที่ห้า

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ว่าเขายอมให้เธอเขียนเองแล้ว จึงปรากฏรอยยิ้มแห่งความดีใจออกมาในทันที

แต่เห็นตำแหน่งที่นิ้วของชายหนุ่มชี้อยู่ รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆแข็งทื่อไป

“ห้าบรรทัด?”

เธอมองจี้จิ่งเชินอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ต่อให้บรรทัดนึงฉันจะเขียนได้ยี่สิบตัว ห้าบรรทัดก็หนึ่งร้อยตัวอักษร น้อยเกินไปหรือเปล่าคะ?”

อีกทั้งข้างหน้านั้นจะต้องใส่คำเรียกด้วย คำเรียกก็นับเป็นบรรทัดนึงแล้ว เนื้อหาสามบรรทัด และลงชื่ออีกหนึ่งบรรทัด…..

หดลงให้ถึงหกสิบตัวอักษร

เวินเที๋ยนเที๋ยนเสนอข้อคัดค้านนี้ไป พยายามให้จี้จิ่งเชินเปิดกว้างกับคำเรียกร้องนี้

แต่ผลปรากฏว่าจี้จิ่งเชินกลับย้ายขึ้นไปอีกหนึ่งบรรทัด

“ถ้าอย่างนั้นก็สี่บรรทัด”

“อย่าๆๆ ห้าบรรทัดก็ห้าบรรทัดค่ะ!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนความคิดอีก จึงรีบเอ่ยพูดขึ้นมา

อย่างมากเธอก็ไม่ต้องเขียนตามช่อง

ถึงอย่างไรก็ให้หลวนจื่ออยู่แล้ว จดหมายก็ไม่จำเป็นต้องส่ง ให้จี้จิ่งเชินไปเลย ให้เขาบอกจงหลีไปส่งให้เธอก็พอ

รูปแบบเพียงแค่ดูแล้วจะสบายตาเพียงเท่านั้น

เวินเที๋ยนเที๋ยนยกยิ้มมุมปาก ระหว่างที่คิดอยู่นั้น จี้จิ่งเชินก็ได้จัดโต๊ะตัวเล็กให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ขอบคุณค่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่แสดงความขอบคุณ

จี้จิ่งเชินยิ้มกลับ เอากระดาษวาง แล้วเปิดปลอกปากกาเอาไว้ แล้วเอาปากกานั้นวางเอาไว้ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน

เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ

ปากกาด้ามนี้เบามาก ดูแทบจะไม่มีน้ำหนักอะไรเลย

แล้วจู่ๆเธอก็นึกขึ้นมาได้ ว่าในบ้านมีปากกาหมึกซึมอยู่ โดยปกติแล้วจี้จิ่งเชินและเธอจะคุ้นเคยกับการใช้ปากกาหมึกซึมมาตรวจสอบเอกสาร

และจี้จิ่งเชินก็จะใช้เลือกระหว่างปากกาหมึกซึมกับปากกาเซ็นชื่อ โดยจะเลือกใช้ปากกาที่มีน้ำหนักเบาอย่างปากกาเซ็นชื่อ เพื่ออะไรไม่ต้องพูดก็เห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกซาบซึ้งกับการกระทำของเขา และยิ่งรู้สึกประทับใจกับความเอาใจใส่นี้ของเขา

จี้จิ่งเชินสามารถทำเพื่อเธอได้ขนาดนี้ ดูแลทุกๆรายละเอียดที่สามารถทำได้ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ

“ทำไมไม่เขียนแล้วล่ะครับ?”

จี้จิ่งเชินคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สบาย “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ? หรือว่าเหนื่อยเกินไป?”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้สึกว่าพี่ดีกับฉันจริงๆเลย”

“เด็กโง่ คุณเป็นภรรยาของผมนะ ผมต้องดูแลคุณก็เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”

คิดไม่ถึงเลยว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่

จี้จิ่งเชินมองเธออย่างขำๆ แล้วเอ่ยพูดกับเธอเบาๆ

และเป็นอย่างที่คิด ใบหูของเธอแดงขึ้นมาแล้ว

“ฉัน ฉันจะเขียนจดหมายแล้ว ไม่ให้พี่แอบดูนะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง หลบสายตาที่จ้องมาของจี้จิ่งเชิน

ถึงแม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ตอนที่มาได้เผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชิน ก็ยังอดที่จะรู้สึกเขินขึ้นมาเองไม่ได้

เธอรู้สึกอารมณ์เสียกับอาการที่แสดงออกมาของตัวเองอยู่บ้าง และกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะหัวเราะเยาะเธอ จึงรีบเอาความสนใจนี้จดจ่ออยู่กับจดหมาย

ใช่ เธอควรจะคิดว่าจะเขียนอะไรให้หลวนจื่อดีกว่า เพราะถึงอย่างไรเธอก็มีเพียงแค่ห้าบรรทัดที่จะสามารถเขียนออกมาได้

อาการเขินอายของเวินเที๋ยนเที๋ยน ทำให้จี้จิ่งเชินที่อารมณ์ไม่สงบสุขเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สบายนั้นดีขึ้นมามากแล้ว

เขาชอบมองการแสดงอาการทั้งหมดของเวินเที๋ยนเที๋ยน สุข โกรธ เศร้า ดีใจ ล้วนแต่ทำให้หัวใจของเขามีความสุขทั้งสิ้น

“ได้ครับ ผมไม่ดูหรอก”

จี้จิ่งเชินหันหลังกลับไปอย่างคล้อยตาม

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเบื้องหลังที่ใหญ่และกว้างของเขาแล้วอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ จากนั้นก็เริ่มคิดว่าจะเขียนอะไรลงไปในจดหมายฉบับนี้

ถามสารทุกข์สุขดิบ?

ไม่ได้ มีแค่ห้าบรรทัด ถามเพียงแค่ไม่กี่ประโยคก็จะไม่มีที่เขียนแล้ว

อีกทั้งแบบนี้จะเป็นการเริ่มต้นสวยแต่จบแย่อย่างเห็นได้ชัด ดูไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่นิดเดียว

เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิด แล้วตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องที่เธอสามารถเขียนจดหมายได้แค่ห้าบรรทัดนี้กับหลวนจื่อ

เพื่อเลี่ยงการที่เธอจะคิดว่าตัวเองทำอย่างขอไปที

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยายามที่จะเขียนตัวอักษรเบียดเอาไว้ด้วยกัน แต่เพิ่งจะเขียนเรื่องนี้จบนั้น ก็ไม่สามารถยัดตัวอักษรลงไปได้อีกแล้ว

“เขียนเสร็จแล้วหรือครับ?”

ไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินหันกลับมาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่

เขาเห็นตัวอักษรที่หนาแน่นของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดขัดอะไรออกมา

เพียงแต่เตือนเธอเอาไว้ “ครั้งหน้าไม่ต้องเบียดกันขนาดนี้แล้วนะครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์

ถ้าไม่ใช่เพราะกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของจี้จิ่งเชิน เธอจะต้องมาเปลืองแรงกับการเขียนให้ตัวอักษรหนาแน่นติดกันแบบนี้ไหม?

ไม่สวยแล้วไม่ว่า บนจดหมายตัวอักษรเต็มแน่นห้าบรรทัด ส่วนทางด้านล่างก็ว่างเปล่า

ดูแล้วไม่กลมกลืนเอาเสียเลย

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูจดหมายที่น่าเวทนาเสียเกินกว่าจะทนดูได้ฉบับนี้ แล้วจู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ “ถ้าอย่างนั้นพี่ให้ฉันเขียนอีกซักสองสามบรรทัดได้ไหมคะ?”

ถ้าหากเขียนได้อีกสองสามบรรทัด เธอก็ไม่ต้องลำบากที่จะเขียนตัวอักษรเบียดกันขนาดนี้แล้ว

จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดที่จะทำอะไร

เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แต่กลับปฏิเสธ “ไม่ได้ครับ”

ถ้าหากเขาให้ขีดจำกัดที่กว้างขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องเขียนอะไรไปอีกมากมายอย่างแน่นอน ความพยายามนี้จะต้องมีไม่น้อยอีกอย่างแน่นอน

แล้วจะให้เธอพักฟื้นดีๆได้อย่างไร?

จี้จิ่งเชินปฏิเสธเธออย่างไม่ต้องคิดเลย

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่กลับคำพูดแล้ว จึงทำได้เพียงยื่นส่งจดหมายให้กับเขา “โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นพี่เอาจดหมายนี้ส่งให้กับหลวนจื่อด้วยนะคะ”

ถึงอย่างไรอนาคตก็ยังอีกยาวไกล

ถึงแม้ว่าทุกวันจะเขียนได้เพียงแค่ห้าบรรทัด แต่เรื่องที่จะพูดจริงๆแล้วนั้นก็ไม่ได้มีจะให้เขียนได้มากขนาดนั้นเหมือนกัน

ตัดเรื่องไร้สาระและการทักทายออกไป แล้วก็พูดถึงแค่ประเด็นสำคัญ

ดูเหมือนจะดีกว่าการเขียนจดหมายแผ่นใหญ่ๆยาวๆเสียอีก

จี้จิ่งเชินเห็นว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่ จึงยกมือขึ้นมาแล้ววางตรงใบหน้าด้านข้างของเธอ “ไม่ต้องคิดมากแล้วครับ คุณพักผ่อนเถอะ เรื่องอื่นเอาไว้ให้ผมจัดการนะ”

“อืม”

เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางพยักหน้าลง

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท