พิพิธภัณฑ์แห่งชาติในทุกๆปีต้อนรับแขกได้ถึงสิบล้านคน!
ไม่เพียงแค่ภายในประเทศเท่านั้น แม้แต่คนต่างประเทศจำนวนไม่น้อย ก็พากันมาชื่นชมด้วยเช่นกัน
ส่วนตำแหน่งภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ก็ยิ่งมีฐานะที่สำคัญด้วยในวงการของวัตถุโบราณ
นี่ไม่ใช่เพียงแต่ตำแหน่งของภัณฑารักษ์เพียงเท่านั้น แม้กระทั่งทางการเมืองการปกครองก็มีสิทธิเสียงที่แน่นอนด้วยเช่นกัน
และเป็นเพราะเช่นนี้ ตอนแรกจางลัยยี่ถึงได้เอาแต่จะคอยช่วงชิงก็เพื่อตำแหน่งนี้
แต่น่าเสียดายที่ใจของเขามีแต่ความทุจริต จนสุดท้ายแล้วกลับเป็นการทำร้ายตัวเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตัวเองจะสามารถกลายมาเป็นภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ได้แบบนี้ เมื่อก่อนเธอเข้ามาร่วมชม แต่มักจะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้อยู่ห่างจากตัวเองมากเหลือเกิน
ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑ์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ข่าวนี้ได้ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนชื่อนี้เป็นที่รู้จักขึ้นมา
“ทำงานวันแรก ไม่ต้องพากันมาหมดก็ได้นะคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสองสามคนที่มาส่งเธอตรงหน้า
จี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงก็ยังพอไหว แต่ทำไมแม้แต่พ่อบ้านและแม่ครัวก็พากันมาด้วย?
เจ็ดแปดคนพากันมาเป็นขบวนแบบนี้ ไม่เหมือนกับมาทำงาน แต่เหมือนกับมาส่งเดินทางไกลมากกว่า
นึกถึงฉากช่วงเช้านี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถึงกับต้องกุมหน้าผากอย่างไม่รู้ตัว
เดิมทีแล้วทุกคนกำลังยุ่งกับงานของตัวเอง คำพูดของจี้จิ่งเชินเพียงประโยคเดียว ว่าอยากจะไปส่งเธอที่พิพิธภัณฑ์
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้คิดมาก จึงพยักหน้าตกลง
แต่คิดไม่ถึงว่า จี้หยู๋ชิงจะกระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว ยืนกรานว่าจะมาด้วย
จากนั้น ก็เป็นพ่อบ้าน แม่ครัว คนสวน คนขับรถ……
ต่างก็พากันจะตามมาด้วย ขับรถตามกันมาถึงสามคัน
จี้จิ่งเชินเหลือบมองแล้วดึงมือของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ ส่วนอีกทางด้านหนึ่งก็เป็นจี้หยู๋ชิงที่ยืนอยู่ : “ฉันมาคนเดียวก็ได้ค่ะ หยู๋ชิง แม่จำได้ว่าเราจะต้องเริ่มเรียนแล้วนี่ครับ?”
จี้หยู๋ชิงเอ่ยพูดออกมาอย่างเต็มที่ : “ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงคุณครูถึงจะมาครับ”
ถึงแม้อายุจะยังน้อยอยู่ แต่ก็ไม่กลัวการบังคับของจี้จิ่งเชินเลยแม้แต่นิดเดียว
จี้จิ่งเชินมองไปยังพวกพ่อบ้านและแม่ครัวอีกครั้ง
“จี้หยู่ชิงก็ยังพอไหว แต่ทำไมทุกคนถึงตามมาด้วยล่ะคะ?”
พ่อบ้านหัวเราะ พลางเอ่ยพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น : “นี่เป็นการทำงานวันแรกของคุณนายเชียวนะครับ พวกเราก็จะต้องมาให้กำลังใจสิครับ”
“ใช่ค่ะ ใช่ ฉันยังไม่เคยมาชมพิพิธภัณฑ์เลย จะได้เห็นพอดี”
“ข้างในคงจะมีของเยอะแยะเลยใช่ไหม?”
“……….”
คนเหล่านั้นพูดกันอย่างจริงจัง เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอ่ยพูดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “วันนี้ฉันมาทำงานนะคะ อีกอย่างตอนนี้พิพิธภัณฑ์ก็ยังไม่ได้เปิดด้วย คนนอกเข้าไปไม่ได้หรอกค่ะ”
ใบหน้าของพ่อบ้านปรากฏความผิดหวังออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันมามองทางจี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิง
“พวกพี่อยู่ด้านนอกด้วยกันก่อนนะคะ ฉันจะเข้าไปเอง”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
และกำลังจะเอ่ยปากขึ้นมานั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง : “เอาล่ะค่ะ พวกพี่รีบกลับกันเถอะนะ”
ว่าแล้ว ก็รีบเดินเข้าไปด้านใน แล้วทิ้งจี้จิ่งเชินกับจี้หยู๋ชิงเอาไว้ทางด้านหลัง
รอจนเข้าไปในพิพิธภัณฑ์แล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีคนตามเข้ามาด้านใน ถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
ถ้าหากพาคนเข้ามามากขนาดนี้ ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะคิดกันอย่างไร
แต่ มิน่าล่ะทำไมพวกเขาถึงได้เป็นกังวลกันขนาดนี้ เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเชียวนะ!
ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นประกาย แล้วมองพิจารณาสภาพแวดล้อมรอบๆไปพลาง
บนผนังเป็นรูปเหมือนของภัณฑารักษ์สมัยประวัติศาสตร์ ตอนนี้ยังไม่เปิดพิพิธภัณฑ์ บริเวณรอบๆนั้นเงียบสนิท แม้แต่อากาศก็ตกตะกอนไปด้วยแล้วเช่นกัน
ปกติแล้วตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมาเข้าชม บริเวณรอบๆมักจะมีคนเป็นจำนวนไม่น้อย เสียงดังวุ่นวาย
ตอนนี้ว่างเปล่าไม่มีแม้แต่คนเดียว ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปด้วยเช่นกัน
เธอเดินเข้าไปทางด้านในต่อ แล้วมาถึงออฟฟิศของพนักงาน
คนที่กำลังจัดเอกสารอยู่ด้านในสองสามคนนั้นหันมามองเธอ แววตาปรากฏความประหลาดใจออกมา
แล้วพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอายุยังน้อย ประมาณยี่สิบกว่าๆ ก็เดินเข้ามา พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “คุณคือเวินเที๋ยนเที๋ยน ภัณฑารักษ์คนใหม่ของพวกเราใช่ไหม? ฉันคือเฉินหยุน รับผิดชอบในส่วนของราชวงศ์ซ่ง”
“สวัสดีค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า กวาดสายตามองไปยังทุกคนที่อยู่ในออฟฟิศ
ที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือสองคนนั้นเป็นพนักงานเก่า อายุราวๆห้าสิบ ใบหน้าบึ้งตึงดูแล้วมีความจริงจังเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้าที่เวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่มานั้นก็ได้ทำความเข้าใจมาบ้างแล้ว ว่าทั้งสองคนนี้ทำงานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินี้มาเป็นเวลาสามสิบกว่าปีแล้ว การทำงานนับว่าไม่เลวมาโดยตลอด
ส่วนคนที่เหลือนั้นก็ดูปกติกลางๆเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ถึงแม้อายุจะไม่น้อย แต่ทำงานที่นี่มาหลายปีแล้วเช่นกัน เมื่อก่อนตอนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนมาชมดูที่พิพิธภัณฑ์นี้ก็เคยเห็นพวกเขาแล้ว
“สวัสดีค่ะ” เธอหันไปพยักหน้ากับสองสามคนนั้นเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้น : “ต่อไปเรื่องงานต้องรบกวนทุกคนด้วยนะคะ”
สองสามคนนั้นลุกขึ้นยืน ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ไม่มีปัญหา การแข่งขันของคุณก่อนหน้านี้พวกเราดูหมดแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้มาทำงานร่วมกันกับคุณ”
“ถ้าหากมีอะไรให้ช่วย หาฉันได้ตลอดเลยนะ”
“พวกเราให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”
สองสามคนนั้นเอ่ยพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ช่างเถอะ” และเวลานี้เอง จู่ๆอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองทางทิศทางที่มาของเสียง เห็นหวางเจี้ยนยินเจ้าหน้าคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดกำลังถือท่อซิการ์อยู่ในมือ
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยนตั้งแต่บนลงล่างอย่างไม่พอใจ
“ตัวเล็กขนาดนี้ ยังเป็นเด็กอยู่เลยนี่ จะสามารถดูแลทั้งพิพิธภัณฑ์ได้ยังไง เหลวไหลจริงๆ!”
เจ้าหน้าที่อีกสองสามคนก็พากันขมวดคิ้วขึ้น ไม่กล้าเอ่ยพูดออกมา
เขาเป็นพนักงานที่เก่าแก่ที่สุดในพิพิธภัณฑ์ มีประสบการณ์ลึกซึ้ง อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าฝ่าย คำพูดก็มีอำนาจอยู่แล้ว
ก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมา ก็เคยคิดว่าอาจจะเจอสถานการณ์เช่นนี้ จึงเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง : “ฉันอายุยังน้อยอยู่ก็จริงค่ะ แต่ความสามารถของคนๆนึง ไม่ต้องเอาอายุมาเป็นตัววัดก็ได้นี่คะ และยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเริ่มทำงาน คุณรู้ได้อย่างไรคะว่าฉันจะดูแลได้ไม่ดี?”
หวางเจี้ยนยินเบิกตาขึ้น ราวกับคิดไม่ถึงว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะพูดอย่างตรงไปตรงมากับตัวเองแบบนี้
เขาขมวดคิ้วขึ้น แล้วพูดตำหนิขึ้นมา : “ใช่หรือ? ในเมื่อเธอมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็รอดูแล้วกัน!”
ว่าแล้ว ก็หันหลังเดินออกไปเลย
เขาเพิ่งจะเดินไปนั้น หัวหน้าอีกคนหนึ่งสวุไห่เฉินก็เดินเข้ามา พลางเอ่ย : “ภัณฑารักษ์เวิน คุณอย่าไปโกรธเขาเลยนะ หัวหน้าหวางนิสัยแบบนี้แหล่ะ ใจร้อนอยู่บ้าง รอหลังจากนี้อีกสองสามวันก็จะดีขึ้นเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง
“ฉันไม่ได้เอามาใส่ใจหรอกค่ะ ความกังวลของหัวหน้าหวางฉันเข้าใจดี ทุกคนวางใจได้นะคะ ฉันจะต้องพยายามให้เต็มที่กับการดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้”
“พวกเราเชื่อคุณ”
สองสามคนกล่าวแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้หันกลับไปยังออฟฟิศของตัวเอง
เพิ่งจะเดินจากไป คนที่เหลืออยู่ก็มองหน้ากัน ด้วยแววตาที่รู้สึกสงสัย
แล้วเฉินหยุนก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์กับช่วงสองสามวันมานี้ แล้วรีบหยิบข้อมูลในมือขึ้นมา
“ใช่แล้ว ฉันยังจะต้องเอานี่ไปส่ง ก่อนหน้านี้ไม่มีภัณฑารักษ์มาตลอด เสียเวลามานานขนาดนี้ ครั้งนี้นับว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ซักที”
เธอจะเดินไป สวุไห่เฉินจึงรีบขวางเธอเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า ถ้าหากส่งไปแล้ว ภัณฑารักษ์เวินเอาจริงเข้า สุดท้ายตรวจสอบแล้ว ผลลัพธ์ออกมากลับเป็นการปล่อยไก่ ถึงตอนนั้นก็คงจะไม่ดีซักเท่าไหร่นะ”
“แต่ว่า……”
เฉินหยุนรู้สึกลังเลอยู่บ้าง “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ร้ายแรงมากนะคะ เมื่อวานตอนที่ฉันตรวจเช็คที่โกดัง พบว่ามีของล็อตหนึ่งหายไป ถ้ายังเสียเวลาต่อไปอีก……”
“เธอไปตรวจสอบอีกแล้ว?”
ดวงตาของสวุไห่เฉินเป็นประกาย ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “เธอวางใจได้ ครั้งนี้ผมจะไปตรวจสอบเอง จะต้องหาเจอแน่ ส่งต่อให้ผมแล้วกัน”
ว่าแล้ว เขาก็เอาข้อมูลที่อยู่ในมือของเฉินหยุนมา
เฉินหยุนทำได้เพียงต้องยอม แล้วพยักหน้าลง