บทที่ 611 หม่ามี๊จะมารับหนูเมื่อไหร่นะ
เมื่อได้ยิน การกระทำของหานมู่จื่อก็หยุดไปชั่วขณะ หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขยับตัวแล้ว
“หืม?” เย่โม่เซินถามเธออีกครั้ง หลังจากที่เห็นเธอไม่ตอบ
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างอย่างทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย และกระซิบว่า “ฉันแค่รู้สึกว่า แบกฉันแบบนี้มันไม่ค่อยประสบายเท่าไหร่ ฉัน… ”
เสียงหัวเราะของเย่โม่เซินจนปัญญาเล็กน้อย “ในเมื่อไม่อยากเดิน แบกคุณก็ว่า?ไม่งั้นอุ้มคุณกลับไปไม่ดีกว่าเหรอ?”
“… งั้นแบกไว้ที่หลังอย่างนี้ดีแล้ว”
เธอยังคงไม่ต้องคิดอะไรมากมาย อย่างไรก็ตามเย่โม่เซินมีพละกำลังที่แข็งแกร่ง สำหรับเขาแล้วไม่มีแรงกดดันใด ๆที่จะต้องแบกตัวเธอเองแม้แต่น้อย ขี้เกียจที่จะสนใจเขา
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หานมู่จื่อก็ไม่สนใจเขาเพิ่มเข้าไปอีก
สีบนท้องฟ้าค่อยๆมืดลงเรื่อย ๆ ผู้คนบนถนนตอนที่มองมาทางพวกเขา มักจะมองมาโดยไม่ได้ตั้งใจหนึ่งครั้งเสมอเมื่อเดินผ่านพวกเขา จากนั้นก็เดินผ่านไปด้วยสายตาความอิจฉา
ตอนแรกหานมู่จื่อรู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อย แต่เธอก็ค่อยๆรู้สึกว่า … สายตาของคนอื่นเกี่ยวอะไรกับเธอ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกประสบายใจขึ้นมา อิงบนหลังของเย่โม่เซิน ปล่อยให้เขากลับแบกตัวเธอเองกลับไป
ไม่นานก็มาถึงชุมชน หลังจากที่มาถึงชุมชน แล้วก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นภาพลวงตาของหานมู่จื่อหรือไม่เธอรู้สึกว่าก้าวของเย่โม่เซินดูเหมือนจะช้าลงเป็นอย่างมาก ทุกๆก้าวก็ช้าลงเป็นพิเศษ
เวลากำลังเดิน ก้าวเดินไปข้างหน้า และสภาพแวดล้อมบริเวณรอบๆก็ค่อยๆสงบลง มีเพียงเสียงใบไม้ที่พัดมาตามสายลม พร้อมกับเสียงฝีเท้าในยามค่ำคืนของเย่โม่เซิน
ท้องฟ้ายามราตรีค่อยๆลดลง บริเวณรอบ ๆ ทั้งสี่มุมทุกๆอย่างก็ดูเงียบสงบและสวยงามขึ้นมา
หานมู่จื่อได้ยินแค่เพียงเสียงลมหายใจของเธอและเย่โม่เซิน ซึ่งเป็นเสียงที่ชัดเจนเป็นพิเศษ
“วันนี้คุณ … ” เย่โม่เซินเอ่ยอย่างกะทันหัน และเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นอย่างช้าๆในตอนกลางคืน
“อะไรนะ?” หานมู่จื่อถามอย่างสงสัยหนึ่งประโยค
อีกฝ่ายเงียบไปเป็นเวลานาน ก่อนจะพูดว่า “ไม่มีอะไร”
หลังจากนั้นบริเวณรอบๆทั้งสี่มุมก็กลับไปเงียบทั้งแถบ เย่โม่เซินแบกเธอไปถึงหน้าประตูลิฟต์ ถึงจะวางตัวเธอลงได้
หลังจากไปถึงชั้น 18 หานมู่จื่อก็เดินตามเย่โม่เซินออกไปจากประตูลิฟต์โดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็ยืนอยู่เงียบ ๆ
ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากได้ยินเสียง เย่โม่เซินกดปุ่มรหัสผ่าน เพื่อเปิดประตูห้องนั้น หานมู่จื่อถึงจะกลับมามีสติขึ้นมา และมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“นาย นายรู้รหัสผ่านได้อย่างไร?”
เย่โม่เซิน จับมือของเธอและเดินเข้าไป เอ่ยอย่างสีหน้าไม่เปลี่ยน “ได้ยินคุณกดตั้งหลายครั้งก็รู้แล้ว”
อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเหลือบมองเลยสักครั้งเดียว แต่สำหรับเขาสายตาที่ไม่เคยลืมเลือนนั้น แค่มองครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว!
ตูม!
หลังจากปิดประตูแล้วนั้น หานมู่จื่อก็ยังคงอยู่ในสภาวะงุนงงอยู่ หลังจากที่เธอตอบสนองกลับมาแล้วนั้น เธอก็พูดด้วยความโกรธไปว่า “นาย เมื่อก่อนที่ฉันกดปุ่มรหัสผ่านไม่ได้ให้นายหันศีรษะไปทางอื่นหรอกเหรอ?ได้ยินเสียงฉันกดหลายๆครั้งก็รู้แล้วเหรอ? นายเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบเหรอ … ”
สิ่งแรกที่เย่โม่เซินเข้าไปในห้องก็คือวางถุงในมือของเขาไว้บนตู้ข้างๆ จากนั้นก็หันกลับมาและจับทั้งสองมือของหานมู่จื่อขึ้น แล้วกดเธอทาบไปบนประตูที่เย็นเฉียบ
จู่ๆก็ถูกดันไปชิดกำแพง หานมู่จื่อตกใจจนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นายจะทำอะไร?”
เย่โม่เซินโน้มตัวเข้าไปข้างหน้าเล็กน้อย เสียงแหบของเขาเหมือนไวโอลินที่ค่อยๆสีไปมาอย่างช้าๆ
“ วันนี้คุณบอกคุณพี่ว่า สาเหตุที่ผมหย่ากับคุณ เป็นเพราะฉันไร้น้ำยา?”
“!”
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก ก่อนหน้านี้เธอยังคงกังวลว่าคุณพี่จะเปิดเผยเรื่องนี้กับเย่โม่เซินหมดเปลือกตั้งแต่แรกแล้วหรือไม่ หลังจากนั้นระหว่างทางกลับเธอยังคงคิดต่อไปว่า คุณพี่น่าจะเปิดใจกับเธอได้เท่านั้น ถึงอย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นหัวข้อระหว่างผู้หญิงด้วยกัน
แต่คาดไม่ถึงว่า เธอก็พูดกับเย่โม่เซินด้วย?
อย่างไรก็ตาม ตัวเธอเองบอกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าสาเหตุที่เธอหย่ากับเย่โม่เซินเป็นเพราะเย่โม่เซินไร้น้ำยา?
ทั้งหมดนี้เป็นแค่เพียงจินตนาการของคุณพี่ไม่ใช่หรือ?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็ขยับ “เมื่อไหร่ฉันจะ… อืม”
แต่แล้วคำพูดด้านหลังก็ถูกปิดกั้นโดยริมฝีปากของเย่โม่เซิน ดวงตาของหานมู่จื่อก็เบิกกว้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว รูม่านตาหดตัว มือก็ต่อต้านโดยไม่รู้ตัว
เย่โม่เซินกดมือของเธอแน่น บีบร่างกายของเธอเข้าไปข้างหน้า และจูบให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีก
ในตอนที่หานมู่จื่อรู้สึกว่าการหายใจของตัวเองจะถูกฝ่ายตรงข้ามทำให้หายใจไม่ออกนั้น เย่โม่เซินก็ได้ถอยออกไป หายใจพุ่งเข้าไปที่หน้าผากอันเย็นยะเยือกของเธอแล้วเอ่ยว่า “สองสามวันมานี้ไม่ได้ทำให้คุณอิ่ม? ดังนั้นคุณเลยมีแรงพูดเรื่องไร้สาระขนาดนี้เลยเหรอ?”
ในที่สุดหานมู่จื่อก็มีโอกาสหายใจแล้ว เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันไม่ได้… ”
“หรือจะบอกว่า คุณกำลังกีดกันผมอยู่?ผมกระตือรือร้นไม่พอเหรอ?”
ไม่ได้รอให้เธอได้พูดอีกครั้ง นิ้วมือของเย่โม่เซินที่เห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจนก็ได้บีบไปที่คางของเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาและประสบตาเขา
เดิมทีหานมู่จื่อต้องการที่จะปฏิเสธ แต่ทันทีที่เธอได้ประสบตาของเขานั้น ดูเหมือนจะมองเห็นแสงแปลก ๆ ส่องประกายอยู่ภายใต้ดวงตาของเขา
ดังนั้นเธอจึงนึกถึงเมื่อก่อนที่อยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต คำพูดพวกนั้นที่คุณพี่พูดกับเธอ
ตอนที่มองเห็นคนที่ชอบ ดวงตาจะเป็นประกาย
เมื่อก่อนเธอไม่เคยสังเกตเลยสักครั้ง แต่มีเพียงแค่ครั้งเดียว
มีแค่ครั้งเดียว ในตอนห้าปีที่แล้ว …
เธอจำได้อย่างเลือนราง ดวงตาของเขามีแสงสว่างมากมาย
แต่มันก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของความทรงจำ ซึ่งไม่สามารถต่อกลับมาได้
จนถึงวันนี้ กลับมองเห็นความเป็นจริง
หานมู่จื่อขยับริมฝีปาก และพูดอย่างสะท้อนใจว่า “ฉัน ฉันไม่คิดอย่างนั้น”
“ไม่ได้คิดอย่างนั้นเหรอ?” เย่โม่เซินเลิกคิ้ว และเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย “นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิด”
หานมู่จื่อ “… ”
หูเริ่มร้อนขึ้นนิดหน่อย
เย่โม่เซินบีบบังคับทั้งสิบนิ้วของเธอ นัยน์ตามืดลง และเอ่ยเสียงแหบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมควรที่จะให้คุณรับรู้ด้วยตัวเองโดยตรงสักหน่อย ว่าอะไรคือ …กระตือรือร้นเหมือนดั่งไฟ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ก้มหน้าและปิดกั้นริมฝีปากของเธออย่างสนิท โดยไม่ให้โอกาสเธอหายใจ
…
พอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หานมู่จื่อแทบจะเหมือนคนที่สิ้นหวังกับชีวิต
เธอนอนอยู่บนเตียงใต้ผ้านวมและคิดอย่างเงียบ ๆ ว่า ยาคุมกำเนิดที่เธอทานไปก่อนหน้านี้เม็ดนั้น ยังจะมีผลอยู่หรือไม่?
เธอต้องทานอีกเม็ดหนึ่งหรือไม่?
แต่พอคิดคิดดู จะกินยาเยอะไปก็ไม่ได้
น่าหงุดหงิดมากจริงๆ
หานมู่จื่อพลิกตัวไปมา และหลับตาลงอย่างหดหู่
ต่อไปถ้าได้พบลุงอ้วนและภรรยาของเขา ตัวเธอเองต้องเดินอ้อมไปรอบ ๆแล้ว ไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนกับเรื่องของวันนี้ ถ้ามีอีกสองสามครั้งหานมู่จื่อรู้สึกว่าเธอไม่สามารถรับไหว
โทรศัพท์มือถือที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนก็สั่นสองสามครั้ง หานมู่จื่อผงะสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดูหนึ่งครั้ง
พบว่าเสี่ยวหมี่โต้วได้ส่งข้อความ WeChat มาให้เธอ
เสี่ยวหมี่โต้ว: {หม่ามี๊ ช่วงนี้คุณยังงานยุ่งหรือเปล่านะ? เมื่อไหร่จะมารับหมี่โต้วกลับบ้านเอ่ย? / อีโมจิน่ารัก}
เมื่อเห็นอีโมจิตัวน้อยน่ารักที่ตามมานั้น หานมู่จื่อแทบจะเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเสี่ยวหมี่โต้วทะลุผ่านหน้าจอ
ในความเป็นจริงช่วงพักนี้ เธอคิดถึงเสี่ยวหมี่โต้วทุกๆวัน อยากกลับไปถึงบ้านก็มองเห็นเขาวิ่งเหยาะๆเข้ามาหาเธอ หลังจากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเธอ
นั่นก็คือลูกของตัวเธอเองที่อยู่เป็นเพื่อนเธอมาตลอดในช่วงเวลาก่อน เลือดเนื้อและหัวใจของเธอ
แต่ว่าเธอก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสี่ยวหมี่โต้วไปอยู่กับหานชิง มีแค่เพียงอยู่กับเขาทางนั้นเท่านั้นถึงจะปลอดภัยพอ
อดไม่ได้ที่จะบอกว่า ตระกูลหานเป็นผู้สนับสนุนที่ดีที่สุดของเธอ
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย และพลิกตัวไปตอบกลับข้อความของเสี่ยวหมี่
{ภายในช่วงเวลานี้หม่ามี๊คิดถึงหนูมากๆ แต่ว่างานยังไม่ได้รับการจัดการอย่างเสร็จสมบูรณ์ ดังนั้น … ยังต้องให้เสี่ยวหมี่โต้วน้อยใจไปอีกช่วงเวลาหนึ่งแล้ว }
พระเจ้าก็รู้ว่า เธออยากที่จะไปรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับมามากแค่ไหน