Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 542

ตอนที่ 542

บทที่ 542 : กล้องวงจรปิด!
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋เข้าไปในห้องรับแขก..
หลิงหยุนถามถังเมิ่งทันที “ปกติตามร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่จะมีกล้องวงจรปิดมั๊ย?”
ถังเมิ่งตอบโดยแทบไม่ต้องคิด “ถ้าไม่ใช่ร้านอินเทอร์เน็ตเถื่อนส่วนใหญ่ก็จะมีนะ”
“เยี่ยม!”
หลิงหยุนดีใจอย่างมาก เขาก้มลงกระชากตัวหลี่กังขึ้นจากพื้นด้วยแขนเพียงข้างเดียว และบอกกับทั้งสองคนว่า “ฉันจะออกไปข้างนอก!”
หลิงหยุนส่งกระแสจิตบอกตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่งว่าหลัวเอ้อเฟิงซ่อนอยู่ในห้องฟิตเนส และเขาจะกลับมาจัดการกับเธอเอง จากนั้นก็พาหลี่กังออกไปข้างนอก
เมื่อไปถึงรถแลนด์โรเวอร์ หลิงหยุนก็จับหลี่กังโยนเข้าไปที่นั่งข้างคนขับ จากนั้นตัวเขาเองก็เดินขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ และเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเย็นเป็นเวลาที่รถราค่อนข้างพลุกพล่าน หลังจากที่ออกพ้นหน้าหมู่บ้าน หลิงหยุนก็ต้องเผชิญกับสภาพรถติดอย่างหนัก รถบนถนนเคลื่อนไปได้อย่างเชื่องช้าราวกับเต่า แต่หลิงหยุนเองก็ไม่ได้รีบร้อนมากนัก
ระยะทางเพียงแค่สิบกิโลเมตร แต่หลิงหยุนกลับใช้เวลาเดินทางไปเกือบหนึ่งชั่วโมง และท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม
สี่แยกที่หลิงหยุนถูกรถชนนั้นอยู่ห่างจากโรงเรียนมัธยมจิงฉูไปไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร และตอนนี้รถบนถนนก็เริ่มเบาบางลงมากแล้ว
“พวกแกขับรถชนเขาที่ใหน?” หลิงหยุนจอดรถและถามหลี่กังที่นั่งอยู่ข้างๆโดยไม่หันไปมอง
หลี่กังที่กำลังเจ็บปวดอย่างมากยกมือขึ้นชี้ไปด้านหน้าซึ่งอยู่ห่างไปราวเจ็ดหรือแปดเมตรพร้อมกับตอบว่า
“ตรงนั้น..”
หลิงหยุนพยักหน้าและถามต่อว่า “แล้วตอนนั้นรถ Audi Q7 จอดอยู่ที่ใหน?”
หลี่กังหันหน้ามองออกไปด้านนอกพร้อมกับชี้ไปยังข้างทางที่อยู่ห่างไปราวสองร้อยเมต “จอดอยู่ตรงนั้น.. หลังจากที่หวังเล่ยขับรถชนเด็กนั่นแล้ว รถนั่นก็ขับหายไปอย่างรวดเร็ว..”
“แล้วร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่แกบอกนั่นอยู่ที่ใหน?” หลิงหยุนถามหลี่กังต่อ
หลี่กังยกมือขึ้นชี้ไปทางด้านหน้า “จากสี่แยกนี้เดินตรงขึ้นไปราวสี่ร้อยเมตร ร้านจะอยู่ซ้ายมือ..”
ทันทีที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว หลิงหยุนก็เหยียบคันเร่งอย่างไม่ลังเล และในไม่ช้ารถของเขาก็แล่นไปจอดอยู่ที่หน้าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่หลี่กังพูดถึง
“ลงมา!” หลิงหยุนจอดพร้อมกับออกคำสั่ง
หลี่กังมองไปที่ขาทั้งสองข้างของตนเองพร้อมกับคร่ำครวญออกมาว่า “ฉัน.. ฉันเดินไม่ไหว..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ถ้าแกทำตัวดี ฉันก็จะไว้ชีวิตแก! แต่ถ้าไม่.. รับรองว่าฉันจะให้แกได้ตายอย่างทรมานแน่!”
ใบหน้าของหลี่กังซีดเผือด และได้แต่กัดฟันเดินลงจากรถ หลังจากที่ลงจากรถแล้ว หลี่กังยังต้องยืนอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ขาของเขาหายสั่น เข็มใหญ่ยาวสองเล่มยังปักคาอยู่ที่น่องของเขา ทุกครั้งที่เขายืดตัวตรง ก็จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด แต่ก็ต้องอดทนกับความเจ็บปวดทรมานนี้ต่อไป
หลิงหยุนเดินลงจากรถ และพาหลี่กังเข้าไปในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งนี้มีสองชั้นเท่านั้น ชั้นล่างมีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ราวร้อยเครื่องได้ และเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อสอบถาม และชำระเงินก็อยู่ทางด้านซ้ายห่างจากประตูไปราวสามเมตร จากนั้นจึงจะเป็นห้องคอมพิวเตอร์
ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงที่ผู้คนจะมาใช้บริการกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องจึงมีคนอยู่บางตา ดูเหมือนจะมีลูกค้าอยู่เพียงสามสิบคนเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็กำลังเล่นเกมออนไลน์อยู่ มีเพียงส่วนน้อยที่นั่งดูหนัง หรือนั่งคุยแชทผ่านอินเทอร์เน็ต
“ต้องการเช่าเครื่องใช่มั๊ยคะ?”
เมื่อหญิงสาวที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เห็นหลิงหยุนกับหลี่กังเดินเข้ามาในร้าน จึงร้องถามอย่างสุภาพ
หญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี รูปร่างสูงปานกลาง ผมสั้น แม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะไม่โดดเด่น แต่ดวงตาคู่นั้นของเธอกลับเป็นประกายสดใส เธอจ้องมองหลิงหยุนที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างคุ้นหน้าเหลือเกิน
“เดี๋ยวผมจะมาคุย..”
หลิงหยุนตอบพร้อมกับลากแขนของหลี่กังให้เดินเข้าไปนั่งในห้องคอมพิวเตอร์ เขาจับหลี่กังนั่งที่โต๊ะแถวแรก และสำรวจไปรอบๆห้องก่อนจะถามขึ้นว่า
“วันนั้นแกนั่งอยู่ตรงใหน?”
หลี่กังชี้ไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์แถวที่สองใกล้กับทางเดิน “ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นทั้งสองคืน..”
หลิงหยุนเดินตรงไปยังแถวที่หลี่กังบอก จากนั้นจึงหันหน้าไปมองทางเคาน์เตอร์ และพบว่าตำแหน่งที่หลี่กังนั่งนั้น สามารถมองเห็นเคาน์เตอร์ได้อย่างชัดเจน
“แล้วสองคนนั้นนั่งตรงใหน?” หลิงหยุนถามต่อ
หลี่กังชี้ไปทางด้านซ้ายของทางเดินและพูดขึ้นว่า “คนที่ดูแข็งแรงมากและสวมเสื้อสูทนั่งอยู่แถวที่สองถัดจากฉัน แต่มีทางเดินนี้ขั้นไว้”
“อีกคนล่ะ?”
หลี่กังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจำอีกคนไม่ค่อยได้ เพราะเขาดูไม่โดดเด่นจากคนธรรมดามาก จึงไม่ค่อยดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากนัก แต่เขาก็ไม่ลุกไปใหนเลย แล้วก็ไม่เปลี่ยนที่ด้วย”
“แล้วหลิงหยุนนั่งที่ใหน?”
หลี่กังตอบพร้อมกับชี้ไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง “ถ้าไม่นั่งที่เคาน์เตอร์ เขาก็จะมานั่งเล่นเกมที่แถวแรกนี้..”
ตอนนี้คอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวนั้นยังคงปิดอยู่ ยังไม่มีผู้มาใช้บริการ..
“เอาล่ะ.. นายออกไปรอในรถก่อน!”
หลิงหยุนถามทุกอย่างที่เขาอยากรู้หมดแล้ว เขาจึงพาหลี่กังเดินออกจากร้านอินเทอร์เน็ตกลับไปที่รถ และจัดการโยนร่างของหลี่กังเข้าไปด้านใน
หลิงหยุนเข้าใจเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุในคืนนั้นเกือบจะทั้งหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือหาภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพเมื่อเดือนมีนาคมของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งนี้!
หลิงหยุนรีบกลับไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง และตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์พูดกับแคชเชียร์ว่า
“คนสวย.. ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยจะได้มั๊ยครับ?”
พูดจบหลิงฟยุนก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้กับแคชเชียร์สาว..
และมันก็ยิ่งกว่าได้ผล.. สาวน้อยผมสั้นจ้องมองลักยิ้มแก้มซ้ายของหลิงหยุนด้วยความงุนงงและหลงใหล เธอยิ้มหวานตอบกลับมา และถามขึ้นว่า
“มีอะไรเหรอสุดหล่อ?”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ผมอยากขอดูกล้องวงจรปิดของทางร้านที่บันทึกไว้ช่วงเดือนมีนาคมทั้งหมดหน่อยจะได้มั๊ยครับ?”
สาวน้อยผมสั้นรีบตอบกลับทันที “คุณจะดูทำไม? ที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิด..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้ขึ้นไปที่เพดานตรงตำแหน่งเคาน์เตอร์ที่มีกล้องอยู่สองสามตัวพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“แล้วนั่นอะไร?”
หญิงสาวผมสั้นหน้าแดงและตอบกลับเก้อๆ “ต่อให้มี.. ฉันก็ให้คุณดูไม่ได้ คุณไม่ใช่ตำรวจสักหน่อย..”
ระหว่างที่หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับกำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะขอดูกล้องวงจรปิดให้ได้นั้น เขาก็สังเกตุเห็นผู้หญิงรูปร่างสวยงามคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้าน
หญิงสาวคนนี้ดูเหมือนจะอายุราวสามสิบปี สูงหนึ่งร้อยหกสิบแปดเซ็นติเมตร ผมยาวตรงคลุมไหล่ คิ้วของเธองดงาม จมูกโด่ง ผิวพรรณงดงาม รูปร่างเป็นรูปตัว S แบบที่กำลังนิยม
ช่างเป็นรูปร่างของผู้ใหญ่ที่สวยงามมาก แต่ดวงตาคมกริบของเธอกลับค่อนข้างเย็นชา และท่าทางการวางตัวก็ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
‘สวยมาก.. สวยมากจริงๆ! แต่ก็ดูเย็นชา’
และเธอก็คือเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตแห่งนี้ชื่อว่า.. ซูปิงหยาน!
นี่คงจะเป็นผู้หญิงที่ฉางตงเคยเล่าให้หลิงหยุนฟังว่าเป็นหญิงหม้ายที่ยังสวยงามมาก และได้ฉายาว่า ‘แม่ม่ายทรงเสน่ห์แห่งร้านอินเทอร์เน็ต’
“เยี่ยนจื่อ.. ฉันเอาข้าวเที่ยงมาให้! วันนี้เป็นเกี๊ยว รีบกินสิกำลังร้อนพอดี..”
ทันทีที่ซูปิงหยานเข้ามาในร้าน เธอก็เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์พูดคุยกับสาวน้อยพร้อมกับยื่นกล่องอาหารกลางวันให้
“ขอบคุณมากค่ะ..”
เมื่อสาวน้อยเห็นเจ้าของร้านเดินเข้ามา เธอก็เลิกสนใจหลิงหยุน และรีบยื่นมือออกไปรับกล่องข้าวพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
“อ่อ.. คุณซูคะ! ผู้ชายคนนี้จะมาขอดูกล้องวงจรปิดของทางร้านค่ะ..”
เยี่ยนจื่อไม่ลืมที่จะบอกซูปิงหยานก่อนจะลงมือทานข้าว..
ซูปิงหยานถึงกับอึ้งไป และหันไปมองหลิงหยุนที่ยืนอยู่ข้างเธอ หลิงหยุนเองก็หันไปมองซูปิงหยานพร้อมกับส่งยิ้มให้ และทั้งคู่ก็สบตากัน..
ซูปิงหยานจ้องหน้าหลิงหยุน แววตาที่เย็นชาของเธอเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ทำไมคุณถึงต้องการดูกล้องวงจรปิดของทางร้าน?”
น้ำเสียงของซูปิงหยานค่อนข้างเย็นชา และไม่เป็นมิตร..
ผ่านมาเกือบสองเดือน รูปลักษณ์ของหลิงหยุนก็เปลี่ยนไปมาก แม้แต่หลี่กังเองยังจำเขาไม่ได้ เยี่ยนจื่อและซูปิงหยานเองก็จำไม่ได้เช่นกัน แต่ทั้งสองคนเพียงแค่รู้สึกคุ้นหน้าหลิงหยุนเท่านั้น
คนธรรมดาที่น้ำหนักลดลงสิบกิโลกรัม คนอื่นก็จะยังพอจะจดจำได้บ้าง แต่การที่จู่ๆหลิงหยุนผอมลงกว่าหกสิบกิโลกรัม จนเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง สง่างาม หน้าตาหล่อเหลาอย่างมาก อีกทั้งหลิงหยุนในเวลานี้ก็เป็นคนที่มีความมั่นใจสูง และไม่เหลือภาพลักษณ์เดิมๆเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่หลิงหยุนก็ไม่ปิดบัง เขายิ้มให้กับซูปิงหยานและตอบไปตามตรงว่า “จำผมไม่ได้เหรอครับ.. ผมหลิงหยุนไงครับ! ผมมีความจำเป็นบางอย่างต้องขอดูกล้องวงจรปิดของเดือนมีนาคม..”
“หลิง.. หลิงหยุน? หลิงหยุนใหนกัน?” ซูปิงหยายถึงกับตกตะลึง และถามออกมาอย่างงุนงง!
“ห๊ะ.. นี่นาย.. นายคือหลิงหยุนจริงๆเหรอ?”
เยี่ยนจื่อที่กำลังกินข้าวอยู่ที่เคาน์เตอร์ถึงกับตกตะลึงเช่นกัน เธอเพิ่งจะคีบเกี๊ยวเข้าปากและแทบจะพ่นมันออกมา เธอผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
หลิงหยุนได้แต่เกาศรีษะยิ้มๆพร้อมกับแอบคิดในใจว่า ในเมื่อสองคนนี้รู้จักกับเขา แต่เพราะเหตุมันจึงได้หายไปจากความทรงจำของเขาได้
“เอ่อ.. ผมก็หลิงหยุนที่เรียนอยู่โรงเรียนมัธยมจิงฉูไงครับ ผมเคยมาทำงานที่ร้านเมื่อเดือนมีนาคม..”
หลิงหยุนมองซูปิงหยานที่กำลังตกตะลึง และได้แต่อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็น
แววตาของซูปิงหยานเต็มไปด้วยความตกใจ และแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เธอมองมองหลิงหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้าซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับพึมพำออกมา
“นี่หลิงหยุนจริงๆเหรอ? เป็นไปไม่ได้?”
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้.. เพราะเขาน้ำหนักลดลงอย่างมากภายในเวลาอันรวดเร็ว!
เยี่ยนจื่อถึงกับผลุดขึ้นจากเคาน์เตอร์ และเอื้อมมือมาจับแขนหลิงหยุนอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับร้องตะโกนว่า
“หลิงหยุน.. นี่นายจริงๆเหรอ? แค่ไม่กี่วันทำไมถึงได้ผอมเร็วขนาดนี้? ผอมลงมาก! มิน่าฉันก็กำลังคิดว่าว่าทำไมนายดูคุ้นหน้าจัง?! นี่นายทำไมถึงได้น้ำหนักลดลงมากขนาดนี้?!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย แล้วตอบไปว่า “เรื่องมันยาว..”
หลังจากที่ซูปิงหยานมองหน้าหลิงหยุนใกล้ๆ เขาก็เดาว่าหลิงหยุนคงน้ำหนักลดลงไปหลายสิบกิโลกรัม และก็เริ่มจะเชื่อ
“ใช่หลิงหยุนจริงๆด้วย..!” แววตาของซูปิงหยานเป็นประกายแปลกประหลาดก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบไปว่า “ผมตัวจริง.. ไม่ใช่ตัวปลอมแน่ครับ!”
แต่สิ่งที่ทำให้หลิงหยุนกระอักกระอ่วนมากก็คือสีหน้าของซูปิงหยาน ที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมากกว่าเดิมทันที จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คอยฉันเดี๋ยว..”
พูดจบซูปิงหยานก็เดินไปที่เคาน์เตอร์หยิบซองเงินออกมาจากลิ้นชัก และยื่นให้กับหลิงหยุน
“นี่เป็นเงินค่าจ้างเดือนมีนาคมจำนวน 2400 หยวน.. รับไปสิ!”
“คุณซูครับ.. ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องเงิน..” หลิงหยุนพูดพร้อมกับยื่นซองเงินคืนให้กับซูปิงหยาน
“รับเงินค่าจ้างของเธอไป.. และที่นี่ไม่ต้อนรับเธออีก!” ซูปิงหยานตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท