ยอดสตรีฉางอิ๋ง – ตอนที่ 35

ตอนที่ 35

ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่สอง – ตอนที่ 35 สาวใช้ลู่จู
ตอนที่ 35 สาวใช้ลู่จู
โดย
Xiaobei
วันต่อมา เว่ยฉางอิ๋งเรียกนางเฮ่อมาพูดเรื่องจัดหาคนไปดูแลรับใช้รินน้ำชาเรือนด้านหน้าในช่วงหลังเที่ยง

แรกเริ่มนั้นนางเฮ่อก็บอกว่าจะให้พวกหลานสาวจูสือสี่คนพาคนอีกสองสามคนไปก็พอแล้ว แต่เมื่อได้ยินว่าในบรรดาแขกที่จะมามีท่านหนึ่งเคยเอ่ยปากขอสาวใช้หน้าตางดงามจากเสิ่นจั้งเฟิง จึงรีบเปลี่ยนคำในทันใด “แขกของคุณชาย พวกของจูสือล้วนไม่เคยได้พบมาก่อน เกรงว่าไม่คุ้นเคยแล้วจักดูแลได้ไม่ครบถ้วน อย่างไรก็ให้พวกถวนเยวี่ยพาคนไปดีหรือไม่เจ้าคะ?”

ก่อนนี้นางยังเตรียมคำขออนุญาตกับเว่ยฉางอิ๋งแทนหลานสาวของตนว่าอีกสองปีจะช่วยเลือกคนดีๆ ให้จูสือแต่งงานอยู่เชียว! แล้วระหว่างทางจะให้คนลามกเช่นนี้มาขอคนไปเติมหลังบ้านเขาได้อย่างไร? นางเฮ่อก็หาใช่คนที่ชอบประจบประแจงเข้าหาคน เรื่องสำคัญของชีวิตหลานสาว นางได้วางแผนเอาไว้นานแล้วว่าจักต้องให้หลานสาวแต่งกับคนดีๆ และเป็นภรรยาเอก

ยิ่งไปกว่านั้นที่ตนคอยติดตามเว่ยฉางอิ๋งซึ่งยามนี้เป็นฮูหยินน้อยตระกูลเสิ่น และในอนาคตจักเป็นนายหญิงตระกูลเสิ่น นางเองก็ไม่ได้ขาดเหลืออำนาจใดๆ ครานี้จึงได้โยนงานไปให้ถวนเยวี่ยและซินเยวี่ยโดยไม่รั้งรอ…. ประการแรกเพราะสาวใช้ทั้งสองมีหน้าตาขี้เหร่ ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีก็เป็นคนที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายเสิ่นจั้งเฟิงอยู่แล้ว และจนยามนี้ก็ยังไม่ได้ถูกขอเอาตัวไป เช่นนั้นเมื่อพวกนางไปข้างหน้าก็ย่อมจะปลอดภัย

“ถวนเยวี่ยและซินเยวี่ยจะต้องไปอยู่แล้ว เพียงแต่มีแขกมาสามท่าน จึงไม่อาจให้สาวใช้เพียงสองคนไปดูแลรับใช้?” เว่ยฉางอิ๋งมองดูนางเฮ่อเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว แต่ก็หันมามองตนอย่างเป็นกังวล ท่าทีเช่นนี้ราวกับว่ากลัวตนจะยืนกรานให้จูสือไปดูแลข้างหน้าเช่นนั้น นางจึงรู้สึกขำขึ้นมา… แขกที่มีนามว่าเหนียนเซิงย้าวยังมิทันได้เข้าเรือนมาเลย เขาก็ทำให้แม่นมที่เป็นคนปากร้ายและเก่งกาจมาแต่ไรตกใจเสียแล้ว

นางเกรงว่าเมื่อนางเฮ่อเห็นตนเองยิ้มแล้วจะทำตัวไม่ถูก จึงก้มหน้าลงปกปิดเอาไว้ พลางพลิกเปิดดูรายชื่อของบ่าวไพร่ แล้วกล่าวว่า “ท่านอาเลือกไปอีกสักคนสองคน อาศัยที่ตอนนี้ยังพอมีเวลา อบรมไปอีกสักหน่อย เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ให้สักหน่อย อีกสักพักก็ให้ไปดูแลปรนนิบัติพร้อมๆ กันเถิด”

เมื่อนางเฮ่อได้ยินว่ามิใช่ต้องให้จูสือไปเสียให้ได้ จึงค่อยโล่งอก แล้วนิ่งเงียบอยู่สักพักจึงเอ่ยถามว่า “ในเมื่อในบรรดาแขกมีผู้ที่ชอบขอสาวใช้งามๆ กลับไม่รู้ว่าควรเลือกที่หน้าตางดงาม หรือว่าเลือกที่หน้าตาธรรมดาๆ เจ้าคะ?”

คำกล่าวนี้เหมือนกับที่ตนเอ่ยถามเสิ่นจั้งเฟิงวานนี้ไม่ผิดเพี้ยน เว่ยฉางอิ๋งหัวเราะออกมา “เลือกที่หน้าตาธรรมดาสักหน่อยก็แล้วกัน คนที่พวกเราเคยมอบหมายงานให้ทำอยู่ที่เรือนด้านหน้าก่อนหน้านี้ มีเพียงบ่าวที่คอยพรมน้ำและกวาดพื้น แต่กลับลืมเลือกสาวใช้เอาไว้คอยต้อนรับแขกโดยเฉพาะ หนนี้เลือกสักคนสองคนไปทำหน้าที่นี้พลางๆ ก่อน แล้วค่อยมากำหนดคนรับหน้าที่นี้ให้ชัดเจนภายหลัง”

นางเฮ่อร้องออกมาว่า “เช่นนั้นแล้ว ตามความเห็นของข้าน้อยก็ยังควรเลือกที่งดงามสักหน่อยเป็นดีเจ้าค่ะ”

เว่ยฉางอิ๋งรู้สึกฉงนขึ้นมาเล็กน้อย “เหตุใด?” นางก็บอกไปแล้วว่า แม้แขกที่มาจะมีคนที่ชอบลวนลามหญิงงาม แต่เวลานี้ก็ไม่จำเป็นต้องยกคนให้เขาให้จงได้นี่!

นางเฮ่อรั้งรออยู่สักพัก “นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินน้อยช่วยคุณชายต้อนรับแขก แม้ฮูหยินน้อยจะไม่ออกหน้า ทว่าสาวใช้ที่ส่งออกไปก็แสดงถึงหน้าตาของฮูหยินน้อยด้วย” แล้วเสียงก็ต่ำลง “ฮูหยินน้อยลองคิดดูสิเจ้าคะ หากแขกที่มาเห็นสาวใช้ที่มีหน้าตาเช่นถวนเยวี่ยและซินเยวี่ยทั้งหมด เมื่อกลับไปจักต้องพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าฮูหยินน้อยทำไม่ถูกต้อง ด้วยฐานะของคุณชายแล้ว ผู้ที่ดูแลใกล้ชิดแม้แต่ที่หน้าตาดีๆ สักหน่อยก็ยังไม่มี! เมื่อเป็นดังนี้หากมิใช่เพราะฮูหยินน้อยเป็นคนขี้อิจฉาแล้วจะเป็นสิ่งใดได้? อย่างไรเสียคุณชายของเราก็เป็นคนมีหน้ามีตา มิสู้ให้พวกที่หน้าตางดงามสักคนสองคนออกไปดูแล เช่นนี้แล้วฮูหยินน้อยก็จะได้ชื่อว่าจิตใจกว้างขวางเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม คุณชายก็จะได้หน้าไปด้วยเจ้าคะ!”

เว่ยฉางอิ๋งไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี กล่าวว่า “ก็เพียงแค่สาวใช้สองสามคน วันนี้พวกเขามาหารือเรื่องสำคัญกัน ผู้ใดจักสนใจมากมาย?”

แต่นางหวงก็รู้สึกว่าสิ่งที่นางเฮ่อพูดนั้นมีเหตุผล “สาวใช้ที่ทำงานหนักในเรือนของเราก็มีหลายคนที่พอล้างเนื้อล้างตัวสะอาดสะอ้านก็พอจะดูดีขึ้นมาได้เจ้าค่ะ คุณชายและฮูหยินน้อยต้อนรับแขกครั้งแรกหลังจากแต่งงาน ปรากฏว่าสาวใช้ออกไปปรนนิบัติดูแลมีแต่คนหน้าตาอัปลักษณ์ แล้วเรือนของเราจะมีหน้ามีตาได้อย่างไรเจ้าคะ? ทั้งยังจะมองได้ว่าฮูหยินน้อยใจคอคับแคบด้วยเจ้าค่ะ!”

เว่ยฉางอิ๋งอดจะเอ่ยไปไม่ได้ว่า “แล้วหากถูกคนผู้นั้นหมายตา และเอ่ยปากขอขึ้นมาเล่า?”

นางหวงและนางเฮ่อพลันกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ก็เพียงแค่บ่าวผู้หนึ่ง ในเมื่อเป็นแขกของคุณชาย หากต้องยกให้ก็ต้องยกให้”

นางหวงยังบอกอีกว่า “ฮูหยินน้อยนึกว่าการเอาคนเก็บไว้ข้างในไม่ส่งออกไปเป็นการทำเพื่อนางหรือเจ้าคะ ไม่แน่ว่าสาวใช้บางคนก็เฝ้าหวังว่าให้แขกที่มาหมายตานาง เมื่อไปอยู่กับเขาแล้ว และได้เป็นที่รักใคร่ขึ้นมา ต่อให้จะมีฐานะต้อยต่ำเพียงใด อาศัยแค่ความรักใคร่ก็สามารถกินดีอยู่ดีไปชั่วชีวิตนะเจ้าคะ!”

“ก็มิใช่หรือไร?” นางเฮ่อว่า “โดยเฉพาะในพวกสาวใช้ทำงานหนักก็มีที่หน้าตาดีๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนล้วนยินยอมจะทำงานหนักตักน้ำกวาดบ้านอยู่ทุกวี่วัน จนถึงวัยอันควรก็แต่งกับคนรับใช้ในบ้าน… หากเป็นสาวใช้ที่มีความคิดดังนี้ และฮูหยินน้อยยังเก็บพวกนางไว้ในเรือน แล้วสิ่งที่นางคิดหวังไว้จะเป็นไปได้อย่างไร? มิสู้ปล่อยพวกนางออกไป ให้พวกนางไปลองเสี่ยงดวงเอาเอง พวกนางก็จะไม่คิดว่าฮูหยินน้อยไม่รักใคร่พวกนาง หากแต่คิดว่าฮูหยินน้อยเอาใจใส่พวกนางเสียอีก!”

“…” ท่านอาทั้งสองล้วนคิดเห็นเช่นนี้แล้ว เว่ยฉางอิ๋งก็ไม่อาจไม่ใคร่ครวญให้ดี นางคิดแล้วคิดอีก แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงหนักๆ ว่า “เช่นนั้นพวกท่านก็ลองไปสอบถามท่านอาว่านดูด้วย หากว่ามีผู้ใดอยากจะอยู่ ก็อย่าได้พลั้งเผลอส่งออกไปเชียว ยังมีอีก คนที่จะส่งออกไปจะต้องสอบถามเป็นการส่วนตัวเสียก่อน หากไม่อยากจะไปจริงๆ ก็อย่าได้ฝืนใจ”

เว่ยฉางอิ๋งก็เกรงว่านางว่านจะคิดเห็นเป็นอย่างอื่น จึงเรียกนางว่านมาสอบถามต่อหน้าให้ชัดเจน แต่แล้วนางว่านกลับมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนางหวงและนางเฮ่อ “หลังจากคุณชายและฮูหยินน้อยแต่งงานใหม่ นี่เป็นหนแรกที่มีแขกมาที่บ้าน ตามความเห็นของข้าน้อย ก็ควรจะส่งสาวใช้ที่หน้าตางดงามสักหน่อยออกไป เช่นนี้จึงจะมีหน้ามีตา ท่านเหนียนผู้นั้น ก่อนนี้ข้าน้อยก็เคยได้ยินมาก่อน และเคยขอสาวใช้สองคนที่เคยรับใช้คุณชายไปจริงๆ ทว่าท่านเหนียนก็มิใช่ผู้ที่ไม่รู้จักขอบเขต ปีก่อนเพิ่งจะได้ไปสองคน จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะมาขอไปอีกในยามนี้แน่นอนเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินความตามคำนางว่าเห็นสมควรให้ส่งพวกของจูสือสองสามคนออกไปเสียเลย ทั้งยังคิดว่าเมื่อส่งออกไปก็มิเป็นไรอีกด้วย

แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอนาคตของหลานสาว ไม่ว่าอย่างไร นางเฮ่อก็ยังไม่วางใจจึงกล่าวว่า “พี่ว่านไม่ทราบ พวกของจูสือนั้นปรนนิบัติฮูหยินน้อยมาแต่เล็ก ล้วนถูกฮูหยินน้อยเลี้ยงดูจนเสียคนแล้ว เกรงว่าจะทำงานนี้ไม่ไหว อย่าได้ทำให้คุณชายเสียงานเลย กลับเป็นว่าถัดลงมายังมีสาวใช้สองสามคนที่อายุมากสักหน่อย แม้ก่อนนี้จะทำงานหนักมาโดยตลอด แต่พวกนางก็สงบเสงี่ยมดี และรูปโฉมไม่เลวเจ้าค่ะ”

แล้วมีหรือนางว่านจะยังฟังความหมายของนางไม่ออก? นางจึงไม่โต้เถียง เพียงแต่ยิ้มจางๆ “สาวใช้ต้วน้อยล้วนเป็นน้องดูแล น้องว่าดี ก็คิดว่าคงไม่เลว”

ว่าแล้วก็หารือกันไปมาอยู่พักใหญ่ จึงกำหนดสาวใช้หกคนให้ไปดูแลที่เรือนชั้นหน้า นอกจากถวนเยวี่ยและซินเยวี่ยแล้ว ก็คือบ่าวที่เดิมที่ทำหน้าที่รดน้ำกวาดลานบ้านและผู้ช่วยในครัวอีกสามสี่คน เว่ยฉางอิ๋งมาดูด้วยตนเอง หน้าตานับว่าพอใช้ได้ หนึ่งในนั้นมีสาวใช้ที่ทำงานในครัวนางหนึ่งที่อายุเพิ่งถึงเกณฑ์ปักปิ่นชื่อว่าลู่จู นางมีคิ้วดังวงพระจันทร์ ดวงตาเป็นประกายสุกใส เมื่อเทียบกับพวกจูสือที่ยังไม่โตเต็มที่แล้วนางยังดูเหนือกว่าถึงเท่าหนึ่ง ท่านอาทั้งสามคนเห็นแล้วล้วนพอใจยิ่ง นางหวงและนางเฮ่อคิดว่าให้สาวใช้เหล่านี้ออกไปต้อนรับแขก อย่างไรก็ตามเว่ยฉางอิ๋งก็จะไม่ถูกคนหาว่าเป็นภรรยาขี้อิจฉา ที่หึงหวงสามีจนไม่อนุญาตให้มีสาวใช้หน้าตางดงามอยู่ในเรือนหลัง

ส่วนสิ่งที่นางว่านพึงพอใจกลับเป็นเพราะรู้สึกว่าเมื่อมีลู่จูออกไป เสิ่นจั้งเฟิงก็จะไม่ถูกแขกหัวเราะเยาะเอาได้ว่าถูกภรรยาควบคุมดูแลอย่างเบ็ดเสร็จ จนแม้แต่สาวใช้ที่ดูดีสักหน่อยยังไม่กล้าเอามาไว้ใกล้ตัวเขา

ก่อนนี้สาวใช้สองสามคนนี้ล้วนมิได้ทำงานรับใช้ใกล้ตัว แม้หนนี้จะเพียงไปรินน้ำยกน้ำชาซึ่งมิได้เป็นงานที่ซับซ้อนใดๆ แต่เว่ยฉางอิ๋งก็ยังให้นางเฮ่อหาเวลาอบรมพวกนางรอบหนึ่ง อย่าได้พอถึงเวลาแล้วเกิดประหม่าขึ้นมา

ด้วยเหตุที่ทุกคนล้วนอยู่ภายในเรือนเดียวกัน หากมีความเคลื่อนไหวใดมีหรือจะปิดบังได้? พวกของจูสือเห็นว่าจู่ๆ นางเฮ่อก็เรียกพวกของลู่จูไปอบรมด้วยตนเอง พวกนางย่อมรู้สึกประหลาดใจ จึงรีบเข้ามาสอบถาม เดิมทีนางเฮ่อก็รู้สึกว่ามีเวลาไม่มากอยู่แล้วจึงบอกปัดและไล่พวกนางไปอย่างอดรนทนไม่ไหว “เป็นงานที่ฮูหยินน้อยมอบหมายมาด้วยตนเอง เพราะคุณชายต้องการใช้คน ตอนนี้กำลังรีบสอนงานให้พวกนาง พวกเจ้ายังจะมาก่อความวุ่นวายอีก!”

เมื่อถูกนางไล่ออกมา จูหลานพลันกรอกตาแล้วลากจูสือไปหาฉินเกอและเยี่ยนเกอที่เพิ่งจะผลัดเวรกับเจวี๋ยเกอและหานเกอ พี่ๆ น้องๆ ทักทายกันอย่างสนิทสนมพักหนึ่งแล้วจึงค่อยๆ เข้าไปใกล้ๆ สอบถามสาเหตุเอากับพวกนาง

เรื่องนี้ก็มิใช่ความลับอันใด อีกทั้งเพราะเห็นแก่หน้าของนางเฮ่อ พอพวกนางเรียกฉินเกอและเยี่ยนเกอว่าพี่สาวแสนดีสักสองสามหนก็ยิ้มออกมาและบอกพวกนางแล้ว “ตอนบ่ายคุณชายจะพาแขกมาหารือกันที่บ้าน จึงสั่งให้ฮูหยินน้อยจัดคนไปดูแลที่เรือนชั้นหน้า มิใช่ว่าท่านอาเฮ่อต้องเรียกพวกของลู่จูมาอบรมอย่างเร่งด่วนหรอกหรือ?”

ว่าแล้วก็อดจะกระเซ้าจูสือไปคำหนึ่งไม่ได้ว่า “จะว่าไปท่านอาเฮ่อก็ล้วนทำเพื่อเจ้านะ เพราะกลัวว่าเจ้าหน้าตาน่าดู แล้วจักถูกแขกคนหนึ่งที่ชอบขอบ่าวงามๆ กับคุณชายมาขอเอาไป!”

พวกสาวใช้ต่างพากันหัวเราะเสียงดังออกมา แล้วกล่าวว่า “จูสือเจ้าต้องระวังตัวไว้สักหน่อย! ในเมื่อมีแขกคนหนึ่งของคุณชายเป็นคนเช่นนี้ ครานี้เจ้ารอดไปได้ ไม่แน่ว่ายังมีคราหน้า! พอถึงยามนั้นเจ้าก็อาจถูกแขกผู้นั้นขอไปเป็นท่านน้าในเรือนหลังเอานะ!”

จูสืออายจนหน้าแดง พลางยกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปในเรือน “พูดจาเรื่อยเปื่อย!ท่านอาจักต้องคิดว่าพวกเราปรนนิบัติดูแลได้ไม่ดีพอ ถึงอยากให้พวกของลู่จูไปต่างหากเล่า!”

แล้วยังหันหน้ากลับมาบ่นว่า “ท่านน้าอันใดกัน! ข้าเป็นคนเยี่ยงนั้นรึ! พวกเจ้าพูดเรื่อยเปื่อยชัดๆ!”

แม้พวกของจูหลานมิได้ถูกกระเซ้าไปด้วย แต่ก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันถึงแขกที่ชอบขอสาวใช้หน้าตางดงามจากนายของตนว่าเป็นคนเจ้าชู้เกินไปหน่อย เมื่อสนทนากันไปมาล้วนพากันบ่นไปสองสามคำว่าไม่ยินยอมจะถูกคนเช่นนี้ขอไป

ทว่าเมื่อวุ่นวายกันไปดังนี้ ในแขกสามคนที่เสิ่นจั้งเฟิงเชิญมาในวันนี้ กลายเป็นกู้อี้หรานและหลิวซีสวินล้วนถูกมองข้ามไปเสีย… เสิ่นจั้งเฟิงไปส่งแขกยังมิทันกลับมา พวกของจูสือก็ห้อมล้อมพวกของลู่จูที่เพิ่งจะทำงานเสร็จและกลับมาข้างหลังเรือนเพื่อสอบถามเรื่องเหนียนเซิงย้าว

เมื่อลู่จูได้ยินจูสือบอกว่า “แขกที่มาในวันนี้มีหนึ่งท่านที่ไม่ใคร่เข้าที พี่ลู่จู ยามพวกพี่ลู่จูไปดูแลรับใช้นั้นได้สังเกตเห็นคนผู้นั้นหรือไม่? แท้จริงแล้วเป็นคนเช่นใด คุณชายของพวกเราจึงได้ยอมทำตามเขา” นางจึงหน้าแดงขึ้นมาทันใด แล้วเข้าไปในห้องโดยไม่แม้จะหันหน้ากลับมา และปิดประตูเสียงดังปัง!

จูสืออดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ จากนั้นก็มีคนที่ไปดูแลแขกพร้อมกับลู่จูลากพวกนางไปข้างๆ และกระซิบบอกว่า “ก็มิใช่ผู้ที่คุณชายเรียกเขาว่าท่านเหนียนผู้นั้นหรอกรึ? ดูไปกลับเหมือนคนสุภาพเรียบร้อย ผิวพรรณขาวสะอาด หน้าตาได้รูป ดูมีมารยาท แต่รสนิยมเช่นนั้น… พี่ลู่จูยกน้ำชาไปให้เขา ชายังไม่ทันวางลงเลย เขาก็จับมือนางเสียแล้ว ภายหลังตอนเติมชา พี่ลู่จูไม่อยากไป จึงเปลี่ยนให้พี่อีกคนไปแทน เขาก็ไม่พอใจ บอกว่าต้องเปลี่ยนให้พี่ลู่จูไป พี่ลู่จูไม่กล้าไม่ไป ไม่คิดว่าหนนี้ไม่เพียงถูกเขาจับมือ เขายังมาถึงถุงผ้าปักไปอีก… วันนี้คนที่มาด้วยอีกสองคน ท่านหนึ่งคือคุณชายจากตระกูลกู้แห่งเมืองหลวง อีกท่านหนึ่งคือคุณชายตระกูลหลิวแห่งตงหู ล้วนพากันนั่งไม่สงบเพราะการกระทำของเขา! แต่ท่านเหนียนผู้นี้ก็ไม่ได้สนใจท่าทีของคุณชายกู้และคุณชายหลิวเลย ยังเอาถุงผ้าปักนั้นไปดมต่อหน้าทุกคน แล้วส่ายหัวพูดออกมาประโยคหนึ่งว่าคนงามหอมนัก… ตอนนั้นคุณชายเองก็ยังเกือบจะถือถ้วยชาไว้ไม่อยู่เสียด้วยซ้ำ!”

พวกของจูสือฟังด้วยอาการปากอ้าตาค้าง บอกว่า “แล้วคุณชายบอกว่าจะให้พี่ลู่จู…?”

“คุณชายยิ้มเจื่อนๆ และให้พี่ลู่จูออกไป บอกว่าอย่าได้มารบกวนยามพวกเขาสนทนากัน นั่นล่ะพี่ลู่จูถึงได้รอดมาได้!” สาวใช้ตัวน้อยผู้นี้ชื่อว่าซวงเอ๋อร์ เดิมทีรับหน้าที่กวาดถูระเบียบทางเดิน นับว่าสนิทกับพวกของจูสือ นางกระซิบบอกว่า “ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่าท่านเหนียนผู้นั้นก็มิใช่ลูกหลานตระกูลใหญ่อันใด ก็เป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาของคุณชายเท่านั้น… ก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความกล้ามาแต่ที่ใด ถึงได้กล้าทำเช่นนี้ต่อหน้าคุณชาย… แล้วคราวนี้พี่ลู่จูจะทำอย่างไรดี?”

ไม่เพียงแค่พวกสาวใช้ตัวน้อยเท่านั้นที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันถึงสิ่งที่ลู่จูต้องพบพานในภายภาคหน้า เว่ยฉางอิ๋งที่ได้ยินเรื่องที่ลู่จูถูกลวนลามก็กำลังปวดหัวเช่นกัน “พวกท่านอาล้วนบอกว่าให้เลือกสาวใช้ที่หน้าตางดงามสักหน่อยออกไปดูแลรับใช้ ยามนี้ลู่จูก็ถูก… แล้วตอนนี้จะทำเช่นไร? คนคนนี้จะให้หรือว่าไม่ให้?”

นางว่านทำตัวไม่ถูกอย่างยิ่ง ก่อนนี้แม้นางจะมิได้รับประกันใดๆ อย่างโจ่งแจ้ง แต่ไม่ว่าทั้งที่พูดและไม่ได้พูดออกมาก็บอกไว้ชัดเจนว่า ครึ่งปีหลังของเมื่อปีก่อนเหนียนเซิงย้าวเพิ่งจะได้รับบ่าวหน้าตางดงามจากเสิ่นจั้งเฟิงไปสองนาง จึงจะไม่มาขอคนอีกรวดเร็วปานนี้ ทั้งตอนนั้นยังเคยแนะนำให้ส่งจูสือซึ่งเป็นหลานสาวของนางเฮ่อออกไปดูแลรับใช้ด้วย ปรากฏว่าเคราะห์ดีที่นางเฮ่อไม่วางใจจึงขืนเก็บจูสือเอาไว้ หาไม่แล้วหากวันนี้เป็นจูสือที่ถูกลวนลาม นางก็คงจะไม่มีหน้าไปอธิบายกับนางเฮ่อแล้ว

ดังนั้น เวลานี้นางจึงกล่าวออกไปอย่างกระวนกระวายว่า “ข้าน้อยเองก็เคยเห็นท่านเหนียนไม่กี่ครั้ง เพียงแต่เคยได้ยินมาบ้าง เกือบจะทำให้…”

นางหวงรีบพูดขัดจังหวะขึ้นมา “พี่ว่านว่าเช่นนี้ได้ที่ใดกัน? นิสัยใจคอของพี่ว่านนั้นหลายวันมานี้พวกเราล้วนเห็นอยู่ในสายตา อย่างไรเสียท่านเหนียนผู้นั้นก็เป็นคนข้างนอก หญิงดูแลบ้านเช่นพวกเราแต่ไรมาก็เอาแต่เฝ้าอยู่ในเรือนหลัง หากไปรู้เรื่องราวภายนอกชัดเจนก็แปลกแล้ว”

นางเฮ่อถูกนางตักเตือน ก็รีบออกปากไปว่าไม่เป็นไร

เว่ยฉางอิ๋งรอจนพวกนางเอ่ยคำตามมารยาทจบแล้ว จึงเอ่ยว่า “เหนียนเซิงย้าวเป็นคนที่เรือนหน้า พวกเราทำสิ่งใดเขาไม่ได้ แต่เวลานี้ ลู่จูที่ถูกเขาลวนลามเป็นสาวใช้ในเรือนหลัง แล้วยามนี้จะจัดการอย่างไรเล่า?”

ท่านอาทั้งสามสบตากัน แล้วว่า “ไม่สู้คุณชายกลับมา แล้วค่อยลองถามคุณชายดูเจ้าค่ะ?”

__________________________________

ยอดสตรีฉางอิ๋ง

ยอดสตรีฉางอิ๋ง

Status: Ongoing
“ตอนนั้นท่านปู่จัดการหมั้นข้ากับสามีฝ่ายบู๊เพราะชะตาต้องกันเพียงคราเดียว!
ข้าไม่ร้องไห้โฮออกมาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย?
ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ วันเวลาแสนหวานชื่นในอนาคตที่ข้าคิดว่าจะมีได้
ก็คือตีจนกว่าเขาจะต้องเชื่อฟังข้าไปทั้งชีวิต และไม่ทำให้ข้าต้องโมโห!
มีความสุขทั้งสองฝ่าย…ข้าจะไปชอบสามีเยี่ยมยุทธ์อย่างนั้นได้อย่างไร!
ข้ายังไม่ชอบเขา แล้วการที่เขาจะชอบข้าหรือไม่ ยังจะสำคัญหรือ?
ที่สำคัญก็คือ เขาต้องเชื่อฟังข้า!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท