เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่ 1116 วิวทิวทัศน์ใต้ทะเล

บทที่ 1116 วิวทิวทัศน์ใต้ทะเล

“จะลงไปดูด้วยกันไหมครับ?” จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้น

“ได้ไหมคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนมองอย่างรู้สึกเซอร์ไพรส์

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ จากการทดสอบก่อนหน้านี้ ข้างล่างได้เตรียมการเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซากเรือไม่ได้ลึกมาก สามารถไปถึงได้ เราลงไปดูกันก่อน แล้วต่อไปงานเคลื่อนย้ายค่อยว่ากันอีกที”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงด้วยความตื่นเต้น แล้วดึงตัวจี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆมา

“เราลงไปด้วยกันนะครับ”

จี้หยู๋ชิงยังไม่ทันได้ตอบกลับนั้น จี้จิ่งเชินก็ก้มตัวลงมาเล็กน้อย แล้วมองไปยังดวงตาของเขา

“ลูกแน่ใจไหม? จากสถานการณ์ของลูกตอนนี้ หลังจากที่ลงทะเลไปแล้วแม้แต่ความปลอดภัยของตัวเองก็จะรับประกันได้ยากแล้วนะ?”

เดิมทีอารมณ์ชองจี้หยู๋ชิงนั้นยังมีความหดหู่อยู่บ้าง ได้ยินประโยคนี้แล้ว ในแววตาก็มีเปลวไฟแห่งความโกรธขึ้นมาทันที

“ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ!” เขาจับมือเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้แน่น พลางเอ่ยขึ้นอย่างมุ่งมั่น : “หลังจากที่ลงไปในน้ำแล้ว ผมยังจะต้องปกป้องคุณแม่ด้วยครับ!”

จี้จิ่งเชินส่งสายตาสงสัยมาทันที จี้หยู๋ชิงดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนให้เดินไปอีกทางเรียบร้อยแล้ว

ใช้การกระทำบอกกับจี้จิ่งเชิน ว่าตัวเองสามารถปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนได้

เห็นเขาพลิกเอาชุดดำน้ำออกมา ใบหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น

ถึงแม้เมื่อครู่นี้จี้จิ่งเชินจะสงสัยในความสามารถของจี้หยู๋ชิง อีกทั้งยังใช้วิธีการยั่วยุเพื่อให้รู้สึกฮึกเหิม แต่เขาเองก็ตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพาจี้หยู๋ชิงลงไปด้วยกัน

เนื่องจากว่าแม้แต่ชุดดำน้ำที่เหมาะกับเด็กวัยอย่างจี้หยู๋ชิงก็ได้เตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เห็นจี้หยู๋ชิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ กำลังใส่ชุดดำน้ำด้วยความสนใจตรงหน้าแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้เข้าใจเจตนาของจี้จิ่งเชิน

เป็นเพราะประโยคสั้นๆเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้จี้หยู๋ชิงที่มีอารมณ์หม่นหมองอยู่นั้นมีความกระปี้กระเป่าขึ้นมาในทันที

เป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลยจริงๆ

ไม่นาน ทุกคนก็เปลี่ยนชุดดำน้ำเสร็จเรียบร้อย

จี้หยู๋ชิงดึงเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ตลอดเวลา พอเห็นจี้จิ่งเชินเดินเข้ามา ก็จะจ้องเขาอย่างไม่พอใจ ราวกับยังไม่พอใจกับเรื่องเมื่อกี้นี้อยู่

จี้จิ่งเชินเห็นสถานการณ์แล้ว จึงยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วพาทั้งสองคนลงน้ำไป

ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่เกาะเวินเที๋ยนเที๋ยนเคยเรียนดำน้ำมาบ้าง แต่ยังคงขาดประสบการณ์อยู่ แต่จี้หยู๋ชิงที่เรียนด้วยกันกับเธอนั้นกลับมีความชำนาญเป็นอย่างมาก ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สามารถดำน้ำเพียงลำพังได้แล้ว

ทั้งสองคนขนาบซ้ายขวา ให้เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตรงกลาง แล้วค่อยๆพากันลงไป

บริเวณรอบๆได้ถูกจัดวางอุปกรณ์ที่ให้ความสว่างเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ปูเป็นอุโมงค์ทอดยาวตามใต้ท้องทะเล ทะลุไปถึงซากเรือลำใหญ่ลำนั้น

พื้นที่ทะเลหลวงนี้อยู่ห่างจะผืนดินไกลมาก บริเวณรอบๆไม่มีการได้รับมลพิษ น้ำทะเลใสสะอาด และบริเวณรอบๆมีปลาแหวกว่ายไปมา ก่อให้เกิดเป็นทิวทัศน์ที่งดงามมากแห่งหนึ่ง

ปะการังใต้ท้องทะเล สะท้อนใต้แสงไฟทำให้ยิ่งงดงามมากกว่าเดิม

ใต้ทะเลที่เงียบสงบ ราวกับเวลาได้ตกตะกอนลง

เวินเที๋ยนเที๋ยนว่ายไปทางด้านหน้าจากการนำของพวกเขา และไม่นาน ซากเรือขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

เธอเบิกตาขึ้น ถึงแม้จะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรือลำนี้คงจะไม่เล็ก แต่คิดไม่ถึงว่าจะหรูหราขนาดนี้!

ถึงแม้จะเป็นตอนนั้น ก็เป็นเรือลำใหญ่ที่ไม่เป็นรองใครแล้ว หากอยู่ในราชวงศ์หมิง จะต้องเป็นที่ฮือฮาไปทั่วอย่างแน่นอน

ซากเรือได้แตกหักออกเป็นสองส่วน เศษหนึ่งส่วนสามฝังอยู่ในทรายใต้ทะเล บริเวณรอบๆมีพืชที่อยู่ในน้ำขึ้นยาวไปหมด และยังมีฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ข้างในอีกด้วย

ไม้เก่าผุๆแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ ก็แตกหักเสื่อมโทรมลง แต่กลับเผยให้เห็นถึงความงดงามที่แตกต่างออกไป ภายใต้การแกะสลักด้วยสองมือที่พิถีพิถันในห้วงเวลานี้ ทำให้ซากเรือลำนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์ ทั้งลึกลับและงดงาม

เวินเที๋ยนเที๋ยนตกตะลึงอยู่ตรงนั้น

เวลานี้เองจี้จิ่งเชินก็ดึงตัวเธอ แล้วทำสัญญาณมือเตรียมจะพาเธอเข้าไปด้านใน

อีกทางด้านหนึ่งนั้น จี้หยู๋ชิงก็ยังไม่ยอมแพ้ และตามไปอย่างใกล้ชิด

ทั้งสามคนผ่านช่องว่างที่แตกหักนั้นไปแล้วเข้าไปยังซากเรือลำนั้น

เรือที่ทำจากไม้ ด้านในยังวางเครื่องเคลือบและเครื่องใช้ทองสัมฤทธิ์ในสมัยโบราณบางอย่างเอาไว้ ล้วนแต่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของลูกเรือทั้งสิ้น

พลิกแผ่นไม้แผ่นหนึ่งออกเบาๆ กุ้งและปูที่ซ่อนอยู่ด้านในนั้นก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มีฟองอากาศเล็กๆผุดขึ้นกลางอากาศ

ผ่านไปหลายร้อยปี พวกบรรดาปลา กุ้งก็ได้เอาซากเรือลำนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของพวกมันไปตั้งนานแล้ว

เห็นมีคนบุกเข้ามาก็พากันตื่นตกใจหนีกันไปมา

จี้จิ่งเชินดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปด้านใน ทะลุผ่านดาดฟ้าของเรือและสถานที่พักของลูกเรือกลุ่มหนึ่ง ไม่นาน ก็มาถึงสถานที่ที่วางสินค้าด้านในสุด

มองไปนั้น มีลังจำนวนไม่น้อยที่วางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ไม่มีคนเปิดออก

เพียงแต่บริเวณรอบๆลังนั้นถูกกัดเซาะไปอยู่บ้างแล้ว ที่นี่ฝุ่นเกาะเต็มมาหลายปี เปิดออกได้อย่างง่ายดาย

ด้านในมีเครื่องเคลือบวางเอาไว้ บ้างก็มีเครื่องสำริดวางอยู่ และยังมีใบชาและแพรไหมอยู่ด้วย ที่มีมูลค่ามากที่สุดก็คือรูปแกะสลักไม้จันทร์แดง ของเหล่านี้วางเอาไว้จนถึงตอนนี้ ไม่ได้วัดค่าได้ด้วยเงินทองเพียงเท่านั้น คุณค่าทางประวัติศาสตร์นั้นสำคัญมากยิ่งกว่าเสียอีก

ที่นี่มีลังทั้งหมดยี่สิบลัง ด้านในนั้นบรรจุสิ่งของเอาไว้เต็มลัง

ถ้าหากไม่ใช่ความบังเอิญครั้งนี้ ใครจะสามารถเดาได้กัน ซากเรือที่อยู่ไกลจากฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเคลื่อนที่มาตามกระแสน้ำและเปลือกโลกมาถึงที่นี่ได้?

จางเชียงหนิงและศาสตราจารย์อีกท่านหนึ่งมองสิ่งของรอบๆด้วยดวงตาที่เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

หลังจากที่แน่ในสิ่งของที่อยู่ในซากเรือแล้วนั้น จี้จิ่งเชินก็พาเวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับออกมา ไม่ได้ขึ้นฝั่ง แต่กลับพาเธอไปทางอีกด้านหนึ่งของซากเรือนั้น

ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสงสัย แต่กลับพูดออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงตามเขาไป

ไม่นาน จี้จิ่งเชินก็พาทั้งสองคนมาทางด้านหลังของเรือที่จมอยู่

ขณะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ๆปะการังสีแดงขนาดใหญ่แผงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

เธอเบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึง

สวยจัง!

ปะการังสีแดงที่กระทบกับแสงนั้น ทำให้ปะการังเหล่านี้เหมือนกับส่องแสงสว่างออกมาอย่างไรอย่างนั้น ช่างงดงามเป็นอย่างมาก

จี้จิ่งเชินพบเข้าตอนที่ส่งคนให้มาติดตั้งอุปกรณ์ให้แสงสว่างนั่นเอง ตอนที่เห็นรูปถ่ายที่ส่งกลับมาให้นั้น จี้จิ่งเชินก็คิดอยากที่จะพาเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงมาดูด้วยกัน

ครั้งนี้ไม่เพียงแค่เพื่อสืบหาสถานการณ์ของเรือที่จมอยู่เพียงเท่านั้น ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือพาเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้หยู๋ชิงมาดูทิวทัศน์ที่งดงามที่นี่อีกด้วย

ในพื้นที่ทะเลลึก น้อยมากที่จะสามารถได้เห็นหมู่ปะการังที่สวยงามแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้มลพิษที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ปะการังจำนวนมากเหี่ยวเฉาไปหมด

แสงไฟที่ส่องมานั้น ทิวทัศน์ที่สวยงามก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกทิวทัศน์ที่สวยงามตรงหน้านี้ครอบงำ ดวงตาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความตกตะลึง

ถึงแม้จะไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่จี้จิ่งเชินกลับสามารถอ่านความรู้สึกในดวงตาของเธอออก

สถานที่นี้ แม้แต่ก่อนหน้านี้จี้หยู๋ชิงเองก็ไม่เคยเห็นด้วยเช่นกัน เขามองอย่างประหลาดใจ

จี้จิ่งเชินมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพาทั้งสองคนว่ายไปยังด้านใน ไม่นานก็เขาสู่ท่ามกลางหมู่ปะการัง

ปะการังเหล่านี้ดูเหมือนกับหักเหแสงจากอุปกรณ์แสงสว่าง ส่องแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง

เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ตรงกลาง ราวกับเทพธิดาใต้ทะเล แม้แต่จี้หยู๋ชิงที่อยู่ข้างๆนั้นยังอดที่จะตกตะลึงไปด้วยไม่ได้เช่นกัน

ปะการังเหล่านี้ดูเหมือนกับอยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปีแล้ว สูงใหญ่เหมือนกับตนไม้ ในนั้นก็มีปลาตัวเล็กๆจำนวนไม่น้อยที่แหวกว่ายไปมาอีกด้วย

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูด้วยความเซอร์ไพรส์ แล้วว่ายเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดึงจี้หยู๋ชิงเข้ามา

ทั้งสองคนแหวกว่ายด้วยกันอยู่ด้านใน จี้จิ่งเชินมองดูการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนอยู่ทางด้านนอก มุมปากปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

เรือจมอะไรนั่น? สมบัติล้ำค่าของเรือที่จมอยู่อะไรนั่น?

สำหรับเขาแล้ว เป็นเพียงแค่เมฆที่ลอยอยู่บนอากาศเพียงเท่านั้น

สองคนที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหากถึงจะเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาต่างหาก แล้วก็เป็นคนที่เขาคิดอยากจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพวกเขาอีกด้วย

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท