ตอนที่ 2,903 : ราชาอมตะออกโรง!
ในขณะที่หันไปมองสีหน้าแววตาของต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่านก็พยายามสำรวจท่าทีของต้วนหลิงเทียนเต็มที่ ว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นอย่างไร หลังได้ยินเรื่องที่หลี่ผิงทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว!
ตอนนี้มันกังวลเหลือเกิน…
ถ้าหากต้วนหลิงเทียนเผยสีหน้าหวั่นเกรง ส่งสัญญาณว่าอาจสู้หลี่ผิงที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะไม่ได้ขึ้นมา คราวนี้ต่อให้มันไม่ตาย…ก็ไม่พ้นต้องโดนถลกหนัง!!
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังทำลายอนาคตตัวเองในนิกายอมตะสราญรมย์ไปเรียบร้อย อย่าว่าแต่ตถาคต กระทั่งสถานะศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ก็ไม่มีแล้ว!
“ราชาอมตะ?”
ได้ยินคำเตือนของจี้ฟ่าน สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนยังไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงจับจ้องมองไปยังส่วนลึกของถิ่นที่อยู่นิกายยอมตะสราญรมย์ด้านล่าง ทิศทางที่เสียงของหลี่ผิงดังขึ้นอย่างสงบ มุมปากยกยิ้มขึ้นมาอย่างยากจะมองเห็น
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบอยู่ได้แม้จะในเวลาแบบนี้ เป็นการบ่งชี้ว่ายังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม จี้ฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เพราะตัดสินจากท่าทีดังกล่าว…
ปรมาจารย์โอสถต้วนผู้นี้ ดูเหมือนจะไม่หวั่นเกรงอะไรหลี่ผิงที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะเลย!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ไฉนมีผู้คนตกตายมากขนาดนี้?”
ตอนนี้เองเสียงชราพลันดังขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเสียงได้พบศพเหล่าศิษย์นิกายอมตะที่ถูกต้วนหลิงเทียนสังหารด้วยเคลื่อนเสียงแล้ว
“โผล่หัวมาได้ซะที…”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงเล็กน้อย
ในสายตาที่จับจ้องมองไปไกลๆ พบเห็นเป็นร่างชราหนึ่งกำลังเหินทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง มันเป็นความเร็วที่หลิวเสวียนคงประมุขนิกายอมตะสราญรมย์ทาบไม่ติดแม้แต่น้อย!
‘บรรพบุรุษของนิกายอมตะสราญรมย์หลี่ผิงคนนี้…เดิมทีเป็นแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกลายเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปแล้ว…’
เห็นชายชราเหาะด้วยความเร็วดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเขารู้แล้วว่าชายชราดังกล่าวเป็นบรรพบุรุษของนิกายอมตะสราญรมย์ หลี่ผิง
หลี่ผิงนั้น ยังเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะสราญรมย์…
เป็นธรรมดาว่าในอดีตนั้น หลี่ผิงสามารถอ้างตัวว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะสราญรมย์ได้แต่ในนามเท่านั้น เพราะไม่มีใครกล้าพูด ว่านิกายอมตะสราญรมย์จะไร้ยอดฝีมือขอบเขตกึ่งราชาอมตะเร้นกายลอบให้ความคุ้มครองอย่างลับๆ
แต่วันนี้ ตั้งแต่วินาทีที่หลี่ผิงทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้สำเร็จ มันก็สามารถพูดได้เต็มปากว่ามันคือยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะสราญรมย์อย่างแท้จริง!
เพราะถึงแม้นิกายอมตะสราญรมย์จะมียอดฝีมือขอบเขตกึ่งราชาอมตะเร้นกายอยู่ใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้จริง แต่พลังฝีมือของพวกมันก็ไม่อาจเทียบกับหลี่ผิงในตอนนี้ได้เลย
บางทีในอดีตพวกมันก็อาจจะเคยเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ในเมื่อพวกมันรั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนนานเกินไป ด้วยพลังอาคมจากค่ายกลกั้นพรมแดน ด่านพลังของพวกมันก็จำต้องถดถอยกลับไปอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ
ถึงแม้พลังฝีมือของพวกมันจะยังเหนือกว่าขุนนางอมตะ 10 ทิศทั่วไป แต่ก็ไม่อาจเทียบกับราชาอมตะที่แท้จริงได้
ดังนั้นกล่าวได้ว่า บัดนี้พลังของหลี่ผิง ได้เหนือกว่ากึ่งราชาอมตะของนิกายอมตะสราญรมย์ที่อาจเร้นกายอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
ฟุ่บ!
หลังจากนั้นไม่ทันที่ใครนอกจากต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกตัว ร่างชราหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหลิวเสวียนคงประมุขนิกายอมตะสราญรมย์ปานภูตผี!
“ขอแสดงความยินดีด้วยอาจารย์ลุง ท่านสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว!”
พอเห็นร่างชราที่อยู่ๆก็วูบมาปรากฏเบื้องหน้า หลิวเสวียนคงก็ผงะไปเล็กน้อย และพอเห็นชัดว่าเป็นใครมันก็เร่งประสานมือกล่าวคำแสดงความยินดีออกมาด้วยรอยยิ้มสดใสทันที
“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านบรรพบุรุษ!”
“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านบรรพบุรุษ!”
…
และพอเสียงแสดงความยินดีของหลิวเสวียนคงดังจบคำ เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายอมตสราญรมย์ก็พากันฟื้นคืนสติ เร่งประสานมือกล่าวคำแสดงความยินดีกับหลี่ผิง ที่คล้ายอยู่ๆก็ผุดโผล่ขึ้นมาจากอากาศธาตุออกไปตามๆกัน
อย่างไรก็ตาม หลี่ผิงไม่ได้สนใจคำแสดงความยินดีของหลิวเสวียนคงและคนอื่นๆเลย
มันก้มลงมองซากศพนับร้อยพันที่เลอะเลือนเกลื่อนพื้น พลางขมวดคิ้วหน้านิ่ว “ศพพวกนี้…ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายอมตะสราญรมย์เรามิใช่หรือ?”
“อีกทั้ง…พวกมันยังถูกคลื่นเสียงสังหาร!”
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่บัดนี้หลี่ผิงเป็นราชาอมตะไปแล้วเลย ต่อให้เป็นก่อนหน้า แค่อาศัยสำนึกเทวะไปตรวจสอบซากร่างของศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่ตกตาย มันก็ระบุสาเหตุการตายได้ไม่ยาก
“ผู้ใดบอกข้าได้บ้าง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
จากนั้นเสียงของหลี่ผิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงถามไถ่ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันดังกล่าว ยังทำให้ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์หน้าเสียไปตามๆกัน
และหลังกล่าวถามจบคำ หลี่ผิงก็หันไปมองจี้ฟ่าน รวมทั้งสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่เบื้องหน้าจี้ฟ่านด้วย
ในขณะที่หลี่ผิงคิดจะถามอะไรจี้ฟ่านนั้นเอง
“ท่านบรรพบุรุษ…”
เป็นผู้อาวุโสระดับสูงที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังหลิวเสวียนคง กล่าวทักออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก จากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางจี้ฟ่าน กล่าวฟ้องออกมาด้วยน้ำเสียงมากโทสะ “เป็นตัวบัดซบจี้ฟ่านนั่น มันพาคนนอกเข้ามาในนิกายเรา! แถมยังประกาศถอนตัวออกจากนิกายอมตะสราญรมย์เรา!!”
“และศิษย์ทั้งหมดที่ตายตก ก็ถูกคนเบื้องหน้าจี้ฟ่านใช้คลื่นเสียงเข่นฆ่า!”
กล่าวถึงท้ายประโยค สายตาทั้งนิ้วของอาวุโสคนดังกล่าวก็เบนไปตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนเบื้องหน้าจี้ฟ่าน
“อะไร?!”
ได้ยินคำของอาวุโสคนดังกล่าว สีหน้าหลี่ผิงก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ทั่วร่างยังเริ่มแผ่กลิ่นอายพลังอันน่ากลัวออกมา
ยังเป็นกลิ่นอายพลังขอบเขตราชาอมตะที่ยังไม่ค่อยเสถียรดีเท่าไหร่ หากแต่พลังอานุภาพกก็ทรงพลังเข้มแข็งนัก ทำให้ระดับสูงนิกายอมตะสราญรมย์ไม่เว้นหลิวเสวียนอดใจสั่นไปไม่ได้
“นี่น่ะหรือพลังของราชาอมตะ!”
“พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของราชาอมตะ…ช่างทรงพลังเหลือเกิน!!”
…
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันร้ายกาจสุดต้านทาน ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็หันมามองหน้ากันเอง ต่างเห็นความหวาดกลัวในสายตาของอีกฝ่าย
ถึงแม้ว่าพวกมันที่อยู่ ณ ที่นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นขุนนางอมตะทั้งสิ้น หากทว่าเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังผันผวนดังกล่าว พวกมันก็รู้สึกเสมือนชีวิตของพวกมันไม่ได้อยู่ในกำมือของตัวเองอีกต่อไป!
ผิดกับเหล่าระดับสูงของนิกายยอมตะสราญรมย์ที่หวั่นหวาดเสมือนความเป็นตายอยู่ในกำมือผู้อื่น จี้ฟ่านที่อยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย
อย่างไรก็ตามพอถูกหลี่ผิงมองจ้องมาด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าจี้ฟ่านก็ซีดลงเล็กน้อย ค่อยมาดีขึ้นหลังจากที่หลี่ผิงละสายตาออกจากมันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนแทน
ตอนนี้เองสำนึกเทวะของขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างหลี่ผิง ปกคลุมไปทั่วเรือนกายต้วนหลิงเทียน
“หืม? อายุไม่ถึงร้อยปีงั้นรึ?”
ทันใดนั้นมันก็ค้นพบได้ทันที ว่ากลิ่นอายเลือดเนื้อของต้วนหลิงเทียนเป็นกลิ่นอายเลือดเนื้อของคนที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!
ครู่ต่อมามันก็คิดจะตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนดู หากแต่มันกลับไม่อาจตรวจสอบได้เลย
“เจ้าบอกว่า…มันเป็นคนใช้คลื่นเสียงฆ่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเรางั้นรึ?”
ครู่ต่อมา หลี่ผิงก็ละสายตาออกจากต้วนหลิงเทียน แล้วหันหน้าไปมองถามอาวุโสที่อยู่หลังหลิวเสวียนคงที่พูดฟ้องขึ้นมาก่อนหน้าเสียงเข้ม “คนอายุไม่ถึงร้อยปี…ใช้คลื่นเสียงเข่นฆ่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์เราต่อหน้าเจ้า?”
“แล้วพวกเจ้ามัวยืนโง่งมอันใดกันอยู่ ไฉนไม่ลงมือทำอะไร?”
ยิ่งมาเสียงกล่าวของหลี่ผิงยิ่งเย็นชาลง โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่ถูกหลี่ผิงมองถาม ตอนนี้เหงื่อเม็ดเขื่องผุดซึมออกมาท่วมเหม่ง หน้ายังเสียไปไม่น้อย มุมปากกระตุกเบาๆ
อนิจจาเพราะความหวาดกลัว มันก็เลยพูดไม่ออก…
“อาจารย์ลุง”
ตอนนี้เองเป็นประมุขนิกายอมตะหลิวเสวียนคงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “ท่านอย่ามองว่ามันอายุไม่ถึงร้อยปี…พลังฝีมือของมันยังสูงกว่าข้าเสียอีก”
“อย่างน้อยๆมันก็สมควรเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ…แม้กระทั่งกึ่งราชาอมตะ!”
กล่าวถึงท้ายประโยค หลิวเสวียนคงก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวั่นหวาด
“ขุนนางอมตะ 10 ทิศ? กึ่งราชาอมตะ?”
ได้ยินสิ่งที่หลิวเสวียนคงพูด หลี่ผิงก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน ในแววตามากล้นไปด้วยความสงสัยทั้งไม่เชื่อ “อาศัยมัน?”
“หึ! กับอีแค่เด็กน้อยขนอุยอายุไม่ถึงร้อยปีผู้นี้ ข้าหลี่ผิงคิดฆ่ามัน ก็ลำบากเพียงหนึ่งฝ่ามือ!!”
หลี่ผิงแสยะยิ้มดูแคลนแค่นคำออกมาเสียงเย็น จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างก็เริ่มสั่นไหว ค่อยปะทุขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด รวมรั้งไปยังฝ่ามือขวาเร็วไว!
ปงงง!!
พริบตาต่อมาฝ่ามือขวาที่รวมรั้งพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันทรงพลังเอาไว้ ก็สะบัดตบไปทางต้วนหลิงเทียนส่งๆ ปรากฏเป็นมวลพลังลักษณ์ฝ่ามือมหึมาประหนึ่งเนินเขาย่อมๆ แหวกฟ้าผ่าอากาศจี้เข้าหาต้วนหลิงเทียนเร็วรี่!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
แม้เป็นการลงมือส่งๆ แต่ในเมื่อเป็นการลงมือของตัวตนขอบเขตราชาอมตะ พลังอานุภาพย่อมไม่ใช่ชั่ว! ฝ่ามือพลังอันเขื่องผ่านพ้นไปที่ใด มวลอากาศล้วนแตกระเบิดส่งเสียงดัง สภาวะพลังดุดันน่าเกรงขามประหนึ่งทัพม้านับหมื่นพันยาตรา!!
ในขณะที่มวลพลังลักษณ์ฝ่ามือขวาของหลี่ผิงแหวกฟ้าผ่าอากาศ มาเจียนบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียนนั้นเอง
พริบตาดุจฟ้าแล่บ
ทันใดนั้น
“ราชันไม่เคลื่อนไหว”
ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันบังเกิดแสงพลังสีทองเรืองรองส่องสาดออกมาเจิดจ้า! แสงพลังดังกล่าวยังก่อลักษณ์เป็นพุทธองค์ร่างเขื่องห่อหุ้มคลุมคนไว้มิดชิด!!
พริบตาต่อมา
เปรี๊ยงงงงง!!
เวิง เวิง…
…
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าถล่มอุบัติขึ้น มวลพังลักษณ์ฝ่ามือของหลี่ผิงซัดปะทะเข้ากับเงาร่างพุทธิองค์สีทองร่างเขื่องที่ปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างจัง พลังอันน่าพรั่นพรึงพยายามทะลายฝ่าร่างพุทธองค์ร่างทองอย่างหักโหม!
อย่างไรก็ตาม มวลพลังลักษณ์ฝ่ามืออันเกรี้ยวกราด หักโหมสิ้นเปลืองพลังอานุภาพไปจนหมดสิ้น ก็ยังไม่อาจทะลวงฝ่าร่างพุทธองค์สีทองที่ห่อหุ้มคลุมกายได้เลย ร่างทองตระหง่านคล้ายเทพผู้พิทักษ์ไร้พ่าย ปกปักษ์ต้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างมั่นคง!
“ราชันไม่เคลื่อนไหว!?”
“เจ้า…เจ้าเป็นผู้ใด ไฉนมียอดวรยุทธ์อมตะประจำนิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเราได้!?”
ถึงแม้จะเป็นเพียงการลงมือส่งๆ แต่หลี่ผิงก็ยังตกใจไม่น้อยเมื่อพบว่าชายหนุ่มชุดม่วงอายุไม่ถึงร้อยขวบปี กลับสามารถต้านทานการโจมตีของมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย!!
หากแต่มันไม่ได้สนใจเรื่องนั้น เพราะสิ่งที่มันสนใจยิ่งกว่าก็คือ…
วรยุทธ์อมตะที่ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าใช้ออก กลับเป็นราชันไม่เคลื่อนไหว วรยุทธ์อมตะที่เป็นดั่งสัญลักษณ์บอกยี่ห้อนิกายอมตะสราญรมย์มัน!
ยิ่งไปกว่านั้น มองจากรูปลักษณ์พุทธองค์ร่างทองที่แจ่มชัดเสมือนมีชีวิตนั่น มันก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายบรรลุวรยุทธ์อมตะประจำนิกายมันเรียบร้อยแล้ว! แตกฉานถึงขั้นไร้ตำหนิ!!
“อาจารย์ลุง…”
ตอนนี้เองหลิวเสวียนคง ประมุขนิกายอมตะสราญรมย์พลันกล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “มันก็คือคนที่เอาชนะพวกเราในงานสมัชชาเต๋าโอสถที่ผ่านมา จนได้รับวรยุทธ์อมตะราชันไม่เคลื่อนไหวของพวกเราไป…”
“มันคือหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี ต้วนหลิงเทียน!”
“นอกจากนั้นข้ายังสงสัยว่า…ท่านอาจารย์…สิบในสิบไม่พ้นตกตายด้วยฝีมือมัน!”
ขณะกล่าวท้ายประโยค น้ำเสียงหลิวเสวียนคงยิ่งมายิ่งจริงจัง!
“อันใด!?”
“มัน…มันน่ะเหรอ หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีอายุไม่ถึงร้อย คนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงอันดับ 1 ของ 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้คนนั้น!?”
“ก่อนหน้าเจ้ามิได้บอกข้าว่า…ด่านพลังมันอยู่แค่ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับหรือไร?”
ถึงแม้ว่าหลี่ผิงจะไม่ได้ไปเข้าร่วมงานสมัชชาเต๋าโอสถที่ผ่านมา แต่หลังจากที่หลี่อันตายตก มันก็ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในงานสมัชชาเต๋าโอสถ
ในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น ก็มีเรื่องราวของหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีรวมอยู่ด้วย!
มันจึงรู้ว่าหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีคนนั้น มีนามว่า ‘ต้วนหลิงเทียน’ นอกจากนั้นยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี และไม่เพียงแต่เป็นปรมจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงเท่านั้น ยังสามารถหลอมโอสถหลัวเทียนได้อีกด้วย!!