War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3063

ตอนที่ 3063

“มิใช่ว่าตัวมันเองต้องเป็นปรมาจารย์ค่ายกล…อาจเป็นได้ที่มันจ้างวานปรมาจารย์ค่ายกลที่รู้จักให้มาช่วยเหลือ”

ซุนเหลียงเผิงตอบกลับ

“แต่ให้ตายเถอะ! ข้ามิคิดเลยว่านักฆ่ากะโหลกเลือดคนใหม่จักเจ้าเล่ห์เพียงนี้! มันถึงกับตระเตรียมค่ายกลเคลื่อนย้ายครั้งเดียวที่เจ้าเองยังไม่อาจมองออกได้!!”

ซุนเหลียงเผิงส่งข้อความสืบต่อ น้ำเสียงยังเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง “อย่างไรก็ตาม ค่ายกลเคลื่อนย้ายครั้งเดียวแบบนี้…ปกติแล้วรัศมีเคลื่อนย้ายยังค่อนข้างจำกัดนัก…น้องรอง เจ้ารีบปูพรมค้นหาแถวๆนั้นเถอะ ข้าจะรีบตามไปสมทบ!”

ส่งข้อความดังกล่าวเสร็จ ร่างซุนเหลียงเผิงก็เหินทะยานออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ด้วยความเร็วสูงสุด

ระหว่างเร่งรุดเดินทาง ซุนเหลียงเผิงยังไม่ลืมติดต่ออาวุโสระดับสูงในนิกายอมตะเป้าผู่ ให้ทุกคนช่วยกันค้นหาอีกแรง

ไม่ทันไร อาวุโสระดับสูงกว่าครึ่งของนิกายอมตะเป้าผู่ก็เร่งรุดเดินทางออกจากนิกาย กระจายกำลังกันออกตามหาต้วนหลิงเทียนทั่วทุกสารทิศ!

และในขณะที่เหล่าอาวุโสของนิกายอมตะเป้าผู่กำลังวุ่นวายกันยกใหญ่ ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ถูกเคลื่อนย้ายมายังหุบเขาอันมืดมิดเรียบร้อย

ภายในหุบเขาอันมืดมิดแห่งนี้ ยังมีกลิ่นเหม็นอับนัก ทำให้ต้วนหลิงเทียนจำต้องใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดสร้างม่านพลังคลุมกายเอาไว้

แน่นอนว่าม่านพลังคลุมกายที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันกลิ่น มันไม่ได้กินพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมากมายอะไร

เรียกว่าต่อให้กางม่านพลังแบบนี้ต่อไปอีก 180 ปี ระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศของต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ถึงกับลดลงไปอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก

‘เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายจริงๆ…และดูจากที่น้องรองของประมุขไม่อาจติดตามมาได้ มันสมควรเป็นค่ายยกลเคลื่อนย้ายที่ใช้ได้ครั้งเดียว’

‘นักฆ่ากะโหลกเลือดคนใหม่นับว่าเตรียมการมาพร้อมจริงๆ’

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้คลื่นแห่งความหวาดกลัวเริ่มแผ่ปกคลุมไปทั่วใจ เพราะตอนนี้เขาทำได้แค่พึ่งกำลังของตัวเองแล้ว

“ในเมื่อข้าเองก็ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งมาถึงที่นี่แล้ว…เจ้ายังไม่คิดจะโผล่หัวออกมาอีกหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองไปรอบๆ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามจบคำ เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังขึ้น “จึกๆๆ…ช่างเป็นเจ้านายกับลูกน้องที่รักกันดีจริงๆ….”

เสียงดังกล่าวคล้ายจะก้องดังมาจากทุกทิศทาง

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่กวาดตามองไปรอบๆแต่แรก ก็พบต้นตอของเสียงได้ไม่ยาก

ผนังผาด้านหนึ่งของหุบเขาอันมืดมิดแห่งนี้ มีถ้ำไม่สะดุดตาที่ไม่น่าจะเกิดจากธรรมชาติแห่งหนึ่ง และบัดนี้ก็มีร่างคนค่อยๆก้าวเดินออกมาจากถ้ำดังกล่าว ในมือยังหอบหิ้วร่างคนอีกคนมาด้วย

พอร่างดังกล่าวโผล่พ้นห้วงความมืดที่ปกคลุมภายในถ้ำ ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน

เป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างปานกลางสวมใส่ชุดคลุมลมดำปักสัญลักษณ์องค์กรกะโหลกเลือด ลักษณะเดียวกับนักฆ่ากะโหลกเลือดคนก่อน

ชายวัยกลางคนผู้นี้หน้าตาไม่ได้มีจุดเด่นอะไร หากแต่แววตาของมันเย็นชาเหลือเกิน เรียกว่ายามถูกสายตาดังกล่าวมองจ้องมา ร่างต้วนหลิงเทียนก็เสมือนมีสายลมหนาวอาบไล้ไปทั่ว

“ก่วงหลิน!”

พอเห็นหลิวกิ่งหลินที่สลบไสลไม่ได้สติในมือนักฆ่ากะโหลกเลือด สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็มืดลงทันใด จากนั้นก็โพล่งเสียงดังเรียกคนออกไป

พร้อมกับที่เขาโพล่งเรียกอีกฝ่าย สำนึกเทวะเขาก็ชำแรกเข้าร่างหลิวก่วงหลิน ไม่ทันไรก็พบว่ามีพลังคล้ายอัสนีสีขาวขุมหนึ่งไหลเวียนไปทั่วร่างหลิวก่วงหลิน

พลังดังกล่าวได้ปิดกั้นช่องพลังและระบบประสาททั้งหมดของหลิวก่วงหลินเอาไว้ ทำให้หลิวก่วงหลินไม่อาจตื่นขึ้นมาด้วยตัวเองได้

ต้วนหลิงเทียนเร่งเร้าพลังสำนึกเทวะเล็กน้อย ก็สามารถขับกระแสพลังดั่งอัสนีสีขาวดังกล่าวให้ออกจากร่างหลิวก่วงหลินได้อย่างง่ายดาย

เมื่อพลังทั่วร่างเริ่มโคจรหมุนเวียน และกระแสประสาทสามารถแล่นได้ตามเดิม หลิวก่วงหลินก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา และสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนทันที

ทันใดนั้นสองตาหลิวก่วงหลินก็เบิกโพลง เอ่ยทักออกไปโดยไม่รู้ตัว “นาย…นายท่าน!”

เสียงหลิวก่วงหลินยังแหบพร่ามาก กลิ่นอายพลังทั่วร่างยังอิดโรยคล้ายผ่านพ้นการทรมาณครั้งใหญ่มา

แต่กระนั้น หลิวก่วงหลินก็ยังครองสติแจ่มใส เร่งรุดส่งเสียงผ่านพลังบอกข้อมูลสำคัญให้ต้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น

เสียงผ่านพลังดังกล่าว ก็ได้บอกต้วนหลิงเทียนเรื่องที่มันถูกจับตัวมาได้อย่างไร

ถึงแม้ตอนนี้มันจะพึ่งตื่นและไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด หากแต่เมื่อเห็นสถานที่ไม่คุ้นตา และเห็นต้วนหลิงเทียน มันก็คาดเดาได้ทันทีว่าสมควรมีคนจับตัวมันมาเพื่อเล่นงานนายท่านของมันแน่

เช่นนั้นมันจึงไม่ลังเลใดๆ เร่งบอกข้อมูลที่มันคิดว่ามีความสำคัญมากที่สุดออกไปทันที

“เจิ้งหงอี้!?”

ได้ยินเสียงผ่านพลังของหลิก่วหินที่บอกว่ามันพบเจอศิษย์ที่มีนามว่าเจิ้งหงอี้เป็นคนสุดท้ายก่อนนจะสลบไป สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็มืดคล้ำดำลงทันที

และตอนนี้เอง เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน

“เจ้าไปเฝ้ารอนายของเจ้าที่ถนนสู่ปรโลกเถอะ…”

เป็นเสียงของนักฆ่ากะโหลกเลือดที่หิ้วหลิวก่วงหลินเอาไว้

‘แย่แล้ว!’

ทันทีที่เสียงดังกล่าวดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีเขาเปลี่ยนไปทันใด มวลพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดปะทุออกท่วมร่าง ยังกลับกลายเป็นเพลิงไฟสีแดงเข้มในฉับพลัน!

ปงงง!!

ซู่มมม!!

ร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายกลับกลายเป็นลูกไฟดวงเขื่อง คนพุ่งออกไปดั่งดาวตก จี้ตรงเข้าหานักฆ่ากะโหลกเลือดด้วยความเร็วสูง!

“ช้าไป!”

ตั้งแต่วินาทีแรกที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มเคลื่อนไหว นักฆ่ากะโหลกเลือดก็ลงมือออกไปแล้ว แม้ร่างต้วนหลิงเทียนจะพุ่งทะยานวูบเข้ามาดั่งภูตผีแต่ก็สายเกินการณ์!

เพราะบัดนี้ต้วนหลิงเทียนพบว่า

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ในมือข้างที่หอบหิ้วหลิวก่วงหลินของนักฆ่ากะโหลกเลือด พลันปรากฏเส้นด้ายสีเงินอันยากจะมองเห็น และพอมันตวัดมือเส้นด้ายสีเงินดังกล่าวก็รัดพันทั้งฉีกร่างหลิวก่วงหลินออกเป็นชิ้นๆทันที!

“ก่วงหลิน!”

เห็นหลิวก่วงหลินถูกฆ่าตาย ร่างต้วนหลิงเทียนก็หยุดลงทันที สองตายังเริ่มแดงฉานปานก้อนเลือด!

จากนั้นเปลวเพลิงทั่วร่างก็ลุกโหมขึ้นมาอย่างร้อนแรง พริบตาคนก็กลับกลายเป็นมนุษย์เพลิง!

“ไม่ต้องห่วง…เดี๋ยวข้าจะส่งเจ้าตามมันไปเส้นทางสู่ปรโลกให้เอง…”

เมื่อเห็นท่าทีเดือดดาลเปี่ยมโทสะของต้วนหลิงเทียน รอยยิ้มสดใสก็คลี่กางขึ้นเบนใบหนน้านักฆ่ากะโหลกเลือด วาจาที่เอ่ยออก ยังทำเหมือนเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว

“ตาย!!”

เสียงกล่าวของนักฆ่ากะโหลกเลือดยังดังไม่ทันจบคำดี สองตาเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องมันเขม็ง ตะคอกคำออกมาด้วยน้ำเสียงอำมหิต!

ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งไปคล้ายดาวตกเพลิงอีกครั้ง ความเร็วที่จี้เข้าใส่นักฆ่ากะโหลกเลือดนั้น นับว่ารวดเร็วกว่าความเร็วของนักฆ่ากะโหลกเลือดเสียอีก!

“ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าเจ้าจะมีปัญญารักษาระดับความเร็วนี่ไว้ได้นานแค่ไหน…สุดท้ายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เจ้าใช้อยู่ มันก็ไม่ใช่ของเจ้า!”

ตั้งแต่ที่เห็นต้วนหลิงเทียนรี่เข้ามา นักฆ่ากะโหลกเลือดก็ปะทุพลังกล้าแข็งพุ่งร่างหนีไปทันที เห็นชัดว่ามันไม่คิดปะทะกับต้วนหลิงเทียนตรงๆ!

และฟังจากคำพูดของมันขณะเหินร่างหนีไป เห็นได้ชัดว่าตั้งใจให้ต้วนหลิงเทียนเผาผลาญพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดไปอย่างสูญเปล่า รอให้พลังในร่างต้วนหลิงเทียนอ่อนโทรมถดถอยลงเมื่อไหร่ มันถึงจะคิดลงมือปะทะแตกหัก!

“อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้นับว่าพวกหน่วยข่าวกรองทำงานไม่ได้เรื่องจริงๆ…พวกมันบอกว่าเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการ แต่จากพลังที่เจ้าใช้อยู่เห็นชัดว่ามันเป็นพลังของกฏแห่งไฟ!”

“ธาตุไฟ!”

“ซ้ำยังมีความลึกซึ้งลุกโหม!”

ขณะเหินร่างหลบหนีต้วนหลิงเทียนที่จี้กระชั้นเข้ามาทุกขณะ นักฆ่ากะโหลกเลือดก็กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ “ยังดีที่ครั้งนี้คนที่มาเป็นข้า…ไม่งั้นหากส่งราชาอมตะ 4 รูปแม้กระทั่งราชาอมตะ 5 องค์ประกอบมา น่ากลัวไม่พ้นต้องมาตายเปล่าแน่”

“ผู้อาวุโสเพลิงเทพโกลาหล!”

หลังเห็นเจตนาของนักฆ่ากะโหลกเลือด สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็จมลง ขณะเดียวกันก็เร่งติดต่อเพลิงเทพโกลาหลภายในร่างทันที

และแทบจะในวินาทีเดียวกันกับที่เขาร้องเรียกเพลิงเทพโกลาหล ทั่วร่างของเขาก็ปรากฏมวลพลังดั่งเพลิงสีเทาขุมหนึ่งปะทุออกมาจากร่างกาย และเริ่มหลอมรวมผสานเข้ากับเพลิงสีแดงเข้มที่ลุกโชนไปทั่วร่างเร็วไว

ตูมม!!

ทันใดนั้นเสียงประหนึ่งเพลิงระเบิดพลันดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว!

พริบตาต่อมาเปลวเพลิงทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ปะทุพวยพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงปานจุดระเบิด!

เสี้ยวพริบตาความเร็วของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นมาจนเหนือกว่าความเร็วของนักฆ่ากะโหลกเลือดหลายเท่าตัว!

“นี่มัน…ความลึกซึ้งปะทุ!?”

สีหน้านักฆ่ากะโหลกเลือดเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ขณะเดียวกันมันก็รู้ตัวทันทีว่าไม่อาจหลีกหนีได้อีกต่อไป เพราะความเร็วของต้วนหลิงเทียนตอนนี้สามารถไล่มันทันได้ง่ายๆ!

และเนื่องจากเห็นว่าเมื่อครู่อยู่ๆเพลิงไฟทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจุดระเบิดขึ้นมา จึงทำให้นักฆ่ากะโหลกเลือดเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนกำลังใช้ความลึกซึ้ง ปะทุ ของกฏแห่งไฟ!

ความลึกซึ้ง ปะทุ ของกฏแห่งไฟ แม้จะเป็นความลึกซึ้งที่เสริมพลังโจมตีเป็นหลัก แต่มันก็สามารถใช้เสริมความเร็วในการเคลื่อนไหว ไม่เว้นความเร็วในการจู่โจมได้ด้วย!

เพราะยามใช้พลัง เสมือนการจุดระเบิด มวลเพลิงที่ปะทุออกยังรุนแรงนัก จะใช้จู่โจมก็ดี หรือผลักดันความเร็วในการเคลื่อนไหวก็ดี!

เดิมทีก็มีความลุกซึ้งลุกโหมที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักอยู่แล้ว พอมาจุดระเบิดพลังด้วยความลึกซึ้งปะทุแบบนี้ ความเร็วที่ปะทุขึ้นในชั่วพริบตาก็กลับกลายเป็นรวดเร็วจนน่ากลัว!

ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!

นักฆ่ากะโหลกเลือดที่รู้ตัวว่าไม่อาจหนีได้พ้น ก็หันกลับมาตวัดมือเป็นพัลวัน จากนั้นเส้นด้ายดั่งไหมสีเงินก็เริ่มตวัดฟันไปทั่วดั่งอสรพิษปราดเปรียว บังเกิดเป็นคลื่นพลังสะบั้นสีเขียวยิบย่อยมากมายซัดแหวกอากาศมาฉับไว สภาวะพลังคมกล้าปานมีดดาบ!

นอกจากนั้นในขณะที่ลงมือ เส้นด้ายสีเงินของนักฆ่ากะโหลกเลือดยังคล้ายถูกฉาบเคลือบไปด้วยพลังสีเขียว!

ทั่วร่างของมันเองก็คล้ายมีวังวนพลังแสงสีเขียวหนึ่งห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา ราวกับพายุสีเขียวที่มองเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า!

เพียงมองดูก็รู้ว่ากฏที่นักฆ่ากะโหลกเลือดผู้นี้เชี่ยวชาญก็คือกฏแห่งลม อีกทั้งสิ่งที่มันกำลังสำแดงอยู่ตอนนี้ก็คือความลึกซึ้งของกฏแห่งลมหลายประการพร้อมๆกัน!

และตั้งแต่ที่มันเคลื่อนร่างหลบหนีจวบจนหันกลับมาจู่โจม มันก็ได้เผยความลึกซึ้งของกฏแห่งลมออกมา 3 ประการแล้ว หนึ่งเลยก็คือความลึกซึ้งลมกรด ความลึกซึ้งควบรวมสายลม และความลึกซึ้งสะบั้น!

สำหรับความลึกซึ้งจากความหมายแห่งลมที่ทำให้ใช้พลังธาตุลมได้นั้น ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง เพราะการจะใช้ความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏแห่งลมได้ ก็จำต้องเข้าใจความลึกซึ้งความหมายแห่งลมก่อนอยู่แล้ว

“ราชาอมตะ 6 ผสาน!”

ขณะเดียวกัน เมื่อนักฆ่ากะโหลกเลือดผู้นี้หันกลับมาลงมือเต็มกำลัง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสกลิ่นอายพลังที่แท้จริงของมันได้ชัดเจน จึงมองด่านพลังฝึกปรือของมันออกได้ทันที

นอกจากนั้นความลึกซึ้งของกฏแห่งลมทั้งหลายที่นักฆ่ากะโหลกเลือดใช้ออก ต้วนหลิงเทียนก็รู้จักทั้งหมด

“กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!”

ในห้วงเวลาพริบตาดุจฟ้าแลบ ต้วนหลิงเทียนได้เรียกกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมาจากร่าง เตรียมใช้กระบวนท่าสังหารเต็มกำลังจัดการนักฆ่ากะโหลกเลือดให้เร็วที่สุด!

เป็นธรรมดาว่าในขณะที่เรียกกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมาจากร่าง ต้วนหลิงเทียนก็จงใจควบคุมให้มันปรากฏขึ้นมาจากอากาศธาตุดั่งผุดโผล่ออกมาจากแหวนพื้นที่ เพื่อไม่ให้นักฆ่ากะโหลกเลือดค้นพบความไม่ธรรมดาและมองออกว่ากระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของเขาเป็นอุปกรณ์เทพ

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

ทว่าทันใดนั้นเอง รอบกายนักฆ่ากะโหลกเลือด พลันปรากฏบางสิ่งส่งเสียงดังเสียดแก้วหูออกมา และหลังจากแลเห็นสิ่งที่อุบัติขึ้น ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงทันที!

‘นี่มัน…ความลึกซึ้ง คมมีดสายลม!’

นักฆ่ากะโหลกเลือดผู้นี้ หลังจากเผยความลึกซึ้งลมกรด ควบรวมสายลม ทั้งสะบั้นแล้ว…มันยังเผยความลึกซึ้ง คมมีด สายลมออกมาอีก!!

War sovereign Soaring The Heavens

War sovereign Soaring The Heavens

Status: Ongoing

จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย

การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้!

ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ …

ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน