Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 524

ตอนที่ 524

บทที่ 524 : ข่าวคราวของเกาเฉินเฉิน!
“ขอฉันดูหน่อย..”
ยังไม่ทันที่ไป๋เซียนเอ๋อจะหยิบบัตรประชาชนของตนเองมาดู หลงหวู่ก็คว้าไปเสียก่อนแล้ว..
แต่ถึงแม้หลงหวู่จะไม่คว้าไปดูเสียก่อน ไป๋เซียนเอ๋อก็ดูไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะนางไม่สามารถอ่านหนังสือได้
หลงหวู่มองดูบัตรประชาชนสลับกับหันไปมองไป๋เซียนเอ๋อ เธอทำเช่นนี้อยู่สองสามครั้ง พร้อมกับคิดในใจว่าหลิงหยุนช่างเป็นคนที่รอบคอบมาก จากนั้นจึงยื่นบัตรประชาชนคืนให้กับไป๋เซียนเอ๋อ
นี่ไม่ใช่ปัญหา ไป๋เซียนเอ๋อกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวของหลิงหยุน และที่อยู่ในบัตรประชาชนก็ระบุไว้ชัดเจน
หลิงหยุนที่กำลังครุ่นคิดถึงปัญหาเรื่องอื่นอยู่ จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า “หลงหวู่.. คุณพอจะคิดหาวิธีให้เซียนเอ๋อออกไปข้างนอกได้ โดยที่ไม่ต้องสวมผ้าปิดบังใบหน้าได้บ้างมั๊ย?”
หลิงหวู่ยิ้มฟันขาวให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจ “นายนี่เชยชะมัด! เดี๋ยวนี้ใครเขาใช้ผ้าคลุ้มหน้าปิดบังตัวเองกันเล่า มันยังมีวิธีอื่นอีกตั้งมากมาย นายก็ไปหาซื้อแว่นกันแดดให้น้องเซียนเอ๋อใส่.. แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว!”
ปกติดารามีชื่อเสียงเวลาออกไปเดินตามที่สาธารณะ พวกเขาก็จะสวมแว่นกันแดดเพื่อปิดบังใบหน้าไว้ป้องกันไม่ให้คนทั่วไปจำได้จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมา
หลิงหยุนไม่รู้จริงๆว่าในโลกใบนี้มีแว่นกันแดดด้วย.. และแว่นกันแดดที่หลินเมิ่งหานเคยมอบให้เขานั้น เขาก็ลืมไปนานแล้ว และจำไม่ได้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ใหน?
หลิงหยุนได้ฟังหลงหวู่พูดแล้วถึงกับต้องยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง พร้อมกับร้องอุทานออกมาว่า “จริงด้วย.. ผมลืมเรื่องแว่นไปได้ยังไงกัน?”
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของหลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อในเวลานี้นั้น คนหนึ่งสง่างามไม่ต่างจากมังกร ส่วนอีกคนงดงามไม่ต่างจากนกเฟิงหวง (นกฟินิกซ์) หากทั้งคู่สวมแว่นกันแดดเวลาออกไปข้างนอก ก็น่าจะลดปัญหาที่จะตามมาได้อย่างมากมายเลยทีเดียว
หลิงหยุนไม่รอช้า.. เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาสั่งให้ถังเมิ่งหาซื้อแว่นกันแดดมาให้..
หลงหวู่เห็นเข้าจึงรีบร้องห้าม “ก็แค่แว่นกันแดด.. ฉันจะเป็นคนซื้อให้เอง..”
หลงหวู่อยากจะหาซื้ออะไรบางอย่างให้กับหลิงหยุนอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้กับเขาดี และเมื่อโอกาสมาถึง เธอจึงไม่พลาดที่จะรีบคว้าเอาไว้..
หลิงหยุนพยักหน้า.. เพราะสำหรับเขาแล้ว ใครซื้อให้ก็ไม่ต่างกัน เมื่อหลิงหยุนเหลือบมองเวลา เขาก็รีบลุกขึ้นทันทีพร้อมกับบอกหญิงสาวทั้งสองคนว่า
“พวกคุณสองคนอยู่ที่บ้านล่ะ ผมต้องไปโรงเรียนแล้ว!”
หลิงหยุนขาดเรียนไปนาน จึงไม่รู้ว่าที่โรงเรียนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง และที่สำคัญวันนี้เขาก็ต้องไปรับเสี่ยวเม่ยหนิงที่โรงเรียนด้วย
“เซียนเอ๋อ.. เจ้าต้องเก็บบัตรประชาชนไว้ให้ดีๆล่ะ ต่อไปเจ้าจำเป็นจะต้องใช้มัน..”
หลังจากสั่งสองสาวเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนมัธยมจิงฉูทันที เขาขับรถเข้าไปจอดที่อาคารเรียนของเสี่ยวเม่ยหนิง และทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งพักเที่ยง เขาจึงส่งข้อความไปให้กับเธอแจ้งว่าเขารออยู่ในรถ
ทันทีที่ได้รับข้อความจากหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงก็เบิกบาน และมีความสุขอย่างมาก ขาเรียวยาวของเธอวิ่งลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว จนเพื่อนๆ ในห้องต่างก็พากันงุนงง และไม่เข้าใจว่าเธอตื่นเต้นอะไรหนักหนา..
เสี่ยวเม่ยหนิงรีบวิ่งลงไปชั้นล่าง และเมื่อสายตาเหลือบเห็นรถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุน เธอก็รีบวิ่งเข้าไป และเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับทันที
“พี่หลิงหยุน.. พี่นี่ใจร้ายชะมัดเลย! กลับมาตั้งสองวันแล้ว แต่เพิ่งมารับฉันวันนี้นี่นะ!”
ทันทีที่ขึ้นไปนั่งบนรถ ริมฝีปากยั่วยวนของเธอก็ระบายความไม่พอใจใส่หลิงหยุนเป็นชุดทันที
“เอิ่ม.. ผมเพิ่งจะกลับมาถึงเมื่อวานนี้เอง แล้วก็ต้องกลับเข้าบ้านก่อนไม่ใช่เหรอ? นี่ผมทำอะไรผิด?”
หลิงหยุนตั้งใจที่จะไม่บอกกับหนิงน้อยว่าคนที่เขาไปหาก่อนใครก็คือหลินเมิ่งหาน ไม่เช่นนั้นแม่สาวน้อยตัวแสบคนนี้คงจะโกรธ และอาละวาดจนเขาต้องมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีกหลายเรื่องแน่ และเธอคงจะต้องตามติดเขาเป็นตังเมอย่างแน่นอน
“เที่ยงนี้คุณอยากกินอะไร?” หลิงหยุนยิ้มให้สาวน้อยตัวแสบพร้อมกับถามขึ้น
“อะไรก็ได้!”
สำหรับเสี่ยวเม่ยหนิงแล้ว เมื่อใดที่เธอได้พบกับหลิงหยุน เธอจะตื่นเต้นจนแทบไม่สนใจเรื่องอาหารการกิน..
“ถ้างั้นก็ไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า..” หลิงหยุนเตรียมที่จะขับรถแลนด์โรเวอร์ออกไปนอกโรงเรียน
หลิงหยุนต้องรีบออกจากโรงเรียนก่อนที่เพื่อนๆในห้องจะลงมาพบเข้า ถึงตอนนั้นรถของเขาคงจะถูกล้อมจนไปใหนไม่ได้แน่ แต่ขณะที่หลิงหยุนกำลังจะออกรถนั้น..
“พี่หลิงหยุน.. เอ่อ..” จู่ๆเสี่ยวเม่ยหนิงก็ร้องเสียงดังขึ้นมาออกมา
“อะไรอีกล่ะ?” หลิงหยุนกำลังจะเหยียบคันเร่งจึงต้องชะงัก และหันไปถาม
“แล้วพี่สาวฉันล่ะ..?” เสี่ยวเม่ยหนิงหน้าแดงพร้อมกับยกมือชี้ไปทางอาคารเรียนที่อยู่ทางฝั่งตะวันออก
“พี่สาวของคุณ?” หลิงหยุนถึงกับงง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเสี่ยวเม่ยหนิงกำลังพูดถึงเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
ก่อนที่หลิงหยุนจะออกเดินทางไปเกาะกลางทะเลนั้น หลิงหยุนได้พาหนิงน้อยไปที่ผาพยัคฆ์ และได้อธิบายเรื่องของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาให้เธอเข้าใจ เพื่อเป็นการช่วยท่านหมอเสี่ยวแก้ปัญหา..
ดังนั้นตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ ทั้งเหมี่ยวเสี่ยวเหมาและน้องสาวของเธอ – เสี่ยวเม่ยหนิง ก็ได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันมาระยะใหญ่ และตอนนี้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ได้ย้ายจากโรงแรมมาอยู่กับเสี่ยวเม่ยหนิงที่บ้านท่านหมอเสี่ยวแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ยังอยู่ในวัยสดใส อีกทั้งยังสวย และเฉลียวฉลาดอีกด้วย ทั้งคู่จึงสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“เหมี่ยวเสี่ยวเหมาน่าจะยังเรียนอยู่? ถ้ายังไงคุณโทรไปบอกเธอว่าพวกเราจะไปรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน” หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
ระหว่างที่บอกเสี่ยวเม่ยหนิง หลิงหยุนก็รีบขับรถออกไปรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนนักเรียนห้อง 6 มาพบเข้า
เสี่ยวเม่ยหนิงโทรไปบอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมา แต่หลังจากวางสายก็ตำหนิหลิงหยุนว่า “พี่หลิงหยุน.. ตู้กู่โม่ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่? ถ้าเขาอยู่ที่นั่น แล้วฉันจะย้ายเข้าไปอยู่กับพี่ได้ยังไง?”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าเด็กสาวตัวแสบนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ตอนนี้ยังคิดจะย้ายไปอยู่กับเขาที่บ้านอีก
แต่จะตำหนิเสี่ยวเม่ยหนิงก็ไม่ได้ เพราะเธออุตส่าห์กดดันท่านหมอเสี่ยว และขอเงินมาใช้ตกแต่งบ้านของเขาถึงยี่สิบล้าน
หลิงหยุนหัวเราะ “ตู้กู่โม่เพิ่งจะกลับไปวันนี้เอง ถ้าคุณอยากจะย้ายเข้ามาอยู่ก็ย้ายได้เลย..”
“จริงเหรอ?! ถ้างั้นฉันกับพี่ใหญ่จะย้ายไปอยู่ที่นั่นด้วยกัน!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า ‘นี่ข้าได้โปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่งหรืออย่างไร?!’
แต่ถึงอย่างไรบ้านของเขาก็มีห้องอยู่มากมายหลายห้อง เขาจึงได้แต่พยักหน้าและตอบไปว่า
“ตามสบาย..”
“ว้าว.. เยี่ยมไปเลย!” เสี่ยวเม่ยหนิงตบมือพร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น โดยที่ไม่ทันคิดว่าตนเองกำลังจะพาหมาป่าแสนสวยเข้าบ้านหลิงหยุน
แต่หลิงหยุนเองกลับคิดไปถึงเรื่องที่เขาต้องการจะสอนวิชาเก้าเข็มปลุกชีพให้กับเสี่ยวเม่ยหนิง และคิดว่าเธอจำเป็นต้องฝึกวรยุทธ และสร้างกำลังภายในด้วย
พลังชีวิตในบ้านเลขที่-1 ของเขานั้น จะช่วยให้เสี่ยวเม่ยหนิงฝึกฝนได้รุดหน้ารวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และนี่คือจุดประสงค์ของหลิงหยุน
แน่นอนว่าหลิงหยุนสามารถใช้การบ่มเพาะเคียงคู่กับเสี่ยวเม่ยหนิงได้เช่นกัน อีกทั้งร่างกายของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้นนับว่าได้รับพรสวรรค์จากธรรมชาติมาไม่ด้อยไปกว่าหลินเมิ่งหาน อีกทั้งอายุที่น้อยกว่าจึงทำให้ประโยชน์ที่จะได้รับนั้นมากมายกว่าหลินเมิ่งหาน และยังสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่ามาก เพียงแต่หลิงหยุนยังไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก.. เสี่ยวเม่ยหนิงยังเด็กเกินไป! การทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่นิสัยของหลิงหยุน!
หญิงสาวรูปร่างหน้าตางดงาม ผมยาวสลวย กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างรถแลนด์โรเวอร์ของหลิงหยุน ผมยาวของเธอปลิวไสว ดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวสองข้างเป็นประกาย เธอยกมือขึ้นเคาะกระจกด้านที่นั่งข้างคนขับ
“พี่ใหญ่.. ขึ้นมาเร็วเข้า! ขึ้นไปนั่งข้างหลังเลย”
เสี่ยวเม่ยหนิงเปิดประตูออกไปเบาๆ พร้อมกับร้องบอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมาให้ขึ้นมาบนรถ และเธอเองก็ไม่ยอมไปนั่งข้างหลังกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วย
‘ระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียน-8..’
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ตรวจสอบระดับกำลังภายในของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา เขาอดคิดไม่ได้ว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาช่างเป็นอัจฉริยะไม่ต่างจากเขา เพราะเพียงแค่เวลาเกือบหนึ่งเดือน เธอกลับสามารถรุดหน้าไปได้หลายขั้น
เหมี่ยวเสี่ยวเหมามองผ่านกระจกรถ และเหลือบมองหลิงหยุนที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ แล้วยิ้มให้พร้อมกับเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง
เจ้าดักแด้ทองคำตัวอ้วนกำลังกระพือปีกใสของมันบินเตามเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเข้ามาในรถ และค่อยๆบินลงไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของเธอ แต่แล้วก็ดูเหมือนไม่พอใจ จึงกระพือปีกบินออกไปนอกรถอีกครั้ง
“เจ้าทองน้อยดูแข็งแกร่งขึ้นมาก..” หลิงหยุนหันไปยิ้มพร้อมกับจ้องมองเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตอบกลับไปว่า “นายเองก็แกร่งขึ้นมากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ..?”
หลิงหยุนไม่ตอบรับ แต่กลับส่ายหน้าและหันไปทางเสี่ยวเม่ยหนิง “หนิงน้อย.. คุณอยากไปกินที่ใหน?”
“ภัตตาคารจิงฉู..”
เสี่ยวเม่ยหนิงครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็คิดออกว่าจะกินที่ภัตตาคารจิงฉู เพื่อดูทิวทัศน์สวยงามที่นั่นด้วย
เวลาดีๆ และมีความสุขเช่นนี้ การได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี..
หลิงหยุนขับรถมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารจิงฉู ระหว่างทางเสี่ยวเม่ยหนิงก็ได้โทรหาผู้จัดการร้านเพื่อจองห้องส่วนตัว
“พี่หลิงหยุน.. ทำไมไม่พาเจ้าขาวปุยมาด้วยล่ะ? นางน่าจะกลายร่างเป็นคนแล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันคิดถึง!”
หลังจากที่จัดการโทรจองห้องส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเม่ยหนิงก็ไม่ลืมที่จะถามถึงเจ้าขาวปุยขึ้นมาทันที
หลิงหยุนถึงกับเหงื่อโชก.. เขาเองก็ต้องการพาไป๋เซียนเอ๋อออกมากินข้าวข้างนอกด้วยเช่นกัน แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่งดงามเหนือมนุษย์ของนาง จึงไม่เหมาะที่จะพามาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน
“ใช่แล้ว.. ตอนนี้นางก็มีชื่อใหม่ว่าไป๋เซียนเอ๋อ เย็นนี้คุณก็จะได้เห็นเอง แล้วก็ต้องเรียกนางว่าน้องเซียนเอ๋อ..” หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
เสี่ยวเม่ยหนิงพยักหน้า “พี่หลิงหยุน.. ฉันจะย้ายไปอยู่กับพี่วันนี้เลย พี่ช่วยฉันย้ายของหน่อยจะได้มั๊ย?”
หลิงหยุนจึงถามขึ้นมาว่า “แล้วของส่วนใหญ่เป็นอะไรล่ะ?”
“ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหนังสือ.. อ่อ.. แล้วก็มีเสื้อผ้าอีกเยอะแยะเลย.. แล้วก็มีตุ๊กตา แล้วก็..” เสี่ยวเม่ยหนิงบอกอายๆพร้อมกับหน้าแดง
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ผมเข้าใจแล้ว! เดี๋ยวผมหาวิธีให้”
มีคนของแก๊งมังกรเขียว.. การย้ายของจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หลิงหยุนหันไปพูดกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ตอนนี้ในห้องเรียนเป็นไงบ้าง? แล้วมีข่าวจากเกาเฉินเฉินบ้างมั๊ย?”
เหมี่ยวเสี่ยวกำลังเหม่อมองไปนอกรถ ลำคอของเธอตั้งตรง สายตาจ้องออกไปด้านนอกคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
แต่เมื่อได้ยินคำถามของหลิงหยุน เธอจึงหันหน้ากลับมา และตอบเสียงเบาว่า “ในห้องก็ปกติดี ส่วนเรื่องของเกาเฉินเฉินนั้น ฉันว่านายไปถามฉางหลิงเองจะดีกว่า..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า ในที่สุดก็มีข่าวคราวของเกาเฉินเฉินสินะ!
และในที่สุด รถของหลิงหยุนก็มาจอดอยู่ที่หน้าภัตตาคารจิงฉู!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท