เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่960 หลุดพ้นจากการบีบบังคับ

บทที่960 หลุดพ้นจากการบีบบังคับ

รู้ว่าวันนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะแข่งขัน หลวนจื่อยังลางานมาอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย

อดที่จะเอ่ยพูดขึ้นไม่ได้ : “เที๋ยนเที๋ยน วันนี้เธอต้องขึ้นเวทีแข่งขันแล้วนะ ทำไมถึงได้เห็นความเด็ดเดี่ยวของคนอื่น แต่กลับดูถูกตัวเองแบบนี้ล่ะ ฉันเคยเห็นผลงานของเธอ จะต้องโดดเด่นกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเขินๆอยู่บ้าง

“ฉันก็ยังกังวลอยู่ดี ทางด้านการซ่อมโลหะและเครื่องลายคราม ด้านนี้ฉันยังศึกษาค้นคว้ามาไม่พอเลย”

“เธอวางใจเถอะนะ” หลวนจื่อกล่าว : “ครั้งนี้เธอจะต้องชนะได้อย่างแน่นอน”

“รู้แล้ว”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วมองไปรอบๆ

“จี้จิ่งเชินกับหยู๋ชิงล่ะ?”

“พวกเขาอยู่ในหอประชุมข้างนอกน่ะ”

หลวนจื่อยื่นหน้ามา : “เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ก็คิดถึงเขาขนาดนี้แล้วหรือ? วางใจเถอะ เดี๋ยวตอนเธอขึ้นเวทีก็เห็นพวกเขาแล้ว ครั้งนี้เธอต้องสู้ๆนะ”

“เธอวางใจเถอะน่า ครั้งนี้ฉันจะพยายามแน่ๆ”

หลวนจื่อตบไหล่เธอเบาๆพลางเอ่ยขึ้น : “ต้องแบบนี้สิ เธอจะต้องเชื่อมั่นในตัวเธอเองนะ ว่าจะต้องชนะ คนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอหรอก!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกขำกับท่าทางที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนี้ของเธอ

“พวกเธอนี่คุยโอ้อวดกันได้อย่างไม่ละอายใจเลยจริงๆสินะ!”

เพิ่งจะพูดไปนั้น จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมอง เห็นเซียวหยี่อันยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเธอนัก มองพวกเธอด้วยสายตาที่ดูถูก

เมื่อเห็นบุคคลนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้น

เกี่ยวกับเซียวหยี่อันคนนี้แล้ว หลวนจื่อพอจะรู้และเข้าใจอยู่บ้าง ดูแล้วก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก

“มีคนเคยบอกเธอรึเปล่า ว่าคนอื่นคุยกันอยู่ไม่ควรจะพูดแทรกน่ะ!” หลวนจื่อตอบโต้กลับไปอย่างไม่พอใจ

เซียวหยี่อันทำเสียงฮึดฮัดออกมา แล้วสายตาก็มองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน

“เธออยากจะชนะการแข่งขันครั้งนี้หรือ? หยุดโวยวายได้แล้ว!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธอ แต่กลับเอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ : “เธอเองก็แข่งวันนี้เหมือนกันหรือ?”

คนที่ลงชื่อในครั้งนี้เกินกว่าสองร้อยคน ผลงานของแต่ละคนจะต้องแสดงออกมาให้เห็น การแข่งขันนี้กินเวลาเกินกว่าครึ่งเดือน

คิดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญแบบนี้ ว่าตัวเองกับเซียวหยี่อันจะมาแข่งขันในวันเดียวกันแบบนี้

เซียวหยี่อันเดินเข้ามาอย่างภาคภูมิใจ

“เดี๋ยวพวกเธอเห็นการออกแบบของฉัน จะต้องตะลึงแน่ๆ นี่เป็นความคิดที่สร้างสรรค์เพียงหนึ่งเดียวในโลก! ผู้ชนะจะต้องเป็นฉันอย่างแน่นอน!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจขนาดนี้แล้ว ในใจก็ยิ่งรู้สึกสงสัย

หลวนจื่อยืนอยู่ข้างๆ

ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกไม่พอใจ แล้วพูดว่าออกมาเสียงดัง : “คำพูดเหมือนกันก็มอบให้เธอแล้วกันนะ การแข่งขันยังไม่เริ่ม ก็บอกว่าตัวเองต้องชนะแล้ว เธอต่างหากที่พูดออกมาได้อย่างหน้าไม่อาย!”

เซียวหยี่อันหัวเราะเยาะ : “ถึงตอนนั้นพวกเธอก็รู้เอง”

ว่าแล้วก็หันกลับออกไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเบื้องหลังของเธอ แล้วอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ : “ตั้งหน้าตั้งตารอแล้วนะ ไม่รู้ว่าเธอจะทำผลงานแบบไหนออกมา? เทคนิคการซ่อมแซมของเซียวหยี่อันเก่งมากจริงๆนะ!”

หลวนจื่อที่รู้สึกเคียดแค้นอยู่นั้นได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกโมโห

แล้วโยกไหล่ของเธอพลางเอ่ย : “เที๋ยนเที๋ยน! เธอตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ! ตอนนี้เขากำลังแข่งขันกับเธออยู่นะ ทางนั้นเข้ามาพูดข่มเธออยู่ เธอจะมาตั้งหน้าตั้งตารอดูผลงานของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง? คิดถึงตัวเองหน่อยสิ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนอึ้งไป แล้วยิ้มออกมาอย่างอายๆ

“ขอโทษ ฉันสงสัยจริงๆนี่ เธอเห็นไหม ผลงานของคนนั้นก็โดดเด่นมากเลยนะ แต่ถ้าหากสามารถเพิ่มฝีมือทางทักษะที่เกี่ยวเนื่องกันซักหน่อยก็คงจะยิ่งดี”

หลวนจื่อเห็นว่าเธอเอาแต่สนใจกับผลงานของคู่แข่งแล้วก็ส่ายหน้า

ตัวเองไม่ได้ดูรีบร้อน ทั้งๆที่คนอื่นนั้นดูร้อนใจขนาดนี้

เห็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากชุดที่แล้วเสร็จสิ้นลง ผู้ช่วยผู้กำกับจึงเริ่มให้ชุดต่อไปลงสนาม หลวนจื่อพูดกระตุ้นขึ้นอย่างร้อนใจ : “เร็วๆเข้า ถึงตาเธอแล้วนะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วละสายตาออกมา หยิบกล่องสีแดงที่วางอยู่ข้างตัวเองขึ้นมา

หลวนจื่อเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น : “สู้ๆนะ เชื่อว่าเธอต้องทำสำเร็จแน่ๆ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า

“เธอวางใจเถอะ”

ว่าแล้วก็สูดหายใจเข้า แล้วถือกล่องนั้นเดินขึ้นเวทีไป

เพิ่งจะมาถึงทางเข้า กลับเห็นเซียวหยี่อันและอีกคนหนึ่งก็ยืนรออยู่ตรงทางเข้าเหมือนกัน

บังเอิญขนาดนี้ หรือว่าเธอจะอยู่ทีมเดียวกับตัวเองอย่างนั้นหรือ?

เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินมา เซียวหยี่อันเห็นเธอแล้วก็อึ้งไปเช่นกัน

แต่ไม่นานก็กลับมามีท่าทางเย่อหยิ่ง หันไปอีกทางไม่มองพวกเขา

เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่รั้งท้ายสุด รอจนพิธีกรแนะนำทั้งสามคนเสร็จแล้ว ถึงได้เดินขึ้นไปบนเวที

พอทุกคนเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนกับเซียวหยี่อันปรากฏขึ้นบนเวทีพร้อมกัน ก็พากันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ

ทั้งสองคนตรงหน้า คนหนึ่งคือเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ท่านอาจารย์แต่ละคนต่างพากันชื่นชม ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการเข้าร่วมรายการครั้งก่อน เทคนิคการซ่อมแซมเป็นที่รู้จักกันดี

ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นหลังจากที่ก้าวเข้าสู่วงการซ่อมแซมบูรณะวัตถุแล้ว ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการซ่อมแซมบูรณะวัตถุโบราณ ได้รับการขนานนามว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก

คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะถูกแยกให้มาอยู่ทีมเดียวกัน

จะต้องเป็นการปรับเปลี่ยนเป็นกรณีพิเศษเพื่อเพิ่มเรตติ้งอย่างแน่นอน

ทุกคนล้วนแต่อยากจะดูว่าเทคนิคการซ่อมแซมบูรณะของทั้งสองคนเมื่อเทียบกันแล้ว ใครที่มีฝีมือยอดเยี่ยมกว่ากัน สามารถชนะและผ่านการแข่งขันครั้งนี้ได้

เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นเวที ก็มองไปรอบๆ

อาจารย์ฉู่และท่านอาจารย์อีกสองสามคนของพระราชวังนั่งอยู่ตรงแท่นเวทีตัดสิน ด้วยสีหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก

เห็นเธอกับเซียวหยี่อันเดินเข้ามาพร้อมกันแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ทันได้มองทุกคนอย่างละเอียด ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเสียงหนึ่งขึ้นมา

“แม่!”

ถึงแม้ว่าเสียงนี้จะไม่ดังมาก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จับได้ตั้งแต่แรกแล้ว

เธอหันไปมองทางเสียงนั้นทันที เห็นจี้จิ่งเชินกำลังอุ้มจี้หยู๋ชิงนั่งอยู่ตรงแถวแรกในหอประชุม

ถึงแม้ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ แต่ใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มบางๆออกมา

เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนมองมาทางนี้แล้ว จี้จิ่งเชินจึงพยักหน้าให้เธอ

ส่วนจี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขานั้น ดูเหมือนจะได้รับการติดต่อจากบรรยากาศในห้องนี้ อารมณ์ที่มีความตื่นเต้นโบกแขนตัวเองไม่หยุด

เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้ว จึงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

ผู้กำกับที่สังเกตสถานการณ์ผู้ได้รับการคัดเลือกอยู่ตลอดเมื่อเห็นฉากนี้แล้ว จึงรีบปรับเลนส์กล้องไปทางที่สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนมองไป

เมื่อเห็นจี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที

ความรู้สึกของเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินดูเหมือนว่าคนทั้งเมืองหลวงนั้นจะได้ยินกันมาหมดแล้ว

ความยากลำบากและอุปสรรคที่ทั้งสองคนผ่านมา สุดท้ายแล้วก็บรรลุผลในเชิงบวก แล้วก็ถูกคนพูดถึงด้วยเช่นกัน

คิดไม่ถึงเลยว่าการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ แม้แต่จี้จิ่งเชินที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกนั้นจะมาถึงที่อย่างตรงเวลาด้วยเช่นกัน

เขารีบเอ่ยพูดขึ้น : “รีบเลื่อนเลนส์ไปโฟกัสที่เขา นี่เป็นจุดขายใหญ่เชียวนะ!”

ที่จี้จิ่งเชินพาจี้หยู๋ชิงมาด้วยนั้นก็เพื่อที่จะพามาเป็นกำลังใจให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน

ก่อนที่จะเข้ามานั้น ยังบอกับจี้หยู๋ชิงเอาไว้ว่า เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่บนเวทีนั้นก็สามารถมองเห็นการแสดงออกของเขา ถ้าหากสามารถเป็นกำลังใจให้กับเธอได้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะราบรื่นแน่นอน

คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะฟังเข้าใจ วันนี้ดูแล้วจะมีความกระตือรือร้นมากกว่าแต่ก่อน โบกมือไปมาด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของเขาอยู่หลายครั้ง

จี้จิ่งเชินอุ้มเขาไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม กังวลว่าลูกที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นจู่ๆจะหลุดออกไปเสียก่อน

จึงรีบกดเสียงต่ำลง : “ได้แล้วล่ะ อย่าขยับไปทั่วสิ อย่าทำให้ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของเที๋ยนเที๋ยนนะครับ!”

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท