My Vampire System – ตอนที่ 83

ตอนที่ 83

เมื่อเรย์ร่าได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เธอก็ตกตะลึงมากๆ เธอรู้อยู่แล้วถึงความแข็งแกร่งของเอริน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เคยได้ทดสอบพลังร่วมกันและเคยเห็นการต่อสู้ของเอรินมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าใครก็ตามที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอคนนี้ ไม่มีเลยสักคนที่จะสามารถเทียบชั้นกับเอรินได้

แม้ว่าเอรินจะมีระดับพลังเพียงเลเวล 5 แต่ดูเหมือนว่าเธอจะแข็งแกร่งมากยิ่งกว่านั้น เรย์ร่าเคยเห็นผู้ใช้พลังเลเวลห้าสักสองสามคนมาก่อน ทว่าพวกเขาไม่เชี่ยวชาญในการใช้ทักษะพิเศษของตัวเองถึงขนาดนี้

เอรินเริ่มเดินไปหานักเรียนคนหนึ่งในขณะที่ขาของเขาถูกแช่แข็งเอาไว้ ซึ่งเป็นคนที่พูดสมทบขึ้นมาก่อนหน้าและเอิร์ลจะส่งสายตาดุเขา

เด็กสาววางมือลงบนไหล่ของอีกฝ่ายและน้ำแข็งจากขาก็ค่อยๆแช่แข็งร่างกายของเขาไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ

“เดี๋ยว! ฉันจะบอกเธอทุกอย่างเลย แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าปีเตอร์อยู่ที่ไหน เขาตั้งใจจะมาหาพวกเราก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังไม่โผล่มา!”

“แล้วทำไมเขาต้องหนีด้วย?” เรย์ร่าถาม

“แกอย่าปริปากนะเบน!” เอิร์ลตะโกนบอกขณะที่ยังคงถูกตรึงอยู่กับกลองวัดพละกำลัง “ถ้าแกปากสว่าง แกก็ออกจากกลุ่มของฉันไปเลย!”

เอรินสร้างหอกน้ำแข็งมาไว้ในมืออีกหนึ่งเล่มและขว้างออกไปเป็นครั้งที่สอง โดยคราวนี้เล็งไปที่ขาของเอิร์ล ดูเหมือนว่าเธอจะขว้างหอกออกไปด้วยพละกำลังที่มากขึ้น เมื่อหอกปะทะเข้าที่ขาของเอิร์ล เขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับตัวเลขที่หน้าจอแสดงผลปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ซึ่งคราวนี้ตัวเลขเกินยี่สิบและเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบ

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเริ่มเป็นจุดสนใจสำหรับนักเรียนคนอื่นๆที่กำลังยุ่งอยู่กับการฝึกฝนในศูนย์ฝึกซ้อมเช่นกัน

“สามสิบงั้นเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นตัวเลขที่สูงถึงขนาดนั้น เธอแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน?” นักเรียนคนหนึ่งพูด

ทว่า เรย์ร่ารู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเอริน ถ้าความแข็งแกร่งของเธอมีมากกว่าห้าสิบขึ้นไป เธอคงจัดการนักเรียนพวกนี้ได้ง่ายๆราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก

เอรินหันไปมองเบนและเริ่มสร้างหอกอีกเล่ม

“ต่อไป นายจะเป็นคนถูกฝังและฉันยังต้องการให้ใครสักคนพูดมา”

เบนคิดว่าเรื่องนี้มันบ้ามากๆ ใครจะสนกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของเอิร์ลอีกต่อไป ตราบใดที่เขาพยายามอย่างหนักในโรงเรียน เขาก็จะค่อยๆก้าวเดินให้สูงขึ้นได้ นี่มันไม่คุ้มกับความเจ็บปวดที่จะได้รับ

“เดี๋ยวก่อน ได้โปรด กับเรื่องปีเตอร์เราไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราได้ยินมาว่าเขาผลักวอร์เด็นเข้าไปในประตูมิติ ซึ่งนั่นคือทั้งหมดที่เราได้ยินมา แล้วเราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมควินน์ถึงหายไปด้วย!”

แน่นอนว่าเอิร์ลอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง เขาและกลุ่มของเขาได้สั่งให้ปีเตอร์ผลักวอร์เด็นเข้าไปในประตูมิติ เมื่อพวกเขารู้ว่ามีนักเรียนสองคนหายตัวไปและยืนยันชัดเจนว่าหนึ่งในนั้นคือวอร์เด็น พวกเขาก็คิดได้ทันทีว่าปีเตอร์ทำในสิ่งที่พวกเขาสั่งเรียบร้อยแล้ว

แต่ที่พวกเขาไม่รู้เลย คือปีเตอร์ไม่ได้เป็นคนผลักวอร์เด็นจริงๆ แต่เป็นควินน์ต่างหากที่ถูกผลักเข้าไปแทน

หลังจากที่ได้ยินคำตอบของพวกเขา เอรินทำในสิ่งที่เธอควรทำแล้ว ก่อนจะเดินออกไปจากกลุ่มนี้

“เดี๋ยวสิ! เธอจะไม่ปล่อยพวกเราให้เป็นอิสระเหรอ?!” เบนตะโกน

“น้ำแข็งนั่นจะละลายในอีกไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจจะมีสักคนในศูนย์ฝึกที่ช่วยพวกนายได้ เพราะนี่คือบทลงโทษของพวกนายที่ปล่อยให้ฉันรอนาน แทนที่จะรีบบอกผู้หญิงคนนี้ในสิ่งที่เธอต้องการจะรู้”

ขณะที่เอรินกำลังจะเดินออกไปจากศูนย์ฝึกซ้อม เรย์ร่าก็รีบเดินตามเธอไปอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นนะ”

“นั่นไม่ใช่เพราะเธอ ฉันแค่เกลียดนักเวลาที่พวกผู้ชายมักคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงอย่างเรา ก็เลยแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นอยู่ในสถานะไหน”

ถึงแม้เรย์ร่าจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเอรินอย่างสิ้นเชิง แต่เธอรับรู้ได้ว่าเอรินจะไม่ใช่คนประเภทที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดกับคนที่อ่อนแอกว่า

ทว่ายังมีบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจเรย์ร่า ปีเตอร์ได้ลงมือผลักวอร์เด็นเข้าไปในประตูมิติจริงหรือเปล่า? และถ้าควินน์หายตัวไปด้วยอาจจะหมายความว่าพวกเขาตามไปช่วยกันใช่ไหม? เธอกลัวเหลือเกินกับความคิดที่ว่าชีวิตของพวกเขามีโอกาสที่จะจบลงบนดาวเคราะห์ที่พวกเขาไม่รู้จัก

ที่แย่ไปกว่านั้น เธอกลัวว่าควินน์อาจจะหิวจนเกินไปและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดูดเลือดเพื่อนของเขา

ในตอนนั้นเอง ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกประตู ประตูทางเข้าก็ถูกผลักเข้ามาและเห็นใบหน้าที่ดูคุ้นเคย เขาคือปีเตอร์

ทันทีที่เห็นเรย์ร่ายืนอยู่ ปีเตอร์ก็หันหลังกลับเพื่อวิ่งหนีทันใด แต่เอรินเอื้อมมือไปจับคอเสื้อเขาแล้วดึงกลับมา จากนั้น เธอก็กระแทกตัวเขาไปที่กำแพงก่อนที่เขาจะคิดหนีอีกครั้ง เธอวางมือลงบนไหล่เขาและเริ่มทำการแช่เขาไม่ให้ขยับไปไหนได้ ซึ่งตอนนี้เขาถูกตรึงไว้ที่กำแพงโดยสมบูรณ์

การที่ได้เห็นปีเตอร์ที่นี่ นั่นหมายความว่าเขามีแผนจะมาพบเอิร์ลกับคนอื่นๆ และเมื่อตัดสินจากการกระทำแปลกๆของเขา สิ่งที่พวกเอิร์ลพูดก็ถือว่าเป็นความจริง แต่เรย์ร่าต้องการจะฟังจากปากของเขา

“ปีเตอร์ บอกความจริงมาเถอะ นายผลักวอร์เด็นเข้าไปในประตูมิติจริงๆใช่ไหม?” เรย์ร่าถามขึ้น

“เธอจะทำร้ายฉันงั้นเหรอ?” ปีเตอร์ตอบ “เพราะเชื่อว่าฉันควรได้รับความเจ็บปวดที่สมควรได้รับใช่ไหม? ไม่ว่าเธอจะทำอะไรกับฉันก็ตาม เอาที่พอใจเลย ฉันรับประกันว่าฉันรับความเจ็บปวดแบบนั้นมามากเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้”

เอรินเริ่มสร้างแท่งน้ำแข็งเล็กๆที่ดูแหลมคมในมือของเธอ

“จริงเหรอ? ฉันมั่นใจว่าถ้าแทงที่ไหนสักแห่งบนตัวนาย จะทำให้นายอยากฆ่าตัวตายไปให้พ้นๆเลยล่ะ” เอรินพูด

เรย์ร่าจึงรีบพุ่งตัวไปลดมือของเอรินที่ถือแท่งน้ำแข็งลงและเริ่มคิดว่าเอรินคงจะมีปัญหาอื่นด้วยแล้ว

“เธอไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันบอกพวกเธอไป เธอเอาชนะพวกมันได้แล้วยังไงล่ะ? พวกเขาก็จะกลับมาแก้แค้นอยู่ดี แต่เธอคิดว่าพวกมันจะตามเธอ เอริน หรือวอร์เด็นงั้นเหรอ? ไม่ล่ะ เปล่าเลย พวกเขามาตามฉันไง เธอบอกว่าเธอปกป้องฉันได้ แต่นั่นมันนานแค่ไหนกันล่ะ? เธอจะช่วยจับตามองฉันตลอด 24 ชั่วโมงได้ไหม? และถ้าหากเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ฉันออกนอกโรงเรียนไปและพวกเธอไม่อยู่ที่นั่นล่ะ ชีวิตทั้งหมดของฉัน ถูกตัดสินตั้งแต่ก่อนที่จะมาเรียนที่นี่ด้วยซ้ำ”

ปีเตอร์น้ำตาเริ่มไหลออกมา

“ฉันไม่อยากทำ.. ฉันไม่มีทางเลือก”

เรย์ร่ากำหมัดแน่นและพร้อมมากที่จะชกเขาสักทีสองที เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ที่ผ่านมาควินน์ช่วยเหลือปีเตอร์และคอยสนับสนุนเขาเสมอ แม้ว่าเธอจะไม่ชอบวอร์เด็น แต่เธอก็รู้ดีว่าวอร์เด็นก็คอยดูแลเขามาตลอดเหมือนกัน

เมื่อเห็นใบหน้าที่อาบไปด้วยคราบน้ำตาของปีเตอร์ เอรินก็ปล่อยมือของเธอลงข้างลำตัว

“นายไม่คุ้มค่าให้ฉันแตะต้องหรอกปีเตอร์ สำหรับฉัน นายช่างน่ารังเกียจ”

จากนั้นเอรินก็หันหลังกลับไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้าย

“นายมีทางเลือกเสมอ”

My Vampire System

My Vampire System

Status: Ongoing

เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ ดัลกิที่ชั่วร้าย และเมื่อพวกเขานั้นต้องการความช่วยเหลือที่มากขึ้น มนุษย์กลุ่มหนึ่งจึงต้องออกโรง

พวกเขาเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และพวกเขาก็เป็นผู้มีความสามารถพิเศษ

บางคนเลือกที่จะแบ่งปันความรู้ของพวกเขากับมนุษย์คนอื่นๆในโลก ด้วยความหวังว่าจะชนะสงครามครั้งนี้ ในขณะที่บางคน ยังคงเก็บซ่อนความสามารถไว้เพื่อตัวของเขาเอง

ควินน์สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปในสงคราม ทั้งบ้านและครอบครัวของเขา สิ่งเดียวที่เขาเหลือคือหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เขาไม่สามารถจะเปิดมันได้

แต่เมื่อหนังสือเปิดออก ในที่สุดควินน์ก็ได้รับระบบซึ่งคอยมอบภารกิจต่างๆ ให้เขาทำ และสุดท้ายทั้งชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไป

ยิ่งเขาทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไหร่ เขาก็มีพลังมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งระบบได้มอบภารกิจหนึ่งให้แก่เขา และเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทำมันได้สำเร็จ

“ถึงเวลากินอาหารแล้ว!”

“คุณต้องดื่มเลือดมนุษย์ภายใน 24 ชั่วโมง”

“HP ของคุณจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท