ยอดสตรีฉางอิ๋ง – ตอนที่ 207 ถอดถอนจี้อ๋อง

ตอนที่ 207 ถอดถอนจี้อ๋อง

ณ เรือนจินถง จวนราชครู

เว่ยฉางอิ๋งฟังแม่บ้านมารายงานไปพลาง ก็กลับเสียสมาธินับวันเวลาไปพลาง  สองวันก่อนพวกน้องสามีคงจะคุ้มกันท่านหมอเทวดาจี้ไปถึงเฟิ่งโจวแล้วกระมัง? ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดอาการป่วยของท่านพ่อจะดีขึ้น? ครานี้ไม่รู้ว่าท่านปู่และท่านย่าจะดีใจกันเพียงใดนะ…อื่ม ยังมีฉางเฟิงด้วย 

จวบจนแม่บ้านจวนจะรายงานเสร็จแล้ว นางจึงกลับมาตั้งใจฟังได้สองประโยค จับตอนต้นมาชนตอนปลายแล้วคาดเราเรื่องทั้งหมด และสั่งความออกไป ให้แม่บ้านผู้นั้นออกไป แล้วคนต่อมาก็เข้ามอบสมุดบัญชีให้นาง

นางง่วนอยู่เช่นนี้ถึงเที่ยง …ยามนี้เว่ยฉางอิ๋งคุ้นเคยกับชีวิตที่ต้องยุ่งวุ่นวายเช่นนี้แล้ว

นางทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว และเข้าไปงีบพักตามปกติ เพียงแต่วันนี้ค่อนข้างนอนไม่หลับ จึงเรียกให้จูหลานเข้ามานวดไหล่ให้ ขณะจูหลานกำลังนวดไหล่ให้ เว่ยฉางอิ๋งก็ค่อยๆ ดื่มน้ำชา และย้อนนึกว่าเรื่องที่จัดการไปก่อนเที่ยงนั้นมีเรื่องใดขาดตกบกพร่องหรือไม่ เมื่อย้อนคิดรอบหนึ่งและไม่พบว่ามีเรื่องใดไม่ถูกต้อง จึงแอบโล่งใจ แล้วกลับรู้สึกเสียดายว่าตอนเช้าไม่มีงานใดยุ่งยาก จึงไม่อาจอ้างเรื่องนี้ไปรายงานแม่สามีที่เรือนหลักได้ …จะได้ถือโอกาสไปดูเสิ่นซูกวงสักหน่อยด้วย

จำได้ว่าคราวก่อนได้เห็นว่าบุตรชายนับวันจะชอบหัวเราะมากขึ้นแล้ว เพียงได้ฟังเสียงหัวเราะของเขาก็ทำให้สบายใจขึ้นมาได้ เด็กเล็กๆ ในยามนี้เปลี่ยนไปทุกๆ วัน ยิ่งโตตาก็ยิ่งสุกใส ตัวสีชมพูระเรื่อน่ารักจนพูดไม่ถูก …คิดถึงบุตรชายอยู่ดังนี้ ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวชาในถ้วยก็พร่องไปจนเห็นก้นถ้วย เว่ยฉางอิ๋งวางถ้วยชาลง กำลังจะบอกให้จูหลานหยุดมือ ข้างนอกกลับมีเสียงนางว่านดังขึ้น กำลังถามสาวใช้ตัวน้อยที่เฝ้าอยู่บนระเบียงทางเดินว่า  ฮูหยินน้อยตื่นแล้วหรือยัง? 

นางว่านเป็นคนซื่อๆ โดยทั่วไปแล้วคนซื่อล้วนไม่ค่อยปกปิดอารมณ์ความรู้สึก เว่ยฉางอิ๋งจึงฟังออกในทันใดว่าน้ำเสียงของนางมีความลนลานที่ปกปิดไว้ไม่ได้ จึงอดจะสงสัยอยู่ในใจไม่ได รีบร้องบอกไปว่า  เป็นท่านอาว่านมาหรือ? เข้ามาเถิด ข้ายังไม่นอนหรอก! 

 ฮูหยินน้อยยังไม่นอน? เช่นนั้นก็ดีจริงๆ  นางว่านได้ยินคำก็เร่งเดินเข้าประตูมา เอียงหัวลอดผ่านม่านมุกและเข้ามาในห้อง ไม่รอให้เว่ยฉางอิ๋งไถ่ถามนางก็รีบรายงานว่า  ฮูหยินน้อยเจ้าคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ! 

เว่ยฉางอิ๋งได้ยินเสียงนางก่อนหน้านี้ก็รู้แล้วว่าต้องเกิดเรื่อง ใจพลันเต้นขึ้นมา แอบภาวนาว่าอย่าเป็นเฟิ่งโจวหรือซีเหลียงมีข่าวร้ายใดเลย แต่ใบหน้ากลับนิ่งสงบและสะกดอารมณ์ถามไปว่า  มีเรื่องใหญ่ใด? 

ดีที่แม้เรื่องที่นางว่านบอกจะเป็นข่าวร้าย แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว่ยฉางอิ๋งมากนัก  ท่านจี้อ๋องถูกฮ่องเต้ตำหนิว่าอกตัญญูไร้คุณธรรม และถอดถอนจากตำแหน่งอ๋องมาเป็นสามัญชนแล้วเจ้าค่ะ! 

 เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?!  เว่ยฉางอิ๋งโล่งใจไปก่อน จากนั้นจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย  ก่อนหน้านี้ พระมารดาจี้อ๋องสิ้นพระชนม์ จี้อ๋องก็ทรงเสียพระทัยกับพระมารดาจี้อ๋องยิ่งนัก ชื่อเสียงเรื่องความกตัญญูก็มิใช่ว่าเป็นที่รู้กันไปทั่วทุกหัวระแหงหรอกหรือ? เหตุใดจึงถูกฮ่องเต้ตำหนิว่าอกตัญญูไร้คุณธรรมเล่า? 

สืบเนื่องด้วยพระมารดาจี้อ๋องสิ้นพระชนม์ จี้อ๋องจึงอยู่ในเมืองหลวงต่อไป ซึ่งเงื่อนงำที่อยู่ภายในเรื่องนี้เว่ยฉางอิ๋งเองก็รู้ดี ท่านผู้นี้ก็มิใช่คนโง่ แม้แต่ชีวิตมารดาก็ยังสละเพื่อเขาแล้ว ต่อให้เป็นความกตัญญูธรรมดาทั่วไป ยามนี้เขาก็ควรต้องแสดงออกอย่างสุดกำลัง …ยามนี้เพิ่งต้นเดือนเก้าเท่านั้น เว่ยฉางอิ๋งก็เพิ่งจะออกทุกข์ของอาสะใภ้ ส่วนกำหนดออกทุกข์ของจี้อ๋องนั้นยังคงอีกนาน และไม่ใช่เป็นเพราะว่าจวนถึงกำหนดออกทุกข์จะได้รู้สึกสบายอกสบายใจ แล้วจะเลินเล่อเช่นนี้ได้อย่างไร?

นางว่านเอ่ยด้วยสีหน้าลนลานว่า  ข้าน้อยได้ยินมาเล็กน้อย คล้ายว่ากำไลแสงตะวันไอจันทร์ที่จี้อ๋องถวายแก่ฮ่องเต้ เมื่อครั้งจี้อ๋องมาเมืองหลวงปีก่อนเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเจ้าค่ะ! 

 เรื่องผิดพลาดนี้ก็เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะเสียจริง  บุตรเขยของตระกูลเสิ่นเกิดเรื่อง คนเป็นสะใภ้ย่อมต้องวางกิจต่างๆ ในมือไปปลอบโยนแม่สามีที่เรือนหลัก ทว่าท่าทีของฮูหยินซูกลับสงบนิ่งนัก นางอุ้มเสิ่นซูกวงเอาไว้กับตัก ปล่อยให้เขาดึงพู่ที่สาบเสื้อของตนมาเล่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วเล่ารายละเอียดแก่เหล่าสะใภ้อย่างราบเรียบ  กำไลแสงตะวันไอจันทร์เป็นของบรรณาการจากเมืองเซียนหลัว ทำจากหินแสงอาทิตย์ที่ผลิตในเซียนหลัว กำไลนี้เมื่อมองดูแล้วประหนึ่งเป็นหยกหลากสี ใต้แสงจันทร์ก็จะมีไอหมอกจางๆ กระจายตัวออกมาได้ แม้จะอยู่ในเมืองเซียนหลัวเองก็ยังเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง และเป็นของที่ราชสำนักทะนุถนอมยิ่งเช่นกัน …จี้อ๋องส่งคนไปควานหามาหลายปียังรวบรวมมาได้ทั้งหมดเพียงสี่คู่เท่านั้น ปีก่อนจึงถวายแด่ฮ่องเต้ไปสองคู่ 

นางหลิวจึงเอ่ยอย่างเป็นห่วงว่า  เช่นนั้น กำไลแสงตะวันไอจันทร์สองคู่นั้นเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ? 

 ฮ่องเต้พบว่ากำไลแสงตะวันไอจันทร์สองคู่ที่จี้อ๋องถวายให้ด้อยกว่าอีกสองคู่ที่จี้อ๋องเก็บเอาไว้เองมากมายนัก  ฮูหยินซูแย้มยิ้มกล่าวว่า  นั่นก็ยังพอทำเนา ประเด็นหลักอยู่ที่สาเหตุที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ด้วยทรงต้องการจะกำนัลกำไลแสงตะวันไอจันทร์สองคู่นี้ให้แก่สนมซูเฟยแซ่เมี่ยว และสนมเสี่ยวอี๋แซ่จง ปรากฏว่ากำไลแสงตะวันไอจันทร์ที่สนมจงได้รับมากลับมีรอยร้าวในที่มองไม่ใคร่ถนัดตานัก! รอยร้าวนี้หากไปอยู่ที่ตำแหน่งอื่นก็ยังแล้วไป แต่กลับมาอยู่บนส่วนหัวและส่วนลำคอของรูปสลักมังกร … สนมจงไม่กล้าชักช้า รีบรายงานฮ่องเต้อย่างลนลาน ฮ่องเต้จึงสั่งให้คนไปเอากำไลแสงตะวันไอจันทร์อีกสองคู่ที่จวนจี้อ๋องมาเทียบกันดู …แล้วเรื่องก็เป็นดังนี้แล้ว 

พวกสะใภ้หันมองหน้ากัน ล้วนไม่รู้ว่าจะพูดเช่นใดดี กำไลแสงตะวันไอจันทร์ที่จี้อ๋องเก็บไว้เองดีกว่ากำไลแสงตะวันไอจันทร์ที่ถวายแด่ฮ่องเต้ ประเด็นนี้แม้อาจเป็นความจริงแต่ก็ถวายไปให้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว เหตุใดจึงเพิ่งหยิบยกขึ้นมาพูด? หรืออาจพูดได้ว่า เป็นเพราะเว่ยเจิ้งหงจะหายดีแล้ว ตระกูลเสิ่นจึงไม่เสียดายที่จะส่งทายาทในสายหลักทั้งสามคนไปฝากตัวเป็นศิษย์ที่เฟิ่งโจว เพื่อรับประกันว่าจี้ชวี่ปิ้งจะไปถึงได้อย่างปลอดภัย …ทำให้มาพบเรื่องของกำไลแสงตะวันไอจันทร์ในเวลาที่ไม่ช้าไม่เร็วเช่นนี้?

ยิ่งไปกว่านั้นของที่นำมาถวายย่อมต้องผ่านมือคนมากมายตรวจสอบหนแล้วหนเล่าว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดจึงค่อยส่งขึ้นไป คนเฝ้าพระคลังหลวงยิ่งต้องตรวจสอบไปมาว่าไม่มีข้อผิดพลาดแล้วจึงจะจดบันทึกและเก็บเขาในพระคลัง …ต่อให้จี้อ๋องโง่เง่าอีกสักเท่าใด ก็จะไม่เอากำไลแสงตะวันไอจันทร์ที่รูปมังกรสลักมีร้อยร้าวที่หัวและที่คอถวายแก่ฮ่องเต้ …ยังมิสู้นำอีกคู่ที่ไร้ที่ติถวายไปเสียดีกว่า!

แม้แต่สนมจงก็ยังมองเห็นแล้วคนดูแลท้องพระคลังย่อมไม่มีทางมองไม่เห็น…

นี่เห็นชัดว่าฮ่องเต้ทรงรู้สึกว่าเดิมทีตระกูลเสิ่นก็มีอิทธิพลยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ยามนี้ตระกูลฝั่งดองก็กำลังจะรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีก เกรงว่าเมื่อตระกูลเสิ่นและเว่ยร่วมมือกันก็จะมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ จึงได้ลงมือตัดกำลังไปก่อน อย่างไรเสียวัตถุประสงค์ที่จี้อ๋องอยู่ในเมืองหลวงต่อนั้น มีหรือฮ่องเต้จะไม่ทรงทราบอยู่ในอก? ที่เคยตกปากรับคำไปก่อนหน้านี้ก็เพราะคำนึงถึงว่า …พระชายาองค์รัชทายาทก็มิใช่แซ่หลิวหรอกหรือ? ที่บอกว่าจี้อ๋องกตัญญูหนักหนานั้นล้วนเป็นคำพูดในฉากหน้าเท่านั้น หากว่ากันตามจริงแล้วก็ยังคงเป็นกลเม็ดถ่วงสมดุลระหว่างฮ่องเต้และท่านอ๋อง

ทว่าเดิมทีอิทธิพลของตระกูลเสิ่นก็ไม่ได้อ่อนด้อย ตระกูลเว่ยซึ่งเป็นบ้านฝั่งดองของเขาก็กำลังจะรุ่งโรจน์ขึ้นมา ฮ่องเต้กลับต้องมากังวลอีกว่าเพียงไม่ทันระวังชั่วครู่ชั่วยามตระกูลเสิ่นก็จะสนับสนุนจี้อ๋องให้ขึ้นครองตำแหน่งได้แล้ว

ดังนั้น จึงไม่แม้จะรอว่าที่แท้แล้วเว่ยเจิ้งหงจะหายขาดได้จริงหรือไม่ ก็ถอดถอนจี้อ๋องเป็นสามัญชนในทันใด ทั้งนับเป็นการตักเตือนตระกูลเสิ่นและเว่ย และป้องกันเรื่องไม่คาดคิดไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ยามนี้หากฮูหยินซูร้องไห้คร่ำครวญเพราะบุตรสาว คนเป็นสะใภ้ย่อมเข้าไปปลอบโยนนางได้ แต่ฮูหยินซูกลับสงบเยือกเย็นราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น หรือเรื่องนี้เกิดขึ้นในบ้านผู้อื่นเช่นนั้น สะใภ้ทั้งสามคนจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด นิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ ก็ยังเป็นนางหลิวสะใภ้ใหญ่เอ่ยขึ้นว่า  ท่านแม่เจ้าคะ เวลานี้น้องหญิงรอง… ยังดีอยู่หรือไม่เจ้าคะ? 

ฮูหยินซูค่อยๆ ดึงพู่ที่เสิ่นซูกวงจับและจะเอาเข้าปากออกอย่างระมัดระวัง แล้วเอาลูกทับทิมที่อยู่ในจานผลไม้ข้างๆ ตัวนางให้เขาจับเล่น จากนั้นจึงบอกว่า  เมื่อจี้อ๋องถูกถอดถอน ย่อมอยู่ที่จวนอ๋องอีกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปแตะต้องสินติดตัวของซิ่วเอ๋อร์ เวลานี้ก็มีเพียงเรื่องเรือนพักที่ไม่มีคนอยู่มานานปี จึงไม่อาจจัดเก็บได้พร้อมสรรพทันท่วงทีเท่านั้น ดีชั่วฮ่องเต้ก็ยังทรงเมตตา เพราะจู่ๆ พลันบันดาลโทสะขึ้นมาจึงเพียงถอดพระยศท่านอ๋องเท่านั้น …เมื่อเทียบกับความผิดในครานี้ก็นับว่าโชคดีแล้ว

น้ำเสียงของนางราบเรียบนัก เหล่าสะใภ้พากันเดาไม่ถูกว่านางกำลังเคืองโกรธแทนบุตรสาวจึงจงใจพูดประชด หรือรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตจริงๆ กันแน่?

สะใภ้รองตวนมู่เยี่ยนอวี่จึงลองเอ่ยถามไปว่า  บางทีทางพี่หญิงรองอาจขาดเหลือสิ่งใด เช่นนั้นพวกเราลองไปดูว่ามีเรื่องใดที่พอจะช่วยเหลือได้บ้างดีหรือไม่เจ้าคะ? 

ไม่คิดว่าฮูหยินซูกลับบอกว่า  ทางนั้นนางเพิ่งจะย้ายเข้าไปที่เรือนพัก คาดว่าคงกำลังยุ่งนัก หากพวกเจ้าไป กลับกันนอกจากต้องให้นางมาดูแลพวกเจาแล้ว เวลานี้ก็ยังสวมชุดไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกเสียยิ่งนัก 

 …เช่นนั้นพวกเราก็ส่งของเล็กๆ น้อยไป?  ตวนมู่เยี่ยนอวี่ถามซ้ำอีก

 ของในตลาดในเมืองหลวงแห่งนี้จะขาดเหลือสิ่งใด? หากขาดเหลือสิ่งใดพวกเขาจะไม่ส่งคนไปซื้อหามารึ?  ฮูหยินซูเอ่ยไปเรียบๆ  เอาล่ะ เรื่องนี้พวกเจ้ารู้ไว้เป็นพอแล้ว ที่เรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อจะบอกสักคำ …เวลานี้พวกเจ้าก็ไปทำงานของตนเถิด 

เมื่อออกไปจากเรือนหลัก สะใภ้ทั้งสามคนหารือกันอีกสองสามคำ เมื่อถึงทางแยกก็แยกกันกลับเรือนของแต่ละคน ทว่าเว่ยฉางอิ๋งเดินไปอีกสองสามก้าว กลับมีสาวใช้ตัวน้อยจากในเรือนของฮูหยินซูวิ่งตามมาและเชิญนางกลับไปที่เรือนหลัก

เว่ยฉางอิ๋งไม่กล้าชักช้ารีบตามสาวใช้ตัวน้อยย้อนกลับไป …แล้วพบว่าฮูหยินซูยังคงอยู่ในโถง แต่เสิ่นซูกวงถูกอุ้มออกไปแล้ว แม้แต่เด็กเล็กๆ ที่ยังไม่รู้ประสาก็ยังไม่ให้อยู่ พวกบ่าวยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง แม้แต่แม่นมเถาก็ยังไม่อยู่ เห็นชัดว่าเวลานี้มีเรื่องใหญ่จะพูดกับนาง

 สุขภาพของบิดาเจ้ากำลังจะดีขึ้นแล้ว เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ สำหรับฉางซานกงแล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้พบเจอง่ายๆ ในตลอดหลายปีมานี้ แม้บิดาเจ้าจะร่างกายอ่อนแอ ทว่าก็มีพรสวรรค์มาแต่ไร แต่น่าเสียดายที่ร่างกายเขาไม่แข็งแรง ก่อนนี้จึงไม่อาจลุกขึ้นมาทำการใดได้ ยามนี้มีมือเทวดาของจี้ชวี่ปิ้งที่สามารถชุบชีวิตคนได้ รุ่ยอวี่ถังต้องเจริญรุ่งโรจน์เป็นแน่  เมื่อฮูหยินซูเห็นสะใภ้สามกลับมาแล้วจึงไม่ร่ำไรให้มากความ และเอ่ยตรงๆ ไปดังนั้น  เพียงแต่ฮ่องเต้ทรงเกรงกลัวพวกเราตระกูลสูงศักดิ์มาแต่ไร ด้วยบ้านฝั่งมารดาของข้าคือตระกูลซูแห่งชิงโจว พี่น้องผู้ชายของเฟิงเอ๋อร์ก็มีมากและพอมีชื่อเสียงในเมืองหลวงอยู่บ้าง ก่อนนี้ฮ่องเต้จึงทรงจงใจให้จี้อ๋องไปปกครองแคว้นศักดินาที่อยู่ห่างไกล พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองของเจ้าแม้ล้วนเป็นบุตรีตระกูลสูงศักดิ์ทั้งสิ้น ทว่าประการแรกฐานะในตระกูลของพวกนางไม่ได้ถูกรักถูกเอาใจเช่นเจ้าในตระกูลเว่ย ประการที่สองความหวังที่มีต่อลี่เอ๋อร์และสือเอ๋อร์ก็ไม่มากมายเท่าที่มีต่อเฟิงเอ๋อร์ เรื่องเหล่านี้เจ้าเองก็คงเข้าใจดี 

เว่ยฉางอิ๋งพยักหน้า  ครานี้พี่เขยรองถูกถอดพระยศท่านอ๋อง จะว่าไปก็เป็นเพราะพลอยได้รับเคราะห์ไปด้วย สะใภ้… 

 เขาถูกถอดถอนตำแหน่งก็ดี  ฮูหยินซูกลับไม่ได้คิดตำหนิสะใภ้แทนบุตรสาว พลางเอ่ยอย่างผ่อนคลาย  ก่อนหน้านี้ท่านพ่อของพวกเจ้าก็เคยส่งคนไปเตือนเขาว่าให้กลับไปไว้ทุกข์ที่แคว้นศักดินาจี้ แต่เขาไม่ยอมฟัง …ยามนี้กลายเป็นสามัญชน หากใช้ชีวิตด้วยการอาศัยสินติดตัวของซิ่วเอ๋อร์ก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง 

เว่ยฉางอิ๋งจึงเพิ่งเข้าใจว่าพ่อแม่สามีไม่ได้สนับสนุนให้บุตรเขยช่วงชิงราชบัลลังก์เพื่อบุตรสาวของตน และไม่ได้เห็นดีเห็นงามที่พระมารดาจี้อ๋องต้องเสียสละตัวเอง รวมทั้งความทะเยอทะยานของจี้อ๋องด้วย นางไตร่ตรองอยู่สักพักจึงบอกว่า  ฮ่องเต้ถอดถอนพระยศของพี่เขยรอง ความจริงแล้วเป็นเพราะเรื่องของตระกูลเสิ่นและตระกูลเว่ยสองตระกูล เมื่อครู่นี้ท่านแม่ไม่ให้พวกเราไปเยี่ยมพี่หญิงรอง สะใภ้เดาว่าคงเพราะเป็นกังวลว่าฮ่องเต้จะยิ่งทรงไม่พอพระทัย …เพียงแต่ในเมื่อฮ่องเต้ทรงมีความคิดเช่นนี้ เกรงว่าแม้พวกเราจะไม่ไปมาหาสู่พี่หญิงใหญ่เป็นการชั่วคราว ฮ่องเต้ก็ยังไม่อาจวางพระทัยอยู่ดีเจ้าค่ะ 

ฮูหยินซูกล่าวว่า  เป็นดังเหตุผลนี้ ฉะนั้นข้าจึงเรียกเจ้ามาหาเป็นการส่วนตัว  แล้วกวักมือเรียกนางเดินเข้ามาใกล้ๆ สั่งความเสียงต่ำๆ ไปว่า  ยามนี้ร่างกายของบิดาเจ้ายังไม่ทันดีขึ้น หรือต่อให้หายดีแล้ว คิดว่าด้วยเหตุที่เขานอนซมอยู่หลายปี ก็ต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่งจึงจะสามารถออกมารับราชการได้ แต่เวลานี้ฮ่องเต้ก็แสดงท่าทีที่แฝงนัยยะออกมาให้เห็นแล้ว แม้พวกเราตระกูลสูงศักดิ์จะถูกฮ่องเต้ข่มเอาไว้เช่นเดียวกัน ทว่าก็มิใช่ทุกตระกูลที่หวังให้รุ่ยอวี่ถังเจริญรุ่งโรจน์! 

เมื่อเว่ยฉางอิ๋งเห็นว่าแม่สามีพูดจบความแล้ว ดวงตานางก็จ้องเขม็งมาที่ตน นางจึงเม้มปากแล้ว่า  สะใภ้ทราบแล้วเจ้าค่ะ เชิญท่านแม่สั่งความเจ้าค่ะ? 

 ก่อนหน้านี้เฟิงเอ๋อร์วางแผนจัดการข่านมู่ซิวเอ่อร์ของพวกตี๋ ปรากฏว่าทำการทำเสร็จครึ่งหนึ่งล้มเหลวครึ่งหนึ่ง ด้วยเหตุผลบางประการ จนยามนี้จึงเพิ่งมารายงานเรื่องชัยชนะ  ฮูหยินซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย  ซึ่งแน่นอนว่ารายงานชัยชนะอย่างเป็นทางการยังคงอยู่ระหว่างเดินทางมา แต่จดหมายที่เขียนมาถึงที่บ้านก็มาถึงแต่วานนี้แล้ว 

เว่ยฉางอิ๋งรอฟังประโยคต่อไปอย่างจดจ่อจนหยุดหายใจ ไม่คิดว่าฮูหยินซูพลันบอกว่า  เฟิงเอ๋อร์ ก็ได้รับบาดเจ็บ 

_____________________________

 

ยอดสตรีฉางอิ๋ง

ยอดสตรีฉางอิ๋ง

Status: Ongoing
“ตอนนั้นท่านปู่จัดการหมั้นข้ากับสามีฝ่ายบู๊เพราะชะตาต้องกันเพียงคราเดียว!
ข้าไม่ร้องไห้โฮออกมาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะให้มีความสุขทั้งสองฝ่าย?
ตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ วันเวลาแสนหวานชื่นในอนาคตที่ข้าคิดว่าจะมีได้
ก็คือตีจนกว่าเขาจะต้องเชื่อฟังข้าไปทั้งชีวิต และไม่ทำให้ข้าต้องโมโห!
มีความสุขทั้งสองฝ่าย…ข้าจะไปชอบสามีเยี่ยมยุทธ์อย่างนั้นได้อย่างไร!
ข้ายังไม่ชอบเขา แล้วการที่เขาจะชอบข้าหรือไม่ ยังจะสำคัญหรือ?
ที่สำคัญก็คือ เขาต้องเชื่อฟังข้า!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท