130 – ร่างวิญญาณ
ในห้องโถงของคฤหาสน์หรูหรานั้นเย่เทียนเฉิงผู้ว่าแคว้นผิงซีนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเย็นชา เจ้าหน้าที่สองสามคนในเมืองผิงซียืนอยู่ด้านล่างพร้อมกับก้มหัวลงขณะที่พวกเขาสั่นเทาด้วยความกลัว
พวกเขาหลายคนมีเม็ดเหงื่อที่หน้าผาก นายน้อยของผู้ว่าการแคว้นเพิ่งถูกฆ่าโดยใครบางคนที่อยู่นอกคฤหาสน์ในวันนี้และทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่น
“เอี้ยนลี่เฉียงนั้นมาจากเมืองหลิวเหอของมณฑลชิงไห่ปัจจุบันเขาเป็นนักเรียนที่สถาบันศิลปะการต่อสู้ของแคว้นผิงซีและดูเหมือนว่าจะเป็นผู้คุ้มกันของผู้ว่าการทหารด้วย … ” เจ้าหน้าที่รายงานพร้อมกับก้มหัวลง
เขาแอบเช็ดเหงื่อเย็นขณะที่เขาพูด “ คนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้สามารถเข้าเรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้และยังเป็นผู้คุ้มกันของผู้ว่าการทหารอีก?”
“แหล่งข่าวอ้างว่าเอี้ยนลี่เฉียงสอบได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนในสถาบันศิลปะการต่อสู้ของมณฑลชิงไห่… “
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม!” ดวงตาของผู้ว่าการแคว้นเย็นเหยียบ
“เข้าใจแล้ว…”
“ เป็นเรื่องโชคร้ายที่เหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นในเมืองผิงซีพวกเจ้าช่วยดูแลเอาใจใส่ครอบครัวของหญิงสาวที่เสียชีวิตทั้งสองคน พวกเจ้าสามารถแจกจ่ายทรัพย์สินบางส่วนที่ยึดได้จากเอี้ยนลี่เฉียงเพื่อเป็นเงินสนับสนุนให้กับพวกเขา … “
” นายท่านช่างเมตตา “
” สถาบันศิลปะการต่อสู้ของแคว้นไม่ใช่ที่หลบซ่อนของอาชญากรตรวจดูว่ามีใครเป็นสหายกับเขา เมื่อได้ความแน่ชัดก็ไล่เขาออกจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ไป “
“เข้าใจแล้ว”
“เหตุการณ์ในคืนนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนอย่างมากที่จงนำประกาศไปติดให้ทั่วเมืองประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ “
“ขอรับนายท่าน… “
…
หลังจากจัดการเรื่องราวทุกอย่างแล้วผู้ว่าการแคว้นจึงได้เดินไปเยี่ยมศพของลูกชาย
เมื่อเห็นการมาถึงของผู้ว่าการคนรับใช้และผู้คุมทุกคนในลานก็ถอนตัวพร้อมกับก้มหัวลงเงียบจนไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจของพวกเขาให้ได้ยิน
มีห้องที่ลานกว้างและห้องได้ถูกจัดไว้แล้ว ภายในห้องจุดเทียนสีขาวสองสามเล่มและมีโต๊ะยาววางอยู่ตรงกลาง เย่เซียวนอนอยู่ที่นั่นและร่างกายที่ไร้ชีวิตของเขาถูกปกคลุมด้วยผ้าสีขาว ชายในชุดดำอาจารย์ของเขาก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน มือขวาที่ได้รับบาดเจ็บของเขาถูกพันไว้แล้ว อย่างไรก็ตามความโกรธและความไม่เต็มใจยังคงปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขา
ศพขอเย่เซียวซีดและแข็ง เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพในสำนักงานบังคับใช้กฎหมายในเมืองได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว
แม้แต่บาดแผลที่คอและหน้าอกของเขารวมถึงหูที่แยกออกจากกันของเขาก็ถูกเย็บขึ้นทั้งหมด ไม่มีใครสามารถมองเห็นบาดแผลของเขาได้เพราะว่าทุกสัดส่วนถูกปกคลุมด้วยแป้ง
เนื่องจากดวงตาของเย่เซียวไม่สามารถปิดได้จึงจำเป็นต้องใช้เหรียญทองแดงมาปิดไว้แทน
“ ข้าดูแลเจ้าเหมือนลูกชายของตัวเองมากว่ายี่สิบปีไม่ว่าเจ้าอยากได้อะไรข้าก็ล้วนประเคนให้ เจ้ามีความสุขมานานแม้ว่าวันนี้จะตายแต่เจ้าก็ไม่ควรเสียใจอะไรอีก หากเจ้าไม่ตายในวันนี้และเอี้ยนลี่เฉียงหนีไปได้จะทำให้งานใหญ่ของข้าต้องเสียหาย “
ไม่มีวี่แววของความเศร้าบนใบหน้าของเย่เทียนเฉิงนับประสาอะไรกับน้ำตาในดวงตาของเขา เขามองไปที่เย่เซียวเท่านั้น หลังจากพูดจบเขาก็เอาผ้าสีขาวมาคลุมร่างอีกครั้งอย่างเบามือ
ชายในชุดดำถ่มน้ำลายอย่างฉุนเฉียว“ เจ้าตัวปลอมนี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ด้วยทรัพยากรขนาดนี้เขายังไม่สามารถเป็นนักรบได้สมควรตายแล้วจริงๆ”
“ ม่อเล้งเจ้าคงฝึกตัวเองให้ใช้ดาบด้วยมือซ้ายได้แล้ว” เย่เทียนเฉิงเหลือบมองชายในชุดดำ
“เจ้าออกจากเมืองและหาที่พักใหม่เมื่อรักษาตัวเองได้แล้วก็ไปหาเซียวเอ๋อและบอกให้เขาฝึกฝนตัวเองจนกลายเป็นนักรบที่แท้จริงจากนั้นค่อยพาเขากลับมา. “
” เข้าใจแล้ว! ” ชายในชุดดำมองลงไปที่พื้น “ ถ้านายน้อยกลับมาแล้วตัวตนของเขา…”
“สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายอยู่แล้วดังนั้นเราจะปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในมือของเราปัญหาเรื่องตัวตนของเขายังจะนับเป็นอะไรได้” ดวงตาของผู้ว่าการแคว้นสว่างขึ้น
“มีใครอยู่ข้างนอก!”
“ ไปพาจ้าวซ่งหมิงเข้ามา…”
หัวหน้าหน่วยองครักษ์คุกเข่าตรงทางเข้าทันทีที่เขามาถึงห้อง มือของเขาโชกไปด้วยเหงื่อแม้แต่ศีรษะก็ไม่กล้าเลยขึ้น
ผู้ว่าการแคว้นจ้องมองเขาอย่างเย็นชาและไร้คำพูด ทันใดนั้นเขาก็ยกนิ้วขึ้นและงูไฟสีแดงก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้ว มันเจาะเข้าไปในกระหม่อมของหัวหน้าผู้พิทักษ์
จ้าวซ่งหมิงกรีดร้องอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ร่างกายของเขาจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ในช่วงเวลาสั้นๆสิ่งที่เหลืออยู่ของเขาเป็นเพียงซากศพที่ไหม้เกรียม
ผู้ว่าการแคว้นและชายในชุดดำออกจากห้องไม่นานหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครทราบว่าเอี้ยนลี่เฉียงก็อยู่ในห้องนี้ด้วย
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมผู้ว่าการแคว้นถึงดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตายของ ‘ลูกชาย’ ของเขา ปรากฎว่าเย่เซียวนี้เป็นเพียงตัวแทนเท่านั้น ลูกชายของเขายังคงฝึกฝนอยู่ที่อื่น
หลังจากติดตามผู้ว่าการแคว้นอยู่นานในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้ว่าเย่เซียวตัวจริงศึกษาอยู่ที่นิกายดาบศักดิ์สิทธิ์
นิกายดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในสี่นิกายหลักของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่และยังเป็นนิกายที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
เอี้ยนลี่เฉียงอยู่ในห้องครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเดินผ่านกำแพงห้องเหมือนผีที่มองไม่เห็น เขาเดินมาที่ถนนสายหลักด้านนอกแล้วบินไปที่สำนักงานบังคับใช้กฎหมาย
…
ตามที่คาดไว้มีการแปะประกาศจากสำนักงานบังคับใช้กฎหมายในทุกมุมของเมืองผิงซี
บนประกาศรายงานว่าเอี้ยนลี่เฉียงและเอี้ยนเต๋อเป็นอาชญากรตัวฉกาจที่ลักพาตัวเด็กผู้หญิงจากตระกูลแห่งหนึ่ง
เย่เซียวและหวังฮ่าวเฟยค้นพบเข้าจึงได้ช่วยเหลือเด็กผู้หญิงทั้งสอง จากนั้นพวกเขาก็พาทั้งเด็กผู้หญิงทั้งสองคนไปที่บ้านพักของเย่เซียวและกำลังเตรียมรายงานสำหรับเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมีพลังร้ายกาจเจ้าเล่ห์และอำมหิตขนาดนี้ เขาบุกเข้ามาถึงบ้านพักของเย่เซียวจากนั้นก็สังหารเด็กผู้หญิงที่เขาลักพาตัวไปพร้อมกับหวังฮ่าวเฟย
ไม่เพียงแค่นั้นเขายังจับเย่เซียวเป็นตัวประกันและสังหารยามสองสามคนในคฤหาสน์ ในความพยายามที่จะหลบหนีจากที่เกิดเหตุในที่สุดเขาก็ถูกสกัดกั้นที่ถนนสายหลัก
เอี้ยนลี่เฉียงและพ่อของเขาได้ต่อต้านอย่างแข็งกร้าว แต่ในที่สุดเขาก็ถูกสังหารโดยคำสั่งของผู้ว่าการแคว้น เย่เซียวถูกสังหารอย่างน่าเสียดายก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะเสียชีวิตและส่งผลให้ผู้ว่าการสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รักของเขา
การประกาศดังกล่าวสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วเมืองผิงซี ผู้คนนับไม่ถ้วนยกย่องผู้ว่าการแคว้นที่มีคุณธรรมและความซื่อสัตย์ต่อแผ่นดิน ในทางกลับกันเอี้ยนลี่เฉียงถูกผู้คนนับไม่ถ้วนด่าทอ …
สือต้าเฟิงซึ่งอยู่ที่สถาบันศิลปะการต่อสู้ของแคว้นผิงซีถูกไล่ออกจากโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากเขาเป็นสหายของเอี้ยนลี่เฉียง
…
เมื่อข่าวเดินทางไปยังเมืองหลิวเหอของมณฑลชิงไห่คนขายเนื้อหลิวและลูกชายของเขาก็โกรธมาก
“ข้ารู้มาโดยตลอดว่าสองพ่อลูกนั้นไม่ใช่ตัวดีโชคดีที่พวกเขาตายไปแล้ว. “คนขายเนื้อหลิวยืนอยู่ที่ร้านขายหมูของเขาและพูดเรื่องเดิมซ้ำๆทุกครั้งที่มีคนมาซื้อเนื้อ …
…
ในเมืองผิงซีทุกคนกำลังจัดพิธีไว้อาลัยให้กับคุณชายผู้กล้าหาญของผู้ว่าการแคว้นทุกคนต่างพยายามสร้างความลำบากให้กับเฉียนซูที่มารับศพของเอี้ยนลี่เฉียงและเอี้ยนเต๋อชาง
ในท้ายที่สุดเฉียนซูก็สามารถกู้ร่างของพวกเขาได้หลังจากจ่ายเงินให้ใครสักคนเพื่อขอความช่วยเหลือในการจัดการเรื่องนี้ จากหลุมศพที่ไหนสักแห่งนอกเมืองผิงซี
…
สองสามวันต่อมาเอี้ยนลี่เฉียงเฝ้าดูเฉียนซูและโจวเถี่ยซูแอบฝังเอี้ยนเต๋อชางและขี้เถ้าของเขาไว้ใต้ต้นสนสองต้นในป่าบนยอดเขาร้อยจ้าง
“ พวกเจ้าอยู่อย่างสงบที่นี่เถอะ ข้าไม่อาจฝังพวกเจ้าไว้ในเมืองหลิวเหอได้เพราะอาจมีคนมาก่อกวนหลุมศพเจ้า” เฉียนซูพึมพำกับอัฐิของพวกเขาพร้อมกับหลั่งน้ำตา
โจวเถี่ยซูไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
…
“เผาทิ้งไป” ในคฤหาสน์ตระกูลลู่ นายผู้เฒ่าลู่มองภาพเหมือนของงูจงอางที่เอี้ยนลี่เฉียงวาดไว้บนกระดานไม้อย่างเศร้าๆ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจในตอนท้ายและยื่นรูปให้หลู่เปียน “ตอนนี้ ตระกูลเอี้ยนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เฉียนซูฝังขี้เถ้าของพวกเขาไว้แล้วสมบัติของตระกูลเอี้ยนได้ถูกยึดไปแล้วเหลือเพียงหญิงชราคนหนึ่งชื่อแม่อู๋ข้าได้ช่วยเหลือนางออกมาทันเวลาพอดีและส่งไปที่วิหารกตัญญู … ” ลู่เปียนตอบ .
“อย่างน้อยที่สุดก็เป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถช่วยเหลือเขาได้!” นายผู้เฒ่าลู่ถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก