WSSTH ตอนที่ 3,043 : ศิษย์ที่แท้จริง
“ส่วนศิษย์ที่แท้จริงขอบเขตยอดเซียนอมตะคนแรกในประวัติศาสตร์นิกายอมตะเป้าผู่เรานั้น ก็มีความสามารถคล้ายๆกับเจ้า อายุไม่ถึงร้อยปีแต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการแล้ว หากแต่ยังด้อยกว่าเจ้าตรงที่ด่านพลังยังไม่บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด อย่างไรเสียพลังฝีมือก็เหนือกว่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ไม่เข้าใจกฏ 2 ประการอยู่ดี”
ในขณะที่ซุนเหลียงเผิงเอ่ยถึงศิษย์ที่แท้จริงขอบเขตยอดเซียนอมมตะคนแรกออกมา ในแววตาของมันก็แฝงความเศร้าเสียใจเอาไว้ไม่น้อย
“แล้วต่อมาเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์คนนั้นเหรอ?”
ในสายตาของต้วนหลิงเทียนศิษย์ที่แท้จริงขอบเขตยอดเซียนอมตะของนิกายอมตะเป้าผู่คนนั้น สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 2 ประการทั้งที่อายุไม่ถึงร้อยปี แม้พรสวรรค์ในด้านบ่มเพาะจะไม่ร้ายกาจมากมาย แต่อนาคตจะอย่างไรก็ต้องไร้ขอบเขต
เพราะตัวตนดังกล่าว อย่าว่าแต่ในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยวเลย ต่อให้เป็นทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้ก็นับว่าโดดเด่นไม่ธรรมดา
เพราะอัจฉริยะเช่นนี้ ต่อให้มองทั่วแดนสวรรค์ใต้ แต่ก็ไม่น่าจะมีมากมายอะไร
ทว่าพอเห็นนัยน์ตาเศร้าๆของซุนเหลิงเผิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ว่าสมควรเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับศิษย์ที่แท้จริงคนนั้นก่อนจะได้เติบโตเต็มที่แน่นอน
เหตุผลที่เขาเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก ก็เพราะนิกายอมตะเป้าผู่ยังคงรั้งอยู่ในระดับ 7 และเป็นผู้ใต้บัญชาของคฤหาสน์เฉวียนโยว ไม่ได้รุ่งโรจน์อะไรไปมากกว่านี้
หากศิษย์ที่แท้จริงคนนั้นเติบโตขึ้น จนกลายเป็นตัวตนที่ร้ายกาจจริง ย่อมนำพานิกายอมตะเป้าผู่ให้เจริญรุ่งเรือง แม้จะไม่ถึงขั้นเป็นนิกายอมตะระดับแนวหน้าในแดนสวรรค์ใต้ แต่อย่างน้อยๆก็ต้องเทียบเท่าคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เป็นขุมกำลังระดับ 6
“ศิษย์คนนั้นอายุได้แค่ 100 กว่าปี และพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 1 หยวน…มิคาดกลับถูกลอบสังหาร! และผู้ที่ลงมือสังหารยังเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ! ยามนั้นแม้นิกายอมตะเป้าผู่จะสามารถฆ่ามือสังหารผู้นั้นได้ แต่ก็มิอาจรักษาชีวิตศิษย์ที่แท้จริงคนนั้นได้ทัน…”
“สุดท้ายนิกายอมตะเป้าผู่เรา จึงเสียโอกาสที่จะก้าวหน้าและยืนหยัดขึ้นมา…”
กล่าวถึงท้ายประโยค สีหน้าแววตาของซุนเหลียงเผิงก็ฉายความเศร้าโศกทั้งเจ็บแค้นจับใจ
“รู้ตัวคนจ้างวานมือสังหารรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
“ไม่”
ซุนเหลียงเผิงส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม แม้พวกเราจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ้างวานมือสังหาร แต่พวกเราก็พออนุมานความเป็นมาของมันได้จากสิ่งของในแหวนพื้นที่ และพบว่ามันไม่น่าจะใช่คนของเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว”
“นอกจากนั้นในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว ไร้องค์กรมือสังหารใดที่มีนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ…องค์กรสังหารที่มีอยู่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว ด้วยความที่ถูกคฤหาสน์เฉวียนโยวสะกดอำนาจไว้ พวกมันจึงมิอาจเพาะสร้างขุมพลังที่เหนือกว่านั้นได้”
“จึงกล่าวได้ว่า ปกติแล้วมิอาจมีองค์กรมือสังหารใดใต้ขุมกำลังระดับ 6 สามารถส่งนักฆ่าขอบเขตราชา 5 อค์ประกอบออกมาได้”
กล่าวถึงจุดนี้ สองตาซุนเหลียงเผิงก็ฉายประกายเย็นชา “ดังนั้นผู้อาวุโสทของนิกายอมตะเป้าผู่ จึงเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรมีผู้ประสงค์ร้ายบางคนเดินทางออกนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว และไปจ้างมือสังหารจากด้านนอกเพื่อจ้างฆ่าศิษย์ที่แท้จริงของนิกายอมมตะเป้าผู่เราโดยเฉพาะ”
“แม้ในเขตปกครองขุมกำลังระดับ 6 จะไร้องค์กกรมือสังหารใดที่มีนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ…แต่หากมองทั้งแดนสวรรค์ใต้แล้ว มีซุ้มมือสังหารมากมายที่มีขุมพลังน่ากลัวเช่นนั้น”
“และนิกายยอมตะเป้าผู่เราจะอย่างไรก็เป็นแค่ขุมกำลังระดับ 7 ย่อมไร้กำลังตามสืบสวน ให้พวกเราพยายามเพียงใดก็ยากจะระบุได้ว่าเป็นซุ้มมือสังหารใดในแดนสวรรค์ใต้ที่รับภารกิจฆ่าศิษย์ของเรามา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พบเจอแล้วจะไปเค้นเอาคำตอบได้อย่างไรด้วยซ้ำ…”
“แต่ที่พวกเรามั่นใจได้เต็มสิบส่วนก็คือ…ผู้จ้างวานสมควรอยู่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว!”
ประโยคสุดท้าย ซุนเหลียงเผิงกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจล้นปรี่
“อัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นในนิกายอมตะเป้าผู่เราตอนนั้น กล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่ยากจะพานพบในคฤหาสน์เฉวียนโยว…กระทั่งให้มองทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้ก็เป็นอัจฉระที่ยากจะพบพานในรอบร้อยปี!”
“ด้วยการปรากฏตัวของอัจฉริยะระดับนี้ หากเติบโตขึ้น ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างอำนาจในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวแน่นอน…ถึงตอนนั้นต้องมีหลายขุมกำลังเสียผลประโยชน์ กระทั่งอาจถูกกำจัด”
“ลืมมันไปเถอะ ข้ามิอยากพูดถึงมันอีกต่อไป สุดท้ายเรื่องราวมันก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว…นี่นับเป็นชะตากรรมอันโหดร้ายของนิกายยอมตะเป้าผู่เรา หาไม่แล้วอัจฉริยะผู้นั้นคงไม่ต้องมาด่วนตายขนาดนี้”
กล่าวถึงจุดนี้ซุนเหลียงเผิงก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่าอย่างสะทกสะท้อน
“นักฆ่าระดับราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ”
หลังได้ยินเรื่อราวจากปากซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “ประมุขนิกาย ตอนนี้ข้าเองก็เป็นศิษย์นิกายอมตะเป้าผู่แล้ว…หากเรื่องของข้าแพร่งพรายออกไป ข้าคงไม่โดนคนจ้างนักฆ่ามากุดหัวหรอกนะ?”
“เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวลเลย”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ซุนเหลียงเผิงอดไม่ได้ที่จะผงะ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเพราะขบขันกับคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน “เจ้ามาเข้าร่วมนิกายอมตะเป้าผู่เราโดยการผ่านแดนสวรรค์ใต้โบราณ ไม่ว่าจะมีศักยภาพและพรสวรรค์มากมายเพียงใด ก็ไม่ถือว่าเป็นอันตรายกับคนพวกนั้น”
“มีเพียงอัจฉริยะอันโดดเด่นที่นิกายอมตะเป้าผู่เราเพาะสร้างขึ้นมาตั้งแต่อายุน้อยเช่นศิษย์ที่แท้จริงคนนั้นเท่านั้น ถึงจะกลายเป็นดั่งหอกข้างแคร่และหนามตำตาพวกมัน…เพราะมีเพียงอัจฉริยะอันโดดเด่นที่นิกายอมตะเป้าผู่เราชุบเลี้ยงเพาะสร้าง ถึงจะสนับสนุนนิกายอมตะเป้าผู่เราอย่างไร้เงื่อนไขเมื่อเติบโตขึ้น ศิษย์เช่นนี้ย่อมไม่คิดจากไปไหนแต่จะอยู่ช่วยเชิดชูนิกายอมตะเป้าผู่ที่เป็นดั่งมาตุภูมิให้ก้าวหน้า…”
“อัจฉริยะเช่นเจ้าที่เติบโตมาด้วยตัวเองจนมีความสามารถระดับนี้ แม้จะมีความเกี่ยวข้องกับนิกายอมตะเป้าผู่ของเรา แต่ก็อยู่ในรูปแบบผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น สุดท้ายถึงวันหนึ่งเจ้าก็ต้องจากไป และแม้ว่าเจ้าอาจจะช่วยเหลือนิกายอมตะเป้าผู่เราเป็นการตอบแทนในภายหลัง แต่ก็ไม่อาจผูกพันลึกซึ้งถึงขั้นทุ่มเททำเพื่อนิกายทุกสิ่งดั่งอัจฉริยะที่นิกายอมตะเป้าผู่ชุบเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย”
ฟังจากวาจาร่ายยาวที่ซุนเหลียงเผิงกล่าวออกมา ก็บอกต้วนหลิงเทียนเป็นนัยว่า…
เขาไม่มีทางตกเป็นเป้าหมาย และถูกใครจ้างนักฆ่ามาลอบสกัดดาวรุ่งเหมือนศิษย์ที่แท้จริงในอดีตคนนั้นของนิกายอมตะเป้าผู่แน่นอน!
“เช่นนั้นก็ดี”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ ใจที่รู้สึกหนักๆเพราะเป็นกังวลค่อยผ่อนลงไปบ้าง
ถึงแม้ในมือเขาจะมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่ใช้ได้อีก 2 ครั้ง ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องกลัวนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบหากต้องเผชิญหน้ากับมันตรงๆ
อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่านักฆ่ามีใครลงมือตรงๆบ้าง? ถึงตอนนั้นหากเขาถูกนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบลอบสังหารโดยที่ไม่ทันได้ใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองเล่า เขาไม่ตายหยังเขียดหรือไร?
หากเป็นแบบนั้นจริง ก็มีแต่จบสิ้นกันแล้ว!
“เอาล่ะ หลังจากที่เจ้าเป็นศิษย์ที่แท้จริงของนิกายอมตะเป้าผู่เราแล้ว เจ้าสามารถเพลิดเพลินกับการสนับสนุนเต็มกำลังของนิกายเรา…ยกตัวอย่างก็เช่นไม่ว่าจะวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาใดๆ ขอเพียงเจ้าต้องการ เจ้าสามารถไปรับมันที่ชั้นบนสุดของนิกายอมตะเป้าผู่เราทุกเมื่อ เพียงแค่แสดงป้ายศิษย์ที่แท้จริงก็พอ”
“นอกจากนี้ ศิษย์ที่แท้จริงจักได้…”
หลังฟังซุนเหลียงเผิงกล่าวบอกสิทธิประโยชน์ต่างๆ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบว่าศิษย์ที่แท้จริงของนิกายอมตะเป้าผู่นั้นช่างมีอภิสิทธิ์เหลือเกิน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์กับเขาอย่างยิ่ง
และในหลายๆด้าน นับว่าศิษย์ที่แท้จริงนั้นเหนือกว่าศิษย์สายตรงของประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ อย่างที่เคยได้ยินจางกวงเจิ้งเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้มากจริงๆ
แต่เป็นธรรมดาว่าถึงศิษย์ที่แท้จริงจะได้รับทรัพยากรจากนิกายอมตะเป้าผู่มากกว่าศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหลาย แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่จำต้องอาศัยความสามารถของตัวเองต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา
‘เดิมทีรองประมุขจางแค่สัญญาว่าจะมอบตำแหน่งศิษย์สายตรงของประมุขนิกายให้…แต่ตอนนี้ข้ากลับได้กลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงที่ดีกว่า และทั้งหมดเป็นเพราะซุนเหลียงเผิงคนนี้…นับว่าข้าติดค้างมันในเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง’
ต้วนหลิงเทียนมองซุนเหลียงเผิงพลางกล่าวในใจ
“ต้วนหลิงเทียน เดี๋ยวเรื่องลงทะเบียนยิบย่อยอะไรข้าจะให้ศิษย์พาเจ้าไปทำเรื่องภายหลัง…ตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูที่พักที่เจ้าจักใช้มันบ่มเพาะและอยู่อาศัยจนกระทั่งเจ้าเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวในฐานะศิษย์ที่แท้จริงของพวกเรา”
หลังจากนั้นซุนเหลียงเผิงก็พาต้วนหลิงเทียนเหินร่างมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือขอนิกายอมตะเป้าผู่
“จริงสิ ท่านประมุข”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองซุนเหลียงเผิง พลางกล่าวออกมาตรงๆ “คนของข้าคนหนึ่งยังอยู่ในวังหลวงของประเทศฝูชิว…ไม่ทราบว่าท่านส่งคนไปรับคนของข้ามาได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา”
ซุนเหลียงเผิงรับปากทันทีอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ค่อยยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ข้าจัดการพาเจ้าไปยังที่พักก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะไปขอแรงน้องรองของข้าให้ไปรับคนของเจ้าที่วังหลวงประเทศฝูชิวด้วยตัวเอง”
“น้องรองของข้าเชี่ยวชาญกฏแห่งลม ลองไปด้วยตัวเอง ต่อให้เป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลที่สุดในดินแดนพันประเทศ แต่ก็สามารถไปกลับได้ในเวลาแค่ 3 วันเท่านั้น!”
ซุนเหลียงเผิงกล่าวอย่างภูมิใจ
“ต่อให้เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ไกลห่างที่สุดในดินแดนพันประเทศ แต่ใช้เวลาไปกลับแค่ 3 วันงั้นเหรอ!?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจกับวาจาประโยคนี้ของซุนเหลียงเผิงจริงๆ
ต่อให้เป็นราชาอมตะ 5 องค์ประกอบหรือราชาอมตะ 6 ผสาน ก็เกรงว่าจะไม่มีความเร็วอันน่ากลัวขนาดนี้ใช่ไหม?
และเท่าที่เขารู้มา ในบรรดาขุมกำลังระดับ 7 อย่างนิกายอมตะเป้าผู่นั้น อย่างดีผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่ราชาอมตะ 7 ดาราเท่านั้น และนิกายอมตะระดับ 7 ที่ทรงพลังจริงๆอาจจะมีไพ่ตายอย่างราชาอมตะ 8 ชะตาอยู่
“ท่านประมุข ท่านแค่ให้ใครไปรับก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้อาวุโสระดับสูงขนาดนั้นหรอก”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มแห้งๆออกมา
คนที่เขายอยากให้ซุนเหลียงเผิงส่งคนไปรับก็คือหลิวก่วงหลิน ที่ตอนนี้ยังคงอาศัยอยู่ในวังหลวงของประเทศฝูชิว อีกฝ่ายไม่ได้ไปทะเลสาบอวิ๋นโยวกับเขาตอนแดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดออก
เมื่อครู่เขาลองถามหลิวก่วงหลินผ่านยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณ ว่าอีกฝ่ายอยากอยู่ในประเทศฝูชิวเพื่อรับตำแหน่งอันดีและลงหลักปักฐานที่นั่น หรือมาหาเขาที่นิกายอมตะเป้าผู่
หลิวก่วงหลินก็ตอบมาอย่างไร้ซึ่งความลังเลทันที ว่าจะมารับใช้เขาที่นิกายอมตะเป้าผู่ และจะคอยติดตามรับใช้เขาไปทุกที่
“น้องรองของข้าอยู่ว่างๆ และไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก ให้น้องรองข้าได้ไปไหนมาไหนเพื่อยืดเส้นยืดสายบ้างก็ดี…”
ซุนเหลียงเผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านประมุข ไม่ทราบว่าน้องรองที่ท่านกล่าวถึง…เป็นผู้อาวุโสท่านใดในนิกายหรือ?”
ระหว่างที่เดินทางมายังนิกาอมตะเป้าผู่พร้อมจางกวงเจิ้ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวแนะนำเรื่องบุคลากรสำคัญในนิกายอมตะเป้าผู่มาบ้าง แต่เขาไม่เคยได้ยินจางกวงเจิ้งพูดถึงเรื่องน้องรองของประมุขนิกายเลย
‘บางที…อาจเป็นผู้พิทักษ์อาวุโส หรือผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายอมตะเป้าผู่’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดาในใจ
“น้องรองของข้าไม่ได้มีตำแหน่งอาวุโสอะไรในนิกายหรอก…”
อย่างไรก็ตาม ได้ยินคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน ซุนเหลียงเผิงพลันส่ายหัวไปมา ค่อยพูดต่อพลางคลี่ยิ้มสดใสว่า “น้องรองของข้ายังไม่ใช่ผู้คน แต่เป็นสัตว์อมตะ…และมักเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ที่ยอดเขารัตติกาลสันโดษ ไม่ค่อยได้ออกไปไหน”
ขณะกล่าวซุนเหลียงเผิงก็หันไปมองยังขุนเขาสูงลูกหนึ่งไกลตา
เป็นภูเขาลูกที่สูงที่สุดในนิกายอมตะเป้าผู่ แถมยอดเขายังทิ่มแทงทะลุหมู่เมฆขึ้นไปอีกไกล เรียกว่าหากมองไกลๆแล้ว ประหนึ่งกระบี่เขียว 3 ฉื่ออันทรงพลังทิ่มแทงทะลวงฟ้า จนปลายกระบี่จมหายไปในแพเมฆหมอก…