เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่936 แผนซ้อนแผน

บทที่936 แผนซ้อนแผน

บทที่936 แผนซ้อนแผน

ป้ายหยกชิ้นนี้ด้านหนึ่งแกะสลักเป็นกิเลนที่เท้าเหยียบอยู่ในเปลวไฟ ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นมังกรน้ำ5เล็บ ความหมายแฝงก็คือความสงบสุขและความปลอดภัย

และเมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นหยกนี้แล้วก็รู้เลยว่ามีมูลค่ามากเกินไป จึงปฏิเสธออกมา

ท่านเปิงทำหน้าบึ้ง :

“ฉันให้เสี่ยวหยู๋ชิงของฉัน ไม่ใช่ให้เธอเสียหน่อย” ใบหน้าเมินเฉย

เขาเอ่ยพูดขึ้นกับจี้หยู๋ชิงหนวดเคราสะบัดไปมา :

“เด็กน้อย ของชิ้นนี้ฉันให้เธอนะ นี่เป็นของดีเชียวนะ”

จี้หยู๋ชิงเอียงศีรษะพลางคิด แล้วส่งยิ้มให้เขา ในดวงตาโค้งงอนั้นราวกับซ่อนโลกทั้งใบเอาไว้

หัวใจของท่านเปิงนั้นแทบจะละลายอยู่แล้ว

ฝ่ามือเปิดออก หยกชิ้นนั้นนอนวางลงอย่างเงียบๆ เหมือนกับสระน้ำลึกอย่างไรอย่างนั้น

จี้หยู๋ชิงหยิบหยกชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วหันมายื่นส่งให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่อีกทานด้านหนึ่ง

เสียงหัวเราะของท่านเปิงนั้นหยุดไป

“นี่? เด็กขนาดนี้ก็รู้จักยืมของของคนอื่นมาแสดงเป็นน้ำใจแล้วหรือเนี่ย?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรับป้ายหยกมา แล้วอ้อมคอของจี้หยู๋ชิงเพื่อผูกให้เขา แล้วเอาป้ายหยกใช้ฝ่ามือทำให้อุ่น ถึงได้เอาใส่เข้าไปในเสื้อตรงหน้าอกของเขาเพื่อให้แนบกับร่างกายเอาไว้

หยกนี้จะต้องอยู่แนบกับผิวถึงจะดี หยกเลี้ยงคน คนเลี้ยงหยก จะได้เป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ว่ากันว่าหยกยังสามารถช่วยป้องกันเจ้าของจากภัยอันตรายต่างๆ หยกแตกสลายไปแล้วแต่คนก็จะยังปลอดภัย

ก็เหมือนกับนิวนิว เพื่อขวางไม่ให้เจ้าของถูกพาตัวไป ก็พุ่งเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย

บางครั้ง คนก็ยังสู้หมาไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ

จี้หยู๋ชิงดูเหมือนจะคิดถึงนิวนิว เขาเขย่าแขนของจี้จิ่งเชิน แล้วชี้ไปที่ประตู

“อยากจะไปไหนครับ?”

จี้จิ่งเชินเอาตัวเขาวางลงบนพื้น แล้วตามเขาไป จนเดินไปถึงบ้านหมาที่อยู่ข้างๆด้านนอกประตู

ศพของนิวนิวนั้นฟังอยู่ในสวนดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ในบ้านหมานั้นก็ว่างเปล่า จี้หยู๋ชิงยืนเหม่ออยู่พักหนึ่ง ไม่เห็นนิวนิววิ่งออกมาเหมือนอย่างปกติ

“ชิงชิง ต่อไปเดี๋ยวแม่ซื้อลูกหมาให้ใหม่ดีไหมครับ? เอาที่น่ารักเหมือนกับนิวนิวเลย”

หัวใจดวงน้อยของจี้หยู๋ชิงรู้ว่านิวนิวได้จากเขาไปตลอดกาลแล้ว

แต่เขากลับส่ายหน้า แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องโถงไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างประหลาดใจ

แล้วนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหมอ

บางทีเสี่ยวหยู๋ชิงไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรัก แต่เขาเข้าใจมากเกินไปต่างหาก

ตอนที่ท่านเปิงจะออกไปนั้น ก็หันกลับมาพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง

“จานเครื่องเคลือบสีดำที่ฉันเอามาให้เธอครั้งที่แล้ว ไม่รีบนะ เธอค่อยๆซ่อมมันก็ได้ ท่านจางช่วงนี้ออกเดินทางไปไกลเลย คาดว่ากว่าจะกลับมาได้คงอีกซักพัก”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเครื่องเคลือบลายครามสีดำที่มีค่าอันนั้นยังคงวางอยู่ที่ห้องทำงานของเธอ เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เกือบจะเกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ยวหยู๋ชิง งานซ่อมแซมนั้นจึงหยุดลงชั่วคราวไปแล้วสองสามวัน

“ผ่านไปอีกซักพักนึง น่าจะได้แล้วล่ะค่ะ ตอนเพิ่งเริ่มก็ช้าไปหน่อย แต่ค่อยๆหาจังหวะได้ก็จะชินแล้ว”

ตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งท่านเปิงออกไปนั้น จี้จิ่งเชินก็ได้รับข่าวคราวล่าสุดจากที่บอร์ดี้การ์ดส่งมา

——หล่อนเจียนีไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันกับมาเฟียคนหนึ่ง

บทสนทนาที่ถูกบันทึกเอาไว้ถูกส่งมาให้จี้จิ่งเชิน

“พี่หลี่ ครั้งนี้พี่ต้องช่วยฉันนะ” น้ำเสียงที่เสแสร้งน่าขยะแขยงของหล่อนเจียนีดังขึ้น มีความรู้สึกเลี่ยนกับทั้งร่างกายที่ดูอัปลักษณ์นี้

“เป็นอะไรไป? ใครกล้ามาหาเรื่องที่รักของผม?”

หึ ขอโทษด้วย คนที่กล้าคนนี้ก็คือจี้จิ่งเชิน อีกทั้งตอนนี้ยังมานั่งฟังการยั่วเย้าที่ทำให้น่าอาเจียนของพวกแกอยู่ด้วย

“ผู้หญิงคนนี้ พ่อของฉันก็ถูกเธอทำร้ายเหมือนกัน” รูปเมื่อก่อน หล่อนเจียนียังคงพกติดตัวเอาไว้

“ถ้าอย่างนั้น คุณอยากจะทำอย่างไร?” เสียงของผู้ชายดังขึ้น ฝ่ามือตบลงไปตรงสะโพกอวบๆของหล่อนเจียนี เนื้อก็สั่นตามไปด้วย

ได้ยินเสียง “เพียะ” ดังขึ้น

เสียงกระซิบที่เบาเกินไป ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจนนัก

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนจะร่วมมือกันทำเรื่องอะไรไม่ดีของทั้งสองคนรวมทั้งเสียงหายใจหอบอีกด้วย

จี้จิ่งเชินฟังแผนการที่พวกเขาคิดว่าไม่มีข้อบกพร่อง ด้วยสีหน้าที่มืดอึมครึม

ในเมื่อพวกแกยังจะดื้อดึงไม่ยอมรับความผิด ถ้าอย่างนั้นก็จะช่วยให้พวกแกสมหวังเอง

“ประธานจี้ครับ ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดีครับ?” บอร์ดี้การ์ดเอ่ยถามด้วยความกังวล

ตอนที่เขาได้ยินแผนการเหล่านั้นของหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันนั้นก็รู้สึกตกตะลึงมากเช่นกัน

คิดไม่ถึงเลยว่าสองคนนี้จะคิดวิธีที่ร้ายกาจออกมาได้ขนาดนี้

แต่ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะกลับยิ้มจางๆออกมาเพียงเท่านั้น

“แน่นอนว่าก็ต้องช่วยพวกเขาสิ”

จี้จิ่งเชินทิ้งประโยคนี้เอาไว้โดยที่ไม่ได้หันกลับมา

สองสามคนนั้นได้ยินคำสั่งของเขาแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไป แล้วรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

จี้จิ่งเชินจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “เรื่องนี้ไม่ต้องบอกเที๋ยนเที๋ยนนะ”

“ครับ ประธานจี้!”

จี้จิ่งเชินไม่อยากให้เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องมาสัมผัสกับด้านมืดๆแบบนี้ เธอกับจี้หยู๋ชิงรับผิดชอบแค่ยิ้มรับกับแสงอาทิตย์ก็พอ มีดปืนเรื่องลอบกัดนั้นให้พวกเขาเป็นกำบังเอาไว้ให้ดีกว่า

จี้หยู๋ชิงที่กำลังวุ่นอยู่กับตะเกียบบนเก้าอี้นั้นเงยหน้าขึ้นมองจี้จิ่งเชิน รอยยิ้มที่มุมปากของคนนั้นทำไมถึงได้แทรกซึมออกมาแบบนั้นกัน?

ดูแล้วจะมีใครที่ต้องประสบกับหายนะอีกแล้ว

จี้จิ่งเชินคาดเอาไว้ว่าไอคิวอย่างจี้หยู๋ชิงนั้นคงจะเข้าใจที่เขาพูดอยู่แล้ว อีกทั้งลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างสงบนิ่งสามารถควบคุมตัวเองได้

จี้จิ่งเชินรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูดคุยกันอย่างลูกผู้ชายหน่อยเสียแล้ว

บทสนทนาที่เสมอภาคกัน

“จี้หยู๋ชิงพ่อรู้ว่าเราเข้าใจความหมายของพ่อ”

จี้หยู๋ชิงเอียงศีรษะไป แล้วแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ

“เราเห็นว่าแม่ของเราทุกวันจะต้องคอยดูแลเรา แล้วก็ยังต้องทำงานบ้านอีก เรารู้สึกว่าแม่จะเหนื่อยหรือเปล่า?”

ศีรษะเล็กๆของจี้หยู๋ชิงนั้นพยักหน้าลง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตอบรับกับจี้จิ่งเชิน จี้จิ่งเชินตัดสินใจที่จะใช้ความพยายามต่อไป อาศัยตีเหล็กในช่วงที่ยังร้อนอยู่

“ถ้าอย่างนั้นเราจะต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังนะ อย่าทำให้แม่ต้องเหนื่อย รู้ใช่ไหม? ตอนที่พ่อไม่อยู่ เราก็คือลูกผู้ชายคนเดียวในบ้านจะต้องปกป้องคุณแม่นะครับ”

จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดอย่างเป็นทางการ จ้องมองไปยังดวงตาทั้งสองข้างของจี้หยู๋ชิงดวงตาคู่นั้นสีดำเข้มเหมือนน้ำหมึก เป็นครั้งแรกที่จริงจังขนาดนั้น

คิดแล้ว จี้จิ่งเชินก็เอ่ยพูดเสริมขึ้นอีก :

“แน่นอนว่า คุณปู่พ่อบ้านก็เป็นผู้ชาย แต่เขาอายุมากแล้ว ดังนั้นเราจะต้องรับผิดชอบที่จะเป็นคนดูแลพวกเขา”

ครั้งนี้จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลงอย่างช้าๆ มีสีหน้าท่าทางที่จริงจัง น่ารักเป็นอย่างมาก

จี้จิ่งเชินใจสั่น

“เรียกพ่อให้ฟังหน่อยสิครับ”

จี้หยู๋ชิงขมวดคิ้วขึ้น แล้วหันกลับไปอย่างเมินๆ

จี้จิ่งเชินกัดฟันด้วยความโมโหขึ้นมาในทันที

เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นสถานการณ์แล้วนั้น ก็มองพวกเขาด้วยความสงสัย

“คุยอะไรกันคะ?”

ทั้งสองคนส่ายหน้าพร้อมกัน แล้วสบตาอย่างเป็นที่รู้กัน

เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะออกมาเพราะท่าทางที่ดูลับๆของทั้งสองคนนั้น

อีกทางด้านหนึ่ง

หลังจากที่หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันหาที่พึ่งกับหัวหน้ามาเฟีย ‘พี่หลี่’ ใช้ชีวิตทั้งวันอยู่ในบ้านเช่าที่คับแคบที่มีแต่ควันบุหรี่และกลิ่นเหงื่อ

และตอนที่หลิวเหม่ยหลันจะอกจะแตกนั้น หล่อนเจียนีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างลึกลับ

“เตรียมตัวเสร็จหรือยัง?”

หลิวเหม่ยหลันเอ่ยถามลูกสาวตัวเอง

เธอยิ่งมองลูกสาวตัวเองไม่ออก ว่าไปอาศัยช่องทางมาเฟียพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

แต่ลูกสาวโตแล้ว เธอเองก็ไม่กล้าไปติเธอมากนัก

เธอมีสิทธิอะไรไปติเตียนได้กัน?

เธอทั้งสองคนเป็นประเภทเดียวกันอยู่แล้ว

ตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน เป็นตายด้วยกัน

บีบบังคับเธอมากๆเข้า ไม่แน่ว่าเธอก็จะหันมากัดตัวเองเสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง แต่หลิวเหม่ยหลันก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น

หลิวเหม่ยหลันไม่ลืมสายตาของ“พี่หลี่”ที่มองมายังลูกสาวของตัวเองด้วยความหื่นกาม และยังมีรอยสักที่น่ากลัวเต็มหน้าอกและแผ่นหลังของเขานั่นอีก

เธอขี้ขลาดมาก

แต่หากเทียบกันแล้ว การแก้แค้นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่น่าสบายใจกว่าอย่างนั้นหรือ

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท