Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 516

ตอนที่ 516

บทที่ 516: หัวใจหวั่นไหว!
หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี สมาชิกในครอบครัวทั้งสามคนต่างก็นั่งหัวเราะกันอย่างมีความสุขอยู่ในห้องรับแขก ช่างเป็นภาพที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นยิ่งนัก
พระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก..
“แย่แล้ว..” จู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นมา
ฉินตงเฉี่วยลุกขึ้นอย่างรีบร้อน นางกระทืบเท้าเล็กๆ ลงบนพื้นพร้อมกับร้องอุทานเสียงดังออกมา
“ข้ามัวแต่คุยจนลืมกินข้าวเลย..”
ฉินตงเฉี่วยทำหน้าตาตกอกตกใจพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนนิ่ง และตำหนิเขาว่า “เพราะเจ้าคนเดียว ทำให้ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย!”
พูดจบนางก็ไม่สนใจสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นอีก และรีบพุ่งเข้าไปยังห้องครัวทันที
“พี่ใหญ่.. น้าหญิงเป็นห่วงพี่มากเลยรู้มั๊ย? ระหว่างที่พี่ไม่อยู่น้าหญิงก็หัดทำอาหาร พอรู้ว่าพี่จะกลับมาถึงบ้านตอนเที่ยง น้าหญิงก็วุ่นอยู่ในครัวตั้งแต่เช้า แล้วยังไม่ยอมให้ฉันเข้าไปช่วยด้วยนะ..”
หนิงหลิงยู่เห็นฉินตงเฉี่วยพุ่งเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว จึงได้แต่แอบกระซิบให้หลิงหยุนฟัง
ฉินตงเฉี่วยที่อยู่ในห้องครั้วนั้นได้ยินคำพูดของหนิงหลิงยู่อย่างชัดเจน ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังคอยเงี่ยหูฟังคำตอบของหลิงหยุน
แต่หลิงหยุนกลับไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้านิดหน่อยเท่านั้น..
………
“อาหารพร้อมแล้วค่ะ..” หนิงหลิงยู่เดินส่งเสียงร้องออกมาจากห้องครัว
อาหารถูกนำมาเสริฟบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว มีทั้งเป็ด ไก่ ปลา และอาหารทะเลอีกมากมาย บรรยากาศภายในบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร
ทั้งสามคนนั่งลงเตรียมตัวรับประทานอาหาร แต่เพียงแค่หลิงหยุนหยิบตะเกียบขึ้นมาเท่านั้น ฉินตงเฉี่วยที่นั่งอยู่ตรงข้ามหลิงหยุนก็พูดขึ้นมาว่า
“เจ้าเด็กดื้อ.. ข้าขอเตือนเจ้าก่อนนะ ห้ามบอกว่าอาหารที่ข้าทำไม่อร่อย!”
“อาหารที่ท่านทำจะไม่อร่อยได้อย่างไรกัน? ต้องอร่อยที่สุดในโลกอยู่แล้ว..”
ดวงตาคู่สวยของหลิงหยุนจ้องลึกลงไปในดวงตาของฉินตงเฉี่วย แต่นางกลับไม่กล้ามองตาหลิงหยุน และมีท่าทางลนลานอย่างเห็นได้ชัด
และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ฉินตงเฉี่วยเองก็ไม่รู้เช่นกัน นางเริ่มหวาดหวั่นกับความรู้สึกเช่นนี้ คล้ายกับเป็นความสุข และความรู้สึกที่นางรอคอย แต่ก็บีบคั้นหัวใจ และยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
แล้วทั้งสามคนเริ่มรับประทานอาหาร หลิงหยุนยกตะเกียบคีบซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานชิ้นใหญ่เข้าปากทันที
‘ใส่น้ำตาลมากจนหวานเกินไป!’
แต่ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อน และจุดแข็งของตนเอง!
หลิงหยุนถึงกับแอบถอนหายใจอยู่เงียบๆ ในเรื่องของการฝึกวรยุทธนั้น ฉินตงเฉี่วยนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ดีเลิศคนหนึ่ง แต่ในเรื่องของการทำอาหารนั้น แทบจะไม่ต้องพูดถึง..
“รสชาติอาหารเป็นอย่างไรบ้าง?!”
ฉินตงเฉี่วยถือตะเกียบไว้ในมือพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนที่เคี้ยวตุ้ยๆ และกำลังกลืนอาหารลงท้องไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างมาก..
“สุดยอดไปเลย..! อาหารที่ท่านทำอร่อยมากจริงๆ เป็นรสชาติที่ถูกปากข้ามาก..” หลิงหยุนตอบไปเช่นนั้น แต่ในใจกลับคิดอีกอย่าง
“เจ้าพูดจริงหรือ?!”
ฉินตงเฉี่วยหน้าตาเบิกบานมีความสุขขึ้นมาทันที แล้วนางก็รีบคีบไก่วางลงไปบนจานของหลิงหยุนอีกหนึ่งชิ้น
หลิงหยุนกัดไปหนึ่งคำ.. และครั้งนี้ดูเหมือนจะใส่เกลือมากไปหน่อย!
แต่หลิงหยุนก็ยังคงเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย แล้วกลืนลงท้องไปราวกับไม่มีอะไร
“อร่อยมากจริงๆ! น้าหญิง.. กับข้าวที่ท่านทำอร่อยทุกอย่างเลย ข้ากำลังหิวพอดี คงต้องกินให้มากหน่อย..”
หลิงหยุนร้องอุทานราวกับกำลังได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ และเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ความจริงแล้วอาหารที่ฉินตงเฉี่วยทำนั้นรสชาติแย่มาก แต่หลิงหยุนรู้ดีว่าฉินตงเฉี่วยนั้นทำด้วยใจ เขาจึงทานมากกว่าปกติ และทำท่าทางราวกับว่ามันเอร็ดอร่อยอย่างมาก
“นี่.. เจ้ากินให้ช้าหน่อย! ระวังจะติดคอล่ะ..”
ฉินตงเฉี่วยจ้องมองหลิงหยุนที่คราบอาหารเลอะเทอะเต็มปาก แต่ในใจก็นึกพอใจอย่างมาก นางลุกขึ้นไปนั่งด้านข้างหลิงหยุน และจัดการเช็ดปากให้กับเขาอย่างอ่อนโยน
หนิงหลิงยู่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง.. เพราะเธอเป็นคนสอนฉินตงเฉี่วยทำอาหารด้วยตัวเอง และเคยลิ้มลองรสชาติอาหารฝีมือของนางดูแล้ว ดังนั้นท่าทางของหลิงหยุนในเวลานี้ จึงทำให้หนิงหลิงยู่ค่อนข้างงุนงงและสับสนอย่างมาก จนอดคิดไม่ได้ว่าฝีมือการทำอาหารของน้าหญิงจะพัฒนาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
หนิงหลิงยู่จึงหยิบตะเกียบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปาก แล้วเธอก็รีบกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองหลิงหยุนด้วยความรู้สึกสงสาร..
‘พี่ใหญ่ช่างน่าทึ่งจริงๆ!’หนิงหลิงยู่แอบชื่นชมหลิงหยุนอยู่ในใจเงียบๆ
อาหารทุกอย่างรสชาติแย่ไม่ต่างกัน แต่หลิงหยุนกลับกินจนอิ่มแปล้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “น้าหญิง.. ข้ากินจนจุกเลย..”
“มาๆ มาเช็ดปากก่อน..” ฉินตงเฉี่วยรีบส่งกระดาษเช็ดปากในมือให้กับหลิงหยุน
ระหว่างที่ฉินตงเฉี่วยดูแลเอาใจใส่หลิงหยุนอยู่นั้น นางก็แอบสังเกตุเห็นจานของหนิงหลิงยู่ยังคงมีผักสองสามชิ้นวางอยู่ สีหน้าของหนิงหลิงยู่นั้นเคร่งเครียดราวกับคนที่กำลังต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่อยู่
สีหน้าของหนิงหลิงยู่ในเวลานี้ ฉินตงเฉี่วยคุ้นเคยดี เพราะทุกครั้งที่นางลงมือทำอาหาร หนิงหลิงยู่ที่เป็นทั้งครูและคนชิม ก็จะทำสีหน้าเช่นนี้ให้เห็นอยู่ตลอด
“หลิงยู่.. ทำไมเจ้าไม่กินเข้าไปล่ะ?”
ฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนกินกับข้าวที่นางทำไปหลายอย่าง และเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย นางเริ่มรู้ตัวว่ามัวแต่เอาใจใส่หลิงหยุนจนลืมหนิงหลิงยู่ไป จึงร้องบอกด้วยความเก้อเขิน
“ค่ะน้าหญิง.. กินแล้วค่ะ..” หนิงหลิงยู่ตอบไปแบบนั้น แต่กลับไม่ขยับตะเกียบในมือเลยแม้แต่น้อย
ฉินตงเฉี่วยเห็นท่าทางของหนิงหลิงยู่ นางถึงกับอึ้งไป และหันไปมองหลิงหยุนและหนิงหลิงยู่สลับกันไปมาก่อนจะหยิบตะเกียบในมือคีบอาหารตรงหน้าเข้าปาก..
“โอ้.. เค็มเกินไป!” ฉินตงเฉี่วยแทบอยากจะคายอาหารในปากทิ้ง แต่ก็ฝืนกลืนลงไป และรีบดื่มน้ำตามทันที
ฉินตงเฉี่วยหน้าแดง และเริ่มชิมอาหารจานอื่นๆ ที่เหลือตรงหน้าหลิงหยุน..
หลิงหยุนมองหน้าหนิงหลิงยู่แล้วจึงพูดขึ้นว่า “หลิงยู่.. เธอจัดการอาหารที่เหลือนะ พี่จะออกไปข้างนอกกับน้าหญิงก่อน”
หนิงหลิงยู่พยักหน้า และเริ่มคีบอาหารเข้าปาก หลิงหยุนยืนขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของฉินตงเฉี่วยลากออกไปนอกบ้านทันที
หลิงหยุนเปลี่ยนจากภาพเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อครู่ มาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งดุดัน จนแม้แต่ฉินตงเฉี่วยยังไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่ปล่อยให้หลิงหยุนจับมือของนาง และลากออกไปด้านนอก
และด้วยความสามารถของคนทั้งคู่ในเวลานี้ แม้จะใช้วิชาตัวเบา แต่ก็ยากที่สายตาของคนธรรมดาจะจับภาพได้ และเพียงประเดี๋ยวเดียวทั้งสองคนก็ไปยืนอยู่ที่ชายทะเลซึ่งห่างออกไปไกลถึงร้อยเมตร
เมื่อร่างของทั้งคู่หยุดนิ่ง ใบหน้างดงามของฉินตงเฉี่วยก็จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าเลย เมื่อครู่เป็นเพราะน้องสาวของเจ้าอยู่ด้วย ตอนนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าแล้ว!”
ฉินตงเฉี่วยไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุนต่อ นางจึงแสร้งทำเป็นมองไปที่ทะเลราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนางก็ทำเป็นพูดเรื่องทำโทษขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเอง
หลิงหยุนปล่อยมือของฉินตงเฉี่วยแล้วเดินออกไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยืนหันหลังนิ่งอยู่แบบนั้นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“น้าหญิง.. วิวที่นี่สวยงามมากทีเดียว..!”
“นี่เจ้า..”
ดวงตาของฉินตงเฉี่วยเป็นประกายด้วยความฉุนเฉียวขึ้นมาทันที เพราะนางจำได้แม่นยำว่าในวันที่นางพาหลิงหยุนมาอาบน้ำที่นี่ นางได้ตกลงไปในทะเล และเกิดอะไรขึ้นบ้าง..
ระหว่างหลายวันที่หลิงหยุนยังไม่กลับจากทะเลนั้น ฉินตงเฉี่วยก็ได้เล่าเรื่องสัพเพเหระรวมถึงการเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวของนาง อีกทั้งเรื่องการต้องเดินทางไปยังที่ต่างๆ เพียงลำพังจนกลายเป็นนิสัยของนางไปแล้วให้กับหนิงหลิงยู่ฟัง
และทุกครั้งที่มายืนอยู่ตรงนี้ นางจะนึกถึงภาพที่ตนเองตกลงไปในทะเล และภาพที่หลิงหยุนประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากของนาง เมื่อใดที่คิดถึงเรื่องนี้ใจของนางก็จะเต้นแรง และใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ
ความรู้สึกอบอุ่นจากริมฝีปากของหลิงหยุนในครั้งนั้น ได้ประทับลงไปในจิตใจของนางด้วย
ตั้งแต่นั้นมา.. นางมักจะสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับหลิงหยุนจากหนิงหลิงยู่ รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่เขาชื่นชอบ จากนั้นเทพธิดาฉินที่ไม่เคยทำงานหนักแม้แต่อย่างเดียวนอกเหนือจากการฝึกวรยุทธนั้น ก็เริ่มกระตือรือร้นที่จะเรียนทำอาหารจากหนิงหลิงยู่ เพื่อหวังว่าเมื่อหลิงหยุนกลับมานางจะได้ทำอาหารมื้อหรูให้เขาทาน
แต่ถึงแม้ว่านางจะได้พยายามอย่างหนัก และสุดฝีมือแล้ว แต่รสชาติอาหารก็แย่จนยากที่จะกินเข้าไปได้ แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนกลับทำให้นางประทับใจด้วยการกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย..
ฉินตงเฉี่วยเริ่มรู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับความรู้สึกเช่นนี้ของตนเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันอ่อนหวานอยู่ในจิตใจ
ฉินตงเฉี่วยยืนมองร่างของหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่ราวกับถูกบีบคั้นอย่างหนัก
นางไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกเช่นนี้ว่าอย่างไร?
แต่จู่ๆ หลิงหยุนก็พูดขึ้นมาเสียงเบาว่า “น้าหญิง.. ข้าออกไปเกาะนอกทะเลตั้งนาน ท่านห่วงข้าบ้างหรือไม่?”
ฉินตงเฉี่วยกัดริมฝีปากสีแดงเล็กน้อย ลมทะเลพัดผมยาวของนางปลิวไสว แต่ปากกลับพูดออกไปว่า
“หลิงยู่เป็นห่วงเจ้ามาก.. แต่ข้าไม่เป็นห่วง เพราะเจ้าเก่งกว่าข้ามานัก!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย แล้วจู่ๆก็หันหน้าไปมองหน้าฉินตงเฉี่วยที่สวยงามราวกับเทพธิดาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“น้าหญิง.. อาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่ข้ากินแล้วมีความสุขที่สุดตั้งแต่เกิดมา!”
ฉินตงเฉี่วยฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างที่สุด แต่ก็แสร้งทำหน้าตาหงุดหงิดพร้อมกับพูดไปว่า “รสชาติแบบนั้นนี่นะ..”
หลิงหยุนไม่ตอบ แต่กลับหันไปมองยืนมองทะเลต่อ และทั้งคู่ต่างก็นิ่งเงียบกันไปครู่ใหญ่ บรรยากาศจึงเริ่มอึดอัด..
หลิงหยุนมีความสุขกับบรรยากาศเช่นนี้ แต่ฉินตงเฉี่วยกับรู้สึกทนไม่ได้อีกต่อไป หัวใจของนางเริ่มเต้นแรง และรู้สึกราวกับว่าหน้าอกของนางกำลังกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อนลงอย่างแรง
นางจึงหาเรื่องพูดขึ้นว่า..“เด็กดื้อ.. ข้าลืมถามเจ้าไป เหตุใดเจ้าจึงได้เสียมารยาทกับหลิวซุ่ยเฟิงเช่นนั้น เขาเป็นศิษย์พี่ของข้านะ..”
หลิงหยุนหันกลับไปมองหน้าฉินตงเฉี่วย และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เพราะมันกล้าแตะเนื้อต้องตัวท่าน!”
เมื่อฉินตงเฉี่วยได้ฟังคำตอบของหลิงหยุน นางถึงกับใจเต้นแรง และร่างทั้งร่างก็อ่อนยวบ ใบหน้าแดงก่ำ นางตกใจแต่ก็พยายามที่จะเก็บซ่อนอาการเหล่านี้
นี่เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย.. ฉินตงเฉี่วยทั้งเก้อเขิน และตื่นตระหนกอย่างไม่สามารถอธิบายได้ นางจ้องมองเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า และจู่ๆก็รู้สึกราวกับว่าเขาไม่ใช่ลูกชายของพี่สาวนางอีกต่อไป อีกทั้งต่อหน้าหลิงหยุน นางกลับกลายเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น
หัวใจของนางบีบคั้นอย่างรุนแรง!
“ที่นี่อากาศร้อนจะตายไป.. ข้าไม่น่าตามเจ้าออกมาตากแดดเลย ข้า.. ข้าจะกลับเข้าบ้านแล้ว..”
ฉินตงเฉี่วยต้องการจะหนีออกไป..

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท