เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 461-462

ตอนที่ 461-462

บทที่ 461 โรงพยาบาลลั่วไห่เชิน 1

ในเวลานี้ฉินหยูฝานนั่งอยู่ที่ห้องเรียนของเธอ

มีคนส่งรูปถ่ายสองสามรูปให้กับเธอ

นั่นเป็นภาพของเจี่ยนอีหลิงและจํายหวินเชิงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันในงานเลี้ยง

ในภาพค่อนข้างชัดเจนว่า จํายหวินเชิงแอบมองเจี่ยนอีหลิงที่นั่งอยู่ข้างเขา

จากนั้น คนที่ส่งรูปให้เธอก็ตามด้วยข้อความตัวโต

[พี่ฝาน สาวน้อยคนนี้ทําท่าทางเก่งเหลือเกิน เธอแสร้งทําเป็นน่าสงสาร อ่อนโยน และน่ารัก ต่อหน้านายท่านเชิง เธอพยายามยั่วยวนวิญญาณของนายท่านเชิง]

คนที่ส่งข้อความถึงฉินหยูฝานเป็นหญิงสาวจากตระกูลที่ได้รับความเคารพนับถือในเปยจิง เธอได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของตระกูลฉิน

ฉินหยูฝานหัวเราะเยาะก่อนจะตอบว่า

[เธอไม่ได้ใส่ร้ายเด็กหญิงคนนั้น แต่เธอกําลังใส่ร้ายนายท่านเชิง]

อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า [หือพี่ฝาน ไม่โกรธเหรอ]

[ถ้าเธอถามว่าฉันโกรธที่นายท่านเชิงสนใจผู้หญิงคนอื่นไหม ฉันก็ตอบว่าใช่ ฉันโกรธ]

[ถ้าเธอโกรธ เราได้คิดหาวิธีที่จะช่วยให้เธอจัดการกับความโกรธได้แล้ว ตราบใดที่เธอพยักหน้า เราก็จะช่วยเธอทันที)

ฉินหยูฝานหัวเราะก่อนจะตอบว่า [ทําในสิ่งที่เธอต้องการจะทํา แต่ว่าอย่าให้ฉันไปรับ หน้าแทนเธอ ถ้าฉันอยากเล่นงานใครซักคนฉันก็ไม่ต้องการให้เธอทําอะไรให้ฉัน ถ้าเธอจะทําอะไรก็ไม่ต้องใช้ชื่อฉัน โดยสัตย์จริงแล้ว เธอแค่พยายามหาเหตุผลให้กับการกระทําของเธอเองและพยายามให้คนอื่นมาร่วมรับโทษเท่านั้น]

ข้อความของฉินหยูฝานตรงไปตรงมาเหลือเกิน เธอไม่สนใจคนอื่นเลย

อีกคนรีบอธิบายว่า [พี่ฝาน เธอเข้าใจผิดแล้ว พวกเราเพียงแค่คิดว่าเธอเป็นคนเดียวที่คู่ควรกับนายท่านเชิง นอกจากนี้ ช่วงนี้เธอยุ่งมาก เธออาจไม่มีเวลาจัดการกับนังเด็กเลวคนนั้น เราเลยอยากช่วยเธอสอนบทเรียนให้…]

[นั่นเป็นเรื่องของฉัน ฉันจะไม่ไปสุงสิงกับพวกเธอเพียงเพราะว่าฉันกําลังไล่ตามผู้ชายสักคนหรอก]

หลังจากที่ฉินหยูฝานส่งข้อความนี้ เธอก็ไม่สนใจคนพวกนั้นอีก

จากนั้นเธอก็เปิดหน้าอื่นเพื่อค้นหาโรงพยาบาลที่ชื่อลั่วไห่เซิน เธอเปิดดูผ่านเว็บไซต์ทางการของพวกเขา

นี่เป็นโรงพยาบาลที่พิเศษมาก โรงพยาบาลตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆในมหาสมุทรแปซิฟิก

โรงพยาบาลเพิ่งก่อตั้งได้เพียงปีเดียว

อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ

โรงพยาบาลนี้ได้รับการกล่าวขานว่ามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีแพทย์และพยาบาลที่ดีที่สุดอีกด้วย

โรงพยาบาลไม่รับผู้ป่วยทั่วไป และค่อนข้างเฉพาะเจาะจงในกรณีของเคสที่ยากกับการผ่าตัดที่ยากเท่านั้น

นอกจากนี้ พวกเขาจะรับผู้ป่วยครั้งละรายเท่านั้น

หลังจากผู้ป่วยคนล่าสุดออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผู้ป่วยรายต่อไปจึงจะได้รับการยอมรับ

นอกจากนี้ ค่ารักษาพยาบาลก็แปลกมากเช่นกัน

พวกเขาเรียกเก็บเงินผู้ปวยคิดเป็นร้อยละหกสิบของทรัพย์สินของพวกเขาในการรักษา หากผู้ป่วยได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้เยาว์ พวกเขาจะเรียกเก็บเงินจากผู้ปกครองคิดเป็นร้อยละหกสิบของทรัพย์สิน

ซึ่งหมายความว่ายิ่งผู้ปวยร่ํารวยมากเท่าไร รายได้ของโรงพยาบาลก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น

ตอนแรกทุกคนคิดว่าโรงพยาบาลจะรับงานจากครอบครัวที่ร่ํารวยมากเท่านั้น แต่ทว่า โรงพยาบาลก็รับขอทานด้วย

ชายหนุ่มที่เบื่อหน่ายคนหนึ่งที่ผ่านมาได้กรอกข้อมูลของขอทานคนหนึ่งแล้วยื่นคําร้องไปที่เว็บไซต์ของโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน ในเมื่อเขาไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการยื่นคําร้อง ดังนั้นชายหนุ่มจึงอยากลอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือโรงพยาบาลลั่วไห่เซินยอมรับใบสมัครนั้นจริงๆ

ในท้ายที่สุด พวกเขาเรียกเก็บเงินจากขอทานนั้น 60 เปอร์เซ็นต์ของเงินออมของเขา พวกเขาเรียกเก็บเงินทั้งหมด 67 ดอลลาร์และ 60 เซนต์

นี่นับเป็นการสูญเสียอย่างสมบูรณ์กับธุรกิจของพวกเขา แค่ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับผู้ป่วย ก็เป็นเงินจํานวนมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลลั่วไห่เซินก็ได้ตอบรับคําขอและส่งเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาไป ในความเป็นจริง พวกเขาถึงกับสามารถช่วยชีวิตขอทานที่ป่วยหนักได้

เป็นความจริงที่ผู้ป่วยจํานวนมากที่โรงพยาบาลลั่วไห่เซินยอมรับมีฐานะร่ํารวยมาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีพลเมืองชนชั้นแรงงานธรรมดาที่พวกเขาได้ยอมรับไว้เช่นกัน

บทที่ 462 โรงพยาบาลลั่วไห่เซิน 2

ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลลั่วไห่เชินจึงถูกมองว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จากผู้ป่วยจํานวนมาก โรงพยาบาลนี้ถือเป็นแหล่งความหวังสุดท้ายของพวกเขา

สําหรับตอนนี้ ทางเดียวที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ก็คือ ยื่นคําร้องบนเว็บไซต์ของโรงพยาบาล

ฉินหยูฝานเพิ่งส่งใบสมัครลงไปบนเว็บไซต์นี้

แม้ว่าความน่าจะเป็นที่ใบสมัครของเธอจะได้รับการคัดเลือกค่อนข้างต่ํา แต่เธอก็ยังหวังว่าใบสมัครของเธอจะได้รับการคัดเลือกจากโรงพยาบาลลั่วไห่เซิน

บุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างสูงในตระกูลฉินจําเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โรงพยาบาลทั่วไปไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขากับการรักษาที่พวกเขาต้องการได้อีกต่อไป

บุคคลนี้เป็นลุงเธอ ลุงเธอหวังว่าเธอจะกลายเป็นผู้นําตระกูลคนต่อไปของตระกูลฉิน อย่างไรก็ตาม ที่สําคัญกว่านั้นก็คือ ลุงเธอเป็นคนที่คอยเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมา

ดังนั้นฉินหยูฝานจึงหวังว่าโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะยอมรับใบสมัครของลุงเธอ

อย่างไรก็ตาม นี่อาจทําให้สูญเสียทรัพย์สมบัติของลุงไปเป็นจํานวนมาก

แน่นอนว่านี่รวมถึงหุ้นส่วนหนึ่งที่เขาถืออยู่ในเครือตระกูลฉิน

คําร้องถูกยื่นไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม มันยากมากที่จะบอกว่าจะได้รับเลือกหรือไม่

ทุกวันนี้มีคนส่งใบสมัครเข้าเว็บไซต์นับไม่ถ้วน

โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีเพียงผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพียงหนึ่งคนต่อสัปดาห์เท่านั้น

ดังนั้น ความน่าจะเป็นของการสมัครจะถูกเลือกจึงต่ําเหลือเกิน

ถ้าฉินหยูฝานต้องการเพิ่มโอกาสที่จะให้ใบสมัครของเธอได้รับการเลือก เธอจะต้องทําอย่างอื่น

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลลั่วไห่เซินเป็นองค์กรที่ลึกลับเหลือเกิน มีคนไม่มากที่รู้ตําแหน่งที่แน่นอนของโรงพยาบาล ซึ่งหมายความว่ามีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับโรงพยาบาลเช่นกัน

ฉินหยูฝานค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับหัวหน้าผู้บริหารโรงพยาบาล เธอสงสัยว่าบุคคลประเภทไหนกันที่มีความสามารถในการก่อตั้งโรงพยาบาลเช่นนี้

การก่อสร้าง เครื่องมือแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลถือได้ว่าดีที่สุดในโลก

คนเราไม่สามารถใช้เงินของพวกเขาเพื่อบรรลุสิ่งเหล่านี้ได้

ฉินหยูฝานเพิ่งได้รับข่าวว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลลั่วไห่เซินจะมาถึงเป่ยจิงในอนาคตอันใกล้นี้

และด้วยเหตุนี้ เธอจึงขอให้ใครสักคนตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงพยาบาล เธอหวังว่าจะได้ติดต่อกับสมาชิกของโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด

###

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เจี่ยนอีหลิงลุกขึ้นจากเตียง สิ่งแรกที่เธอทําก็คือเปิดอุปกรณ์สื่อสาร

มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านมากมายบนอุปกรณ์

เจี่ยนอีหลิงตอบกลับข้อความบางส่วน

ข้อความหนึ่งมาจากเจี่ยนหยุ่นโม่

[อย่าลืมทานอาหารเมื่อเธอตื่นขึ้น ดูแลตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว พยายามอย่าลดน้ําหนัก]

ข้อความอื่นมาจากเพื่อนที่ทํางานของเจี่ยนอีหลิง

[ฉันส่งรายชื่อผู้ป่วยไปที่อีเมลของเธอแล้ว กรุณาตรวจสอบเมื่อเธอมีเวลา]

หลังจากเจี่ยนอีหลิงจัดระเบียบเรียบร้อย เธอก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยเป่ยจิง

จนถึงตอนนี้ เรื่องราวเดิมๆจํานวนมากได้เกิดขึ้นแล้ว

ในนวนิยายต้นฉบับ ฉินชวนก็ได้กลับมาที่เปยจิงด้วยเช่นกันในเวลานี้

ข้อขัดแย้งระหว่างฉินชวนและฉินหยูฝานยังคงไม่สามารถแก้ไขได้

จูปีเตอร์ก็ได้ยุบวงในช่วงเวลาเดียวกันกับนวนิยายด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้น เจี่ยนหยู่หมินก็ได้กลับบ้าน เขาเริ่มมีส่วนร่วมในธุรกิจของตระกูล แต่ทว่าครั้งนี้ มันมาจากหลายสาเหตุ

ในนวนิยายต้นฉบับ เหอเยี่ยนได้บังคับเขาให้ทําเช่นนั้น แต่ครั้งนี้เจี่ยนหยู่หมินตัดสินใจว่าเขาต้องการรับผิดชอบในส่วนของเขา เขาต้องการทําอะไรเพื่อพี่น้องและพ่อ

และตัวเธอเอง เธอเองก็ได้มาถึงเป่ยจิงในเวลาเดียวกันด้วย

ในนวนิยายต้นฉบับ เจี่ยนอีหลิงมาที่เปยจิงเพราะเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในเปยจิง

ในนวนิยายต้นฉบับ เจี่ยนอีหลิงสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในเปยจิงก็เพราะเธอรู้ว่าฉินชวนกําลังอยู่ในเมืองนั้น

อย่างไรก็ตาม เพราะว่าการเรียนและผลการเรียนเธอนั้นไม่เอาไหน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยระดับที่สามในเปยจิงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในครั้งนี้เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น โม่ซืออวิ้นตั้งใจจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเปยจิง ในนวนิยายต้นฉบับ เธอสอบผ่านข้อสอบของมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนที่โดดเด่น

อย่างไรก็ตาม คราครั้งนี้ เธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ ซึ่งเธอได้เข้าเรียนในสาขาวิชาเอกการแสดง

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเจี่ยนหยุ่นน่าว

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ

Status: Ongoing

เดิมที เจี่ยนอีหลิง (简一凌) เป็นตัวละครประกอบที่มีชะตากรรมเป็นแนวหน้ากล้าตาย แต่ทว่าเมื่อตอนนี้เธอมีความทรงจำจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เจี่ยนอีหลิง ซึ่งเป็นผู้อ่านได้ย้ายเข้ามามีตัวตนในนิยาย จึงได้เปลี่ยนแปลงตนเองไปเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงแต่เจี่ยนอีหลิงจะไม่สนใจในตัวเอกชาย แต่เธอยังคงทำให้ผู้คนรอบกายเธอตกตะลึง สับสน งงงัน

ตามต้นฉบับแล้ว พี่ชายทั้งหลายต่างพากันเกลียดเธอ แต่ตอนนี้ทุกคนล้วนพากันปกป้องเธออย่างเอาเป็นเอาตาย

“อี้หลิงตกใจง่าย อย่าทำให้เธอกลัว”

“อี้หลิงไม่เคยไปที่ไกลๆ อย่าหลอกเธอ”

“อี้หลิงมีร่างกายอ่อนแอ ห้ามรังแกเธอ”

คนอื่นๆ ต่างต้องการร่ำร้องไม่อยากเชื่อ มั่นใจเหรอว่าเธอน่ะน่ารักและถูกรังแกได้ง่ายๆ ใครกล้ารังแกเธอกัน ในขณะที่พวกเขาล้วนคิดว่าเพียงแค่บรรดาพี่ชายตระกูลเจี่ยนก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง แต่นั่นก็ยังมีคนอื่นที่คอยเติมส่วนที่เหลือ

นายท่านเชิ่ง “อี้หลิงเป็นคนเปราะบางมาก อย่าทำให้เธอโกรธ ถ้าคุณทำให้เธอโกรธ ผมจะหั่นคุณออกเป็นชิ้นๆและทำเป็นน้ำซุป”

คนอื่นๆ “นายท่านเชิ่ง ผมคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับดวงตาคุณ ผมแนะนำให้คุณไปหาจักษุแพทย์”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท