“พูดไร้สาระอะไร?”
แต่จี้หยู๋ชิงไม่กลัวเลยสักนิด!
เขาเป็นคนที่ต้องปกป้องคุณแม่ เอ่ยอย่างหนักแน่น “คุณพ่อตีคุณแม่!”
จี้จิ่งเชินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“พ่อไม่ได้ตี”
“ตีแล้ว!”
“ไม่ได้ตี!”
“คุณพ่อนิสัยเสีย!”
สีหน้าเขาไม่น่ามองขึ้นเรื่อยๆ ดำคล้ำราวกับก้นกระทะ
ลูกคนนี้ โยนทิ้งไปเลยได้ไหม บ้านไหนอยากได้ส่งให้เขาไปเลยดีไหม?
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ที่จี้หยู๋ชิงพูดประโยคนั้นออกมา บนหน้าก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนแดงระเรื่อ
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ แม้จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่พูดอะไร แต่กลับแอบหัวเราะขึ้นมา
จี้หยู๋ชิงสู้ไม่ได้ กระโดดลงจากเก้าอี้อย่างไม่พอใจ แล้วพุ่งไปทางจี้จิ่งเชิน!
แต่เพราะตัวเล็ก ต่อให้ชูมือขึ้นไปมาก็ถึงแค่บริเวณต้นขาของจี้จิ่งเชินเท่านั้น
และหมัดเล็กๆ นั้นกระทบเข้ากับร่างกายก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย อ่อนนุ่มมาก
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้วขึ้น ก้มหน้ามองจี้หยู๋ชิงที่กำลัง “พยายาม” แก้แค้นให้เวินเที๋ยนเที๋ยน กลับเป็นห่วงว่าเขาจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
“เฮ้อ”
เขาถอนหายใจออกมา ก้มตัวลงหิ้วจี้หยู๋ชิงขึ้นมาวางไว้ตรงหน้า
จี้หยู๋ชิงโมโหเป็นอย่างมาก ใบหน้าพองราวกับปลาปักเป้า พยายาม “แก้แค้น” อย่างไม่ลดละ
ในตอนนั้นเองเวินเที๋ยนเที่ยนก็เอ่ยขึ้น “หยู๋ชิง แม่ไม่ได้ถูกตี……”
เธอหน้าแดงเรื่อ ไม่คิดว่าจี้หยู๋ชิงจะเข้าใจผิดไปได้ขนาดนี้
เอ่ยพลางปรายตามองทางจี้จิ่งเชินอย่างไม่พอใจไปด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา จะมีเรื่องเข้าใจผิดพวกนี้ได้อย่างไร?
จี้จิ่งเชินมองจี้หยู๋ชิงที่อยู่ในมือ แล้ววางกลับลงไปนั่งที่เก้าอี้
จี้หยู๋ชิงได้ยินที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอธิบายเมื่อสักครู่ แต่ในใจยังคงไม่ค่อยเข้าใจ
เขาหันกลับไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วกะพริบตาปริบ
“คุณแม่ บาดเจ็บเพราะอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เดิมอยากข้ามคำถามนี้ไป ไม่คิดว่าจี้หยู๋ชิงจะพูดขึ้นมา ก็แทบสำลักน้ำ
จี้จิ่งเชินถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ
“อย่าพูดเวลาทานข้าว!”
จี้หยู๋ชิงได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที ได้แต่ก้มหน้าทานข้าวอย่างเชื่อฟัง
ในที่สุดก็รอดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถอนหายใจออกมา
จนรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ยังกลัวว่าจี้หยู๋ชิงจะพูดขึ้นมาอีก จึงหาข้ออ้างด้วยความรวดเร็วว่าตัวเองจะเริ่มฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันพรุ่งนี้แล้ว แล้วปลีกตัวออกไป
จี้หยู๋ชิงที่คำพูดมาถึงปากแล้ว จึงต้องกลืนกลับลงไปอีกครั้ง แล้วหันไปมองทางจี้จิ่งเชิน
“หนูยังเด็ก”
พูดจบ ก็เดินจากไป
เหลือเพียงพ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ จี้หยู๋ชิงจึงเบนสายตาไปมอง
พ่อบ้านรีบส่ายหน้าทันที
“เรื่องนี้รอคุณชายน้อยโตขึ้นก็จะเข้าใจเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหนีกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ใบหน้ายังคงแดงเรื่ออยู่เล็กน้อย
นึกถึงพรุ่งนี้ที่ในที่สุดตัวเองต้องแข่งขันกับปรมาจารย์จอห์น เธอก็ประหม่าและตื่นเต้นขึ้นมาทันที
หยิบเครื่องมือและเครื่องเคลือบที่ตัวเองใช้ในการฝึกฝนขึ้นมาแล้วเริ่มฝึกซ้อมอย่างรวดเร็ว
ข่าวที่เมื่อวานเวินเที๋ยนเที๋ยนประลองฝีมือกับจางลัยยี่ แล้วสุดท้ายได้รับชัยชนะไป ตอนนี้ได้เผยแพร่ไปทั่วทุกแห่งแล้ว สำหรับการแข่งขันพรุ่งนี้ทุกคนต่างคาดหวังตั้งตารอ
แต่ในขณะเดียวกัน หลวนจื่อที่อยู่บ้านกำลังวางสายโทรศัพท์จากปรมาจารย์หูหลินที่โทรมาอีกครั้ง อีกฝ่ายสอบถามว่าได้พิจารณาเรื่องไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศก่อนหน้านี้หรือยัง
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นรายงานข่าวในรายการโทรทัศน์ตอนนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่กลางเวที มุ่งมั่นอยู่กับการแข่งขันของตัวเองให้สำเร็จ แสงไฟสาดส่องมาที่ตัวเธอ
เมื่อการแข่งขันจบลง จี้จิ่งเชินและจี้หยู๋ชิงยืนอยู่ข้างๆ เธอ บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มมีความสุข
ทำให้รู้สึกอิจฉาอย่างที่สุด
เมื่อไหร่เธอจะสามารถมีความสุขแบบนั้นได้?
หลวนจื่อถอนหายใจออกมา ก้มหน้าลงมองโทรศัพท์ ความคิดจมดิ่งต่อสู้กันอยู่ในใจ
ในตอนนั้นเอง โดว์โดว์ก็วิ่งออกมาจากห้อง แล้วโผเข้าใส่อ้อมกอดเธอ
“คุณแม่! คุณแม่! วันนี้โดว์โดว์ไปทำงานกับคุณแม่ได้ไหม?”
หลวนจื่อจึงเก็บความรู้สึกทุกข์ใจเข้าไป แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
“โดว์โดว์อยากไปดูเดินแบบเหรอ?”
“อื้ม!”
โดว์โดว์ตาเป็นประกาย มองหลวนจื่ออย่างชื่นชมนับถือ “คุณแม่สุดยอดมาก! โดว์โดว์ชอบดูคุณแม่เดินแบบที่สุดแล้ว”
หลวนจื่ออุ้มเธอแล้วหัวเราะออกมา
“แน่นอนว่าได้ แต่ว่าวันนี้แม่ไม่มีงาน รอครั้งต่อไปค่อยไป”
“ได้ แล้วคุณแม่ต้องพาหนูไปด้วยนะ เกี่ยวก้อย”
เธอยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวนิ้วของหลวนจื่อแล้วเขย่าเบาๆ
“เกี่ยวก้อยแล้ว ห้ามเปลี่ยนใจ”
หลวนจื่อขบขันกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
ในตอนนั้นเอง รายการในโทรทัศน์กลับเปลี่ยนกะทันหัน แล้วปรากฏเป็นการรายงานข่าวใหม่
“เมื่อวานภาพยนตร์เรื่องใหม่ของหมินอันเกอ《หาวิญญาณ》เริ่มถ่ายทำกับนักแสดงหญิงที่กำลังโด่งดังหวงอันเพ่ย มีคนเห็นพวกเขาว่ายน้ำด้วยกันที่ริมแม่น้ำ ทำให้เกิดความคิดที่หลากหลาย……”
ภาพเบลอหลายภาพปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์
“นั่นคือคุณพ่อใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินชื่อโดว์โดว์ก็หันไปมองที่หน้าจออย่างไม่แน่ใจ
หลวนจื่อลนลานขึ้นมาทันที รีบหยิบรีโมตที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมากดปิดโทรทัศน์
“ไม่ใช่เขา โดว์โดว์ หนูอยากดูเดินแบบไม่ใช่เหรอ? วันนี้แม้ว่าแม่ไม่ต้องทำงาน แต่ก็พาหนูไปคนอื่นเดินแบบได้เหมือนกัน อยากไปดูไหม?”
ความสนใจของโดว์โดว์ถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พยักหน้าอย่างดีใจ
“ค่ะ!”
หลวนจื่อพาเธอออกไปข้างนอก แต่ในใจกลับนึกถึงแต่เรื่องที่รายงานข่าวไปเมื่อสักครู่
หมินอันเกอรับงานภาพยนตร์เรื่องใหม่?
ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อน?
หรือว่าที่ไม่ได้กลับมาสองวันแล้ว……
ยิ่งคิดอารมณ์ก็ยิ่งเศร้าซึม
เธอส่ายหน้าด้วยความรวดเร็วแล้วโยนความคิดแง่ร้ายในหัวออกไปจากหัว
เป็นแค่การสร้างกระแสแน่ๆ ตัวเองก็เป็นคนในวงการบันเทิง น่าจะรู้จักวงการนี้ดี
แต่ว่าเรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมหมินอันเกอถึงไม่ยอมบอกตัวเอง?
เป็นแค่ข้อความสั้นๆ แท้ๆ
แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าคิดมาก แต่ก็ยังครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นอย่างควบคุมไม่ได้
วันต่อมา การแข่งขันบูรณะวัตถุโบราณครั้งแรกรอบสุดท้ายได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนนักบูรพาวัตถุโบราณหน้าใหม่ที่ทุกคนตั้งตารอ เผชิญกับปรมาจารย์จอห์นที่มีสถานะและอิทธิพลระดับโลก!
ก่อนหน้านี้ผู้ชมต่างคิดว่า การแข่งขันครั้งนี้จอห์นต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
แต่หลังจากเห็นการแข่งขันหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาของเวินเที๋ยนเที๋ยน โดยเฉพาะวันก่อนที่เธอแข่งขันติดต่อกันสามรอบ ในสภาวะที่เกินแบกรับไหวยังคงเอาชนะการแข่งขันมาได้ คนจำนวนมากจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังในตัวเธอ
บางทีครั้งนี้อาจจะเกิดปาฏิหาริย์อีกก็ได้ มันก็ไม่แน่?
การแข่งขันยังไม่เริ่มต้นขึ้น คนจำนวนมากก็ตื่นเต้นและส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด
สถานที่จัดการแข่งขันไม่มีที่นั่งว่าง ทุกคนต่างมาเพื่อการแข่งขันในวันนี้
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับกำลังโกรธ ไม่มองจี้จิ่งเชินที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง
ตกลงกันแล้วแท้ๆ ว่าต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งยังหลังจากถูกจี้หยู๋ชิงเห็นแล้ว คืนเมื่อวานผู้ชายคนนี้ยังทำเรื่องแบบนั้นได้อีก
แม้ว่าจะไม่ได้ขยับมือ แต่กลับจูบไปทั่วตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน จนวันนี้เธอต้องสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ห่อหุ้มอย่างแน่นหนา ด้วยเกรงว่าถึงเวลาไม่ทันระวังจะถูกกล้องถ่ายเอาไว้ได้