Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 607

ตอนที่ 607

บทที่ 607 : ข้าจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า!
  “นายน้อย..ข้าเชื่อในตัวท่าน! ข้าเชื่อว่าจากนี้ไปท่านจะทำให้ตระกูลหลิงได้หลุดพ้นจากความขมขื่น และกลับมาพบกับความสุขได้อีกครั้ง!”
  เหล่ากุ่ยกำหมัดแน่นพร้อมกับร้องบอกหลิงหยุนอย่างตื่นเต้น!
  “ความจริงแล้วท่านปู่ของนายน้อยก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะเกรงว่าจะทำให้นายน้อยไม่ปลอดภัยไปด้วย แต่โชคดีที่ข้าได้ติดตามท่านมาระยะหนึ่งแล้ว ข้าจึงมั่นใจอย่างที่สุดว่าท่านจะสามารถนำพาตระกูลหลิงให้กลับมารุ่งเรือง และยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพึมพำเสียงเบา“รอมาได้ตั้งสิบแปดปี รออีกหน่อยจะเป็นไรไป!”
  แววตาทั้งคู่ของหลิงหยุนเป็นประกายพร้อมบอกกับเหล่ากุ่ยด้วยเสียงที่ดังฟังชัด“เหล่ากุ่ย.. ท่านจัดการส่งข่าวบอกท่านปู่ว่าข้าจะไปพบท่านปู่ที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง..”
  เหล่ากุ่ยถึงกับตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลิงหยุนได้ทราบเรื่องราวที่น่าเศร้าของตระกูลหลิงแล้ว เขาจะถึงกับอดรนทนไม่ได้เช่นนี้!
  และเหล่ากุ่ยก็นึกถึงคำพูดที่หลิงลี่ได้กำชับไว้จึงรีบบอกกับหลิงหยุนว่า “นายน้อย.. เรื่องนี้คงทำไม่ได้! เพราะนายผู้เฒ่าได้สั่งข้าไว้ว่า หากท่านได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง และยอมรับแล้ว ให้รอจนกว่าท่านจะสอบเอนทรานซ์เสร็จจึงค่อยให้ท่านเดินทางไปเมืองหลวง ตอนนี้ตระกูลหลิงยังไม่เป็นอะไร.. ท่านสบายใจได้..”
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่าเวลาเช่นนี้ยังจะคิดเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกงั้นหรือ หลิงหยุนนึกอยากจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ..
  เพราะเขาเองก็ได้รับปากฉินจิวยื่อและหนิงหลิงยู่ไว้เช่นกันอีกทั้งตอนนี้ฉินจิวยื่อก็ไม่อยู่ เขาจึงไม่อยากทำให้แม่ของเขาต้องผิดหวัง
  เหล่ากุ่ยได้แต่พูดแนะนำว่า“นายน้อย.. เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ รอให้ข้ารายงานนายผู้เฒ่าก่อน แล้วนายผู้เฒ่าจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง”
  “เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไปแล้ว.. หลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จ ท่านก็จะไม่มีภาระผูกพันใดๆ ถึงตอนนั้นจะได้จัดการเรื่องราวภายในตระกูลได้อย่างอิสระ..”
  หลิงหยุนพยักหน้าเห็นด้วยหลังจากนั้นครู่ใหญ่จึงร้องถามออกไปว่า..
  “อ้อ..เหล่ากุ่ย! หลังจากนี้ท่านจะกลับไปที่เมืองหลวง หรือว่าจะอยู่ที่จิงฉูนี้”
  เหล่ากุ่ยตอบกลับทันที“ข้าจะอยู่ที่จิงฉูรอจนกว่าท่านจะสอบเอนทรานซ์เสร็จ แล้วค่อยกลับไปเมืองหลวงพร้อมกับท่าน!”
  ………..
  หลิงหยุนพูดกำชับเหล่ากุ่ยอีกครั้งให้รายงานข่าวดีนี้ให้หลิงลี่ทราบจากนั้นจึงโทรเรียกถังเมิ่งให้มารับกลับไปยังบ้านเลขที่-1 ทันที
  ฉินตงเฉี่วยและหนิงหลิงยู่รวมทั้งไป๋เซียนเอ๋อ เหมี่ยวเสี่ยวเหมา ต่างก็นั่งรอกันอยู่ที่บ้าน
  “กลับมาแล้วรึ”
  สายตาของฉินตงเฉี่วยที่มองหลิงหยุนนั้นแตกต่างจากทุกครั้งและรีบร้องถามด้วยความกังวลใจ
  หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้าจากนั้นจึงหันไปบอกหนิงหลิงยู่กับคนอื่นๆ “พี่จะไปเดินเล่นที่ทะเลสาบกับน้าหญิงหน่อย..”
  หลิงหยุนและฉินตงเฉี่วยเดินออกจากบ้านไปและเพียงไม่นานก็มาถึงทะเลสาบจิงฉู ทั้งคู่ต่างก็เดินไปตามชายฝั่งจ้องมองน้ำสีฟ้าในทะเลสาบ และเริ่มสนทนากัน
  “เจ้าเด็กดื้อ..เหล่ากุ่ยเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟังแล้วใช่หรือไม่”
  ฉินตงเฉี่วยเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของหลิงหยุนและท่าทางที่นิ่งเงียบมาตลอดทางของเขา จึงได้แต่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามออกมาก่อน
  หลิงหยุนเลียริมฝีปากก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับฉินตงเฉี่วย“น้าหญิง.. ข้าเป็นทายาทของตระกูลหลิงจริงๆ ท่านพ่อของข้าก็คือคุณชายสาม – หลิงเสี่ยว และท่านแม่ของข้าก็คือธิดาพรรคมารคนก่อน…”
  ฉินตงเฉี่วยได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าครั้งนี้เหตุใดเหล่ากุ่ยจึงได้พูดตรงเช่นนี้..
  “แล้ว..เจ้าคิดอ่านกับเรื่องนี้อย่างไร”
  ฉินตงเฉี่วยไม่พูดอะไรมากหลังจากที่สงบจิตใจอยู่นานนางเพียงแค่ถามไถ่ความคิดเห็นของหลิงหยุนเท่านั้น
  “ข้ายังไม่คิดอ่านอะไรทั้งนั้นในตอนนี้!แต่หลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จ ข้าจึงจะไปพบกับบรรพบุรุษตระกูลหลิงที่เมืองหลวง..”
  หลิงหยุนตอบเพียงแค่นั้นแต่จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และน้ำเสียงที่พูดก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
  “ข้าต้องจัดการแก้แค้นให้กับท่านพ่อท่านแม่ของข้ารวมทั้งคนอื่นๆในตระกูลหลิงที่ตายไป ข้าจะไม่ปล่อยศัตรูของข้าให้ลอยนวลอย่างแน่นอน!”
  ฉินตงเฉี่วยถึงกับเย็นยะเยือกและชาไปทั้งร่างหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุน!
  หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่..ฉินตงเฉี่วยก็พูดขึ้นมาว่า “หลิงหยุน.. เจ้าจะทำเช่นนั้นจริงๆรึ เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากทำเช่นนั้น เจ้าจะต้องเป็นศัตรูกับยอดฝีมือทั้งโลก! เรื่องนี้..”
  แต่หลิงหยุนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างไม่แยแส“พวกมันไล่ล่าพ่อแม่ของข้าไปหลายพันไมล์ ทำลายตระกูลหลิงของข้า ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ารักกัน ทั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรของพวกมัน แต่พวกมันกลับบังคับให้ท่านพ่อของข้าทำลายวรยุทธตัวเองต่อหน้าคนอื่น เท่านั้นยังไม่พอ พวกมันยังบังคับให้ท่านพ่อประกาศต่อหน้าท่านแม่ว่าจะไม่พบหน้านางอีกตลอดไป และบังคับให้ท่านพ่อประกาศแต่งงานกับหญิงอื่นต่อหน้าทุกคน สร้างความอับอายให้กับท่านแม่ของข้า การกระทำที่ชั่วช้าเช่นนี้ ข้าไม่มีวันยอมแน่!”
  “ความคับแค้นครั้งนี้..หากข้าไม่ถล่มจอมยุทธลวงโลกพวกนี้ให้ราบเป็นหน้ากอง ก็คงยากที่จะสลายความคับแค้นนี้ในใจของข้าได้!”
  ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหยุนนั้นปรากฏแววตาสังหารที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนัยน์ตาสีขาวและสีดำของเนตรหยินหยางปรากฏขึ้นมาเพียงวูบเดียวแล้วก็หายวับไปทันที หลิงหยุนพยายามสกัดกั้นความโกรธแค้นไว้ภายใน..
  “หากเจ้าตัดสินใจเช่นนี้จริง..ข้าก็พร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า..”
  ฉินตงเฉี่วยพูดกับหลิงหยุนเพียงแค่ประโยคสั้นๆและเป็นครั้งแรกที่นางเอื้อมมือที่อ่อนนุ่มไปเกาะกุมมือของหลิงหยุนไว้อย่างอ่อนโยน ท่าทางของนางเวลานี้ไม่ต่างจากหญิงคนรักที่เดินเคียงข้างหลิงหยุนไปอย่างช้าๆ
  หลิงหยุนไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน!ฉินตงเฉี่วยรู้สึกเศร้าใจมาก แต่นางก็ไม่พูดอะไรออกไป และได้แต่ใช้ท่าทางแสดงความรู้สึกห่วงใยออกไปแทน
  หลิงหยุนอยากจะยกมือขึ้นลูบไล้ผมยาวสลวยราวกับไหมนั้นแต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่านางคือฉินตงเฉี่วย ไม่ใช่หนิงหลิงยู่หรือว่าไป๋เซียนเอ๋อ จึงได้ชะงักและหยุดทันที..
  “น้าหญิง..ภารกิจของข้ามีแต่การเข่นฆ่าสังหาร ท่านปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้เพียงลำพังเถิดเพราะมันเป็นเรื่องของข้า.. ไม่เกียวกับท่าน!”
  ฉินตงเฉี่วยได้ฟังถึงกับขุ่นเคืองใจ“นี่เจ้าแค่รู้จักชาติกำเนิดของตนเองได้ไม่ถึงวัน ก็มองข้าเป็นคนนอกไปแล้วรึ หากเจ้ายังกล้าพูดเช่นนี้อีก ข้าจะเตะก้นเจ้าเดี๋ยวนี้!”
  หลิงหยุนรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมากเขาเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินต่อไปอีกครู่หนึ่ง
  “น้าหญิง..ข้ายังจำได้ว่าท่านบอกให้ข้ารีบกลับบ้าน เพราะมีบางสิ่งบางอย่างจะให้ข้าดู.. ท่านคงหมายถึงกล่องไม้ของท่านแม่ใช่หรือไม่”
  ฉินตงเฉี่วยถามอย่างตกใจ“ใช่.. นี่เจ้ารู้ได้ยังไง!”
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าเดาเอาน่ะ! แต่ไม่จำเป็นต้องดูข้าก็รู้ว่าข้างในกล่องไม้นั่นมีอะไร..”
  ฉินตงเฉี่วยรีบถามไปว่า“นี่เจ้าเคยเห็นแล้วรึ แต่พี่ใหญ่บอกว่านางไม่เคยเปิดให้เจ้าดูมาก่อนนี่..”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับอธิบายว่า“เหล่ากุ่ยเองก็ให้กล่องไม้แบบเดียวกันนั้นกับข้าเช่นกัน และตอนนี้มันก็อยู่ในแหวนพื้นที่ของข้า..”
  ฉินตงเฉี่วยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“บอกข้ามาเร็วเข้าว่าข้างในมีอะไร”
  หลิงหยุนตอบเสียงเบา“มันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลหลิง.. มันคือ.. ซากไม้แห้ง..”
  หลังจากที่พูดจากับฉินตงเฉี่วยอยู่ร่วมยี่สิบนาทีหลิงหยุนก็ค่อยคลายความคับแค้นใจลงไปมาก และทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้าน
  “ถังเมิ่ง..นายไปตลาดค้าของเก่ากับฉัน!” หลิงหยุนลากถังเมิ่งออกจากบ้านทันที
  และตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงตรงพอดี..
  ระหว่างทางที่กลับจากบ้านเหล่ากุ่ยนั้นถังเมิ่งสังเกตเห็นว่าหลิงหยุนอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ เขาจึงเลือกที่จะหุบปากมาตลอดทาง
  ถังเมิ่งขับรถพาหลิงหยุนไปที่ตลาดค้าของเก่าตามคำสั่งและในวันอาทิตย์เช่นนี้ ตลาดค้าของเก่าจึงมีผู้คนเดินเบียดเสียดกันเต็มตลาดไปหมด ร้านค้าต่างๆก็พากันขายดิบขายดี
  หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่มีจนล้นตลาดค้าของเก่านั้นกำลังพวยพุ่งไปยังบ้านเลขที่-1จึงรู้สึกสุขใจอย่างมาก
  “ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อครั้งที่แล้วพวกเราได้เข้าไปเดินด้านในตลาดบ้างหรือยัง”
  ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ“พี่หยุน.. แต่ฉันจำได้แม่นเลย! ฉันพยายามชวนพี่เข้าไปดูเขาพนันหินกัน แต่พี่ก็ไม่ยอมไป จะกลับบ้านท่าเดียว..”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า“ตอนนั้นยังไม่ใช่เวลา ในเมื่อไม่มั่นใจว่าจะชนะ แล้วจะเล่นไปทำไม แต่วันนี้ฉันจะให้นายได้เห็นกับตาว่าพนันหินจริงๆเป็นยังไง? รับรองว่าไม่มีพลาดแม้แต่ครั้งเดียว!”
  “ไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียวงั้นเหรอ!พี่หยุน.. พี่อย่าขี้โม้ไปหน่อยเลย ตั้งแต่ฉันดูการพนันหินมา ฉันก็ไม่เคยเห็นใครไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว แต่แค่พนันได้ถูกถึงสิบในร้อยก็ร่ำรวยมหาศาลแล้ว!”
  ถังเมิ่งไม่ได้นึกดูถูกแต่เพียงแค่ต้องการเตือนสติหลิงหยุน..
  แต่ตอนนี้หลิงหยุนซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-8นั้น จิตหยั่งรู้ของเขาสามารถรับรู้ได้กว้างไกลถึงสามสิบห้าเมตรโดยรอบ ประกอบกับเนตรหยิน-หยางของเขาที่สามารถมองทะลุสิ่งกีดขวางได้ มีหรือที่จะไม่สามารถพนันได้ถูกต้องทุกครั้งไป
  “พี่หยุน..พวกเราไปหาซ่งเจิ้งหยางกันก่อน เขาน่าจะกำลังรอพวกเราอยู่” ถังเมิ่งร้องบอก
  หลิงหยุนพยักหน้าและทั้งคู่ก็เดินเข้าไปภายในตลาดค้าของเก่า แต่จู่ๆ หลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่กระจายออกมา
  ระหว่างที่เดินเข้าไปในตลาดค้าของเก่านั้นถังเมิ่งก็ได้โทรหาซ่งเจิ้งหยาง แต่ขณะที่เดินผ่านร้านขายของเก่าร้านหนึ่ง หลิงหยุนก็รีบใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเข้าไปภายในร้าน และเมื่อพบว่าของดีที่เขาสัมผัสได้นั้นไม่ได้ถูกนำมาวางไว้ที่หน้าร้าน จึงรีบร้องบอกเจ้าของร้านว่า
  “เถ้าแก่อยู่มั๊ย..ถ้าอยู่ก็รีบบนำของดีๆที่ร้านออกมาดูเร็วเข้า!”
  “สวัสดีครับ..ผมเป็นเจ้าของร้านนี้เอง! ไม่ทราบว่าสนใจชิ้นใหนเหรอครับบ” ชายร่างอ้วนวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปียิ้มทักทายหลิงหยุนทันที
  แต่เมื่อฉิวหย่งโช่วซึ่งเป็นเจ้าของร้านเห็นหลิงหยุนที่ดูเหมือนจะอายุเพียงแค่สิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ก็ได้แต่รู้สึกผิดหวังอย่างมาก
  นั่นเพราะหลิงหยุนไม่เพียงไม่รู้ธรรมเนียมแต่ยังมามือเปล่า และนอกเหนือจากใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คุณชายจากตระกูลร่ำรวยเลย!
  “นี่เถ้าแก่..ของหน้าร้านท่านมีแต่ของธรรมดาๆ ผมไม่ต้องการซื้อของพวกนี้! คุณไปเอาของแท้ออกมาจะดีกว่า ผมนัดเพื่อนไว้ไม่มีเวลามาก..”
  “นี่..เธอพูดจาแบบนี้ได้ยังไง อยากจะได้ของดี พกเงินมาซื้อหรือเปล่า?”

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท