Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1186 : หลิงหยุนกลับบ้าน!

บทที่ 1186 : หลิงหยุนกลับบ้าน!
  หลังจากที่ร่างของเย่ซิงเฉินดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปจนอัดแน่นและร่างกายไม่สมารถรับไว้ได้อีกแล้วนั้น เย่ซิงเฉินจึงปลดปล่อยให้ตนเองเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นในทันที..
ตูม!
เย่ซิงเฉินรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายในร่างกายและในที่สุดนางก็สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 ได้ในทันที แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น..
เพราะทันทีที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9แล้ว จุดตันเถียนของเย่ซิงเฉินก็ขยายใหญ่ขึ้นจากเดิมนับสิบเท่าอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน..
และในเมื่อจุดตันเถียนขยายเส้นลมปราณทั้งหมด และจุดฝังเข็มทั้ง 365 จุดทั่วร่างนั้น ก็ได้ขยายตัวด้วยเช่นกัน!
เย่ซิงเฉินถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ..และรู้ด้วยตัวเองว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงได้รบเร้า และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 เช่นนี้!
หลังจากที่จุดตันเถียนและเส้นลมปราณทั่วร่างขยายใหญ่ขึ้น เย่ซิงเฉินจึงไม่รีรอ และเริ่มใช้วิชาสุญญตาดูดดาวดึงเอาพลังดวงดาวบนท้องฟ้าเข้าไปเก็บไว้ที่่จุดตันเถียนของตนอีกครั้ง..
ขั้นตอนนี้นับว่าใช้เวลานานไม่น้อยทีเดียว..เย่ซิงเฉินใช้เวลาถึงสองชั่วโมง กว่าที่จะสามารถดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปเก็บไว้ในจุดตันเถียนใหม่ของตนเองจนเต็ม
เมื่อสัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนเส้นมลมปราณทั่วร่าง และจุดฝังเข็มทั้ง 365 จุดของตนมีพลังดวงดาวผนึกแน่นจนไม่สามารถรับไว้ได้อีกแล้ว เย่ซิงเฉินจึงเริ่มโคจรพลังดวงดาวที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายนี้ ให้พุ่งเข้าสู่จุดซือไห่ตรงกึ่งกลางหว่างคิ้วของตนทันที!
เมื่อใดที่จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วนี้ถูกทะลวงได้แล้วจิตหยั่งรู้หรือดวงตาที่สามอันแท้จริงก็จะถือกำเนิดขึ้น!
พลังดวงดาวที่บริสุทธิ์และทรงพลังมากมายได้รวมตัวกันเป็นเกลียวคล้ายกระแสน้ำวน ก่อนจะพุ่งไปตามเส้นลมปราณ และทะลวงเข้าสู่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง..
ครืน..ครืน..
เสียงคล้ายกระแสคลื่นซัดเข้าสู่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินดังขึ้นอยู่ภายในครั้งแล้วครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วนและในเวลานี้เย่ซิงเฉินก็กำลังกัดฟันแน่น และเม็ดเหงื่อมากมายก็เริ่มผุดขึ้นอยู่เต็มหน้าผาก..
หลังจากที่เข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9แล้ว.. เย่ซิงเฉินคิดว่าจะสามารถใช้พลังดวงดาวที่ทรงพลังนี้ทะลวงเข้าจุดซือไห่ได้ไม่ยากนัก แต่กลับกลายเป็นว่าตนเองคิดผิดไปถนัด เพราะการจะทะลวงจุดซือไห่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากลำบากยิ่งนัก!
เพราะหลังจากที่จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินถูกพลังดาวดาวทะลวงจนเปิดออกได้เพียงเล็กน้อยมันก็ปิดกลับไปเช่นเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่เย่ซิงเฉินเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน!
เย่ซิงเฉินไม่เคยพบเจอกับความยากลำบาเช่นนี้มาก่อนนางจึงค่อนข้างหงุดหงิด และเริ่มที่จะกระวนกระวายใจ..
หลิงหยุนซึ่งยืนทำหน้าที่คุ้มกันให้อย่างใกล้ชิดนั้นเมื่อเห็นว่าเย่ซิงเฉินยังไม่สามารถทะลวงจุดซือไห่ของตนได้อยู่นาน จึงพอจะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และรีบร้องบอกให้นางคลายความกังวลใจทันที
“ซิงเฉิน..เจ้าไม่ต้องหงุดหงิดไป!”
“ยิ่งเจ้าใช้วิชาสุญญตาดูดดาวทะลวงจุดซือไห่ได้ยากเพียงใดประโยชน์ที่เจ้าจะได้รับคืนกลับมา ก็จะยิ่งเพิ่มพูนมาขึ้นเป็นทวีคูณ..”
“ดูเหมือนพลังดวงดาวของเจ้าจะยังไม่เพียงพอเจ้าถอยออกมา และดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปเพิ่มก่อน แล้วจึงค่อยทำการทะลวงจุดซือไห่ใหม่อีกครั้ง!”
หลิงหยุนรู้สึกอยู่ลึกๆในใจว่า..จุดซือไห่ของเย่ซิงเฉินนั้นอาจจะมีความแปลกประหลาดคล้ายกับจุดซือไห่ของตนเอง..
หลังจากที่ได้ยินคำพูดปลอบประโลมของหลิงหยุนจิตใจของเย่ซิงเฉินจึงเริ่มสงบลง แต่นางยังคงควบคุมพลังดวงดาวให้ทำหน้าที่ทะลวงจุดซือไห่ต่อไป ในขณะเดียวกันก็เริ่มใช้วิชาสุญญตาดูดดาวดึงเอาพลังดวงดาวเข้าไปในร่างกายราวอย่างบ้าคลั่ง..
จนกระทั่งผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง..เย่ซิงเฉินเริ่มรู้สึกว่าพลังดวงดาวในร่างของตนนั้นเข้าสู่จุดสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้งแล้ว จึงได้กัดฟันรวบรวมพลังดวงดาวที่หมุนเป็นเกลียวอยู่ในจุดตันเถียน ให้เคลื่อนไปตามเส้นลมปราณ ก่อนจะพุ่งตรงเข้าสู่จุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของตนอีกครั้ง..
สีหน้าของหลิงหยุนเวลานี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด..เขารู้ว่านี่คือช่วงนาทีแห่งอันตราย หลิงหยุนจึงเฝ้าระมัดระวังอย่างไม่ให้คลาดสายตา และเตรียมพร้อมที่จะเผาหยดเสินหยวนเพื่อช่วยเย่ซิงเฉินในทันทีหากมีเกิดอะไรขึ้น..
ปัง!
ในที่สุด..จุดซือไห่ซึ่งอยู่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเย่ซิงเฉิน ก็ได้ถูกพลังดวงดาวที่แข็งแกร่งทะลวงผ่านเข้าไปได้สำเร็จ!
เย่ซิงเฉินรู้สึกราวกับว่า..เวลานี้ทั่วทั้งร่างกายของนางนั้นไม่ว่าจะเป็นจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่าง รวมทั้งจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วนั้น ล้วนมีพลังดวงดาวอัดแน่นอยู่อย่างท่วมท้น
และเวลานี้จุดซือไห่ก็ได้เปิดออกแล้ว..เย่ซิงเฉินสัมผัสได้ว่าจุดซือไห่ของตนนั้น คล้ายกับมีพลังปราณหมุนวนอยู่อย่างต่อเนื่อง..
เย่ซิงเฉินรู้สึกว่า..พลังปราณที่หมุนเป็นเกลียวอยู่ภายในจุดซือไห่ของนางนั้น หมุนรวดเร็วเสียยิ่งกว่าพลังปราณที่อยู่ในจุดตันเถียนของตนนับสิบเท่า อีกทั้งยังทอแสงประกายระยิบระยับคล้ายกับว่ามีดวงดาวนับล้านปะปนอยู่ในพลังปราณเหล่านั้นด้วยจริงๆ!   หลังจากที่พลังปราณนี้รวมตัวเป็นเกลียวแล้วมันก็เริ่มเคลื่อนไปตามเส้นลมปราณได้เองโดยที่เย่ซิงเฉินไม่ต้องทำการเดินลมปราณเลยแม้แต่น้อย และเวลานี้ภายในร่างกายของเย่ซิงเฉิน ก็ด็ราวกับเป็นท้องฟ้าที่ดาดาดไปด้วยดวงดาวมากมาย..
ตูม!
สิ้นเสียงระเบิดภายในร่างกาย..เย่ซิงเฉินสัมผัสได้ว่าเวลานี้การรับรู้ของตนนั้น ได้ขยายขอบเขตออกไปไกลถึงหนึ่งกิโลเมตร.. เพิ่มเป็นสองกิโลเมตร.. และขยายไปจนถึงสามกิโลเมตร..
เวลานี้..รัศมีการรับรู้ของเย่ซิงเฉินได้ขยายออกไปไกลถึงสามกิโลเมตรเลยทีเดียว!
เย่ซิงเฉินมีความสุขอย่างมาก..เพราะเวลานี้นางสามารถมองเห็นทุกอย่างได้รอบตัว และมีรัศมีครอบคลุมไกลถึงสามกิโลเมตรเลยทีเดียว อีกทั้งภาพที่่เห็นยังเป็นภาพที่ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งนัก!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบร้องบอกเย่ซิงเฉินทันที“ซิงเฉิน.. รวมกายใจเป็นหนึ่ง ดึงเอาพลังดวงดาวเข้าไปเก็บไว้ในร่างให้เต็มเปี่ยมอีกครั้ง!”
เย่ซิงเฉินไม่รอช้าและรีบทำตามคำแนะนำของหลิงหยุนทันที!
จนกระทั่งเข้าสู่เวลาตีสามครึ่ง..เย่ซิงเฉินจึงดูดเอาพลังดวงดาวเข้าไปในร่างจนเต็มเปี่ยมอีกครั้ง จากนั้นจึงใช้พลังจิตที่แข็งแกร่งของตนควบคุมให้พลังปราณที่หมุนอยู่นอกร่างกายกลับเข้าไปดังเดิม แล้วกระโดดลงมาที่พื้นทันที..
“ฮู่ว..”
หลิงหยุนพ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งอกทันทีและเวลานี้เขาก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก..
ตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มไปจนถึงตีสามครึ่ง..เย่ซิงเฉินใช้เวลาในการพัฒนาขั้นของตนเองนานถึงห้าชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว และตลอดระยะเวลาตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น นางไม่แม้แต่จะปริปากขอความช่วยเหลือจากหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
“หลิงหยุน..นี่ช่างเป็นความรู้สึกที่.. ที่..”
เย่ซิงเฉินเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจไปทั่วทั้งหุบเขาและในรัศมีสามกิโลเมตร.. ภาพต้นไม้ใบหญ้าก็ปรากฏขึ้นในการรับรู้ของนางอย่างน่าอัศจรรย์!
“รับรู้ได้ในรัศมีกี่เมตรงั้นรึ”หลิงหยุนร้องถามออกไปทันที
“เช่นเดียวกับเจ้า..สามกิโลเมตร!”
เย่ซิงเฉินร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจและมีความสุขยิ่งนัก!
“……”
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก..
‘ขั้นซานฉางชี่..น่าทึ่งมากจริงๆ!’
ครั้งนี้เย่ซิงเฉินสามารถเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9ได้แล้ว และจิตหยั่งรู้ของนางที่จุดซือไห่นั้นกลับอยู่ในขั้นซานฉางชี่..
แต่คำพูดประโยคต่อไปของเย่ซิงเฉินกลับทำให้หลิงหยุนตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น..
“หลิงหยุน..ข้าเพบว่าที่จุดซือไห่ของข้ามีพลังปราณหมุนวนอยู่อย่างรวดเร็ว และพลังปราณนั้นก็ดูเหมือนจะมีดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังทอแสงระยิบระยับอยู่ด้วย มันน่าอัศจรรย์มากจริงๆ!”
“เอิ่ม..”
หลิงหยุนจ้องมองเย่ซิงเฉินด้วยความตกตะลึงและคิดว่าช่างเป็นจุดซือไห่ที่ประหลาดล้ำลึกยิ่งนัก พร้อมกับคิดอยู่ในใจว่า
‘ผู้ที่มีกายดาราสามารถฝึกวิชาสุญญตาดูดาวได้ผลน่าทึ่งถึงเพียงนี้เชียวรึ!’
หลิงหยุนได้แต่คิดว่าหากเย่ซิงเฉินฝึกใช้พลังเหนือธรรมชาติจะน่ากลัวมากเพียงใด!
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจจากนั้นจึงเรียกกระบี่เหินเงาธนูออกมา เขาใช้พลังจิตควบคุมให้กระบี่เหินเงาธนูให้ขยายยาวขึ้นสองเมตร และกว้างหนึ่งฟุต จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปยืนบนตัวกระบี่ และใช้พลังจิตของตนบังคับควบคุมกระบี่ให้เคลื่อนที่!
“บินได้!”
ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตที่แกร่งกล้าของหลิงหยุนกระบี่เหินเงาธนูพาหลิงหยุนทยานขึ้นฟ้าในทันที..
…..
หลิงหยุนเหยียบอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูที่เหาะไปรอบๆภูเขาพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
ขั้นตอนการใช้กระบี่เหาะเหินไปบนอากาศนั้นมีข้อจำกัดอะไรบ้างอย่างนั้นหรือ
ก่อนอื่น..คนผู้นั้นจะต้องมีกระบี่เหินของตนเอง และกระบี่เหินนี้ก็จะต้องสามารถขยายขนาดได้กว้างอย่างน้อยหนึ่งฟุต!
ถัดมา..กระบี่เหินเล่มนี้จะต้องสามารถล่องลอยไปในอากาศได้ และจะต้องใช้พลังจิตควบคุมให้สามารถบินไปได้อย่างอิสระ หรือแม้กระทั่งบังคับให้ลอยนิ่งไม่เคลื่อนไหว..
สุดท้าย..ต้องมั่นใจว่าตนเองจะสามารถทรงตัวอยู่บนกระบี่เหินได้โดยไม่ตกลงมา ไม่ว่ากระบี่เหินจะบินไปด้วยความเร็วมากเพียงใดก็ตาม หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนทางอย่างกะทันหัน!
หากไม่มีครบทั้งสามข้อนี้..ก็ไม่สามารถใช้กระบี่เหินเหาะเหินเดินอากาศได้!
เย่ซิงเฉินที่เพิ่งจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9ได้ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง..
“นี่เจ้า..!”
หลิงหยุนบังคับกระบี่เหินให้เหาะไปรอบๆเขาและบินวนกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นนับสิบรอบ จากนั้นจึงกระโดดลงมาหาเย่ซิงเฉินที่อยู่ด้านล่าง..
กระบี่เหินเงาธนูยังคงหยุดนิ่งอยู่บนอากาศเช่นนั้น..   เย่ซิงเฉินร้องถามออกมาด้วยความตื่นเต้น“หลิงหยุน.. เจ้าเคยบอกว่าข้าว่าจะสามารถใช้กระบี่เหาะเหินไปในอากาศได้ จะต้องเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ก่อนไม่ใช่รึ”
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงสามารถทำได้!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับยกมือเกาศรีษะแล้วจึงอธิบายให้เย่ซิงเฉินฟัง.. “ปกติแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น! เพียงแต่คืนนี้จิตหยั่งรู้ของข้าทรงพลังยิ่งนัก ทำให้ข้าสามารถใช้พลังจิตควบคุมสั่งการให้กระบี่เหาะเหินได้..”
เดิมทีหลิงหยุนคิดว่าตนจะต้องเผาเสินหยวนเพื่อที่จะสามารถทำให้กระบี่พาตนเหาะเหินไปได้ แต่เมื่อเขาลองใช้เพียงแค่จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังของตนดู กลับพบว่าเขาสามารถสั่งการให้กระบี่เหินขึ้นฟ้าได้..
จากนั้น..หลิงหยุนก็หันไปบอกกับเย่ซิงเฉินว่า “เร็วเข้า.. พวกเราออกไปเหาะเล่นกันดีกว่า!”
เย่ซิงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่เหินเงาธนูหลิงหยุนใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบเอวบอบบางของนางพร้อมกับสั่งว่า..
“ไปได้!”
สิ้นคำสั่งของหลิงหยุน..กระบี่เหินเงาธนูก็เอียงขึ้นฟ้าทำมุมสี่สิบห้าองศากับพื้นดินทันที แล้วจึงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อ๊ะ..”
เย่ซิงเฉินไม่ทันได้ระวังตัวจึงเซเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุนหลิงหยุนรีบโอบกอดร่างที่มีกลิ่นหอมอบอวลนั้นไว้ทันที
“นี่เจ้า..”เย่ซิงเฉินร้องออกมาด้วยความเขินอาย และใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ
“ฮ่า..ฮ่า.. ข้าจะพาเจ้าบินชมแม่น้ำและภูเขาที่งดงาม!”
ทั้งคู่บินอยู่เหนือพื้นดินราวห้าร้อยเมตรความรู้สึกที่ได้เหาะไปด้วยกระบี่เหินนั้น ช่างเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ไม่น้อย และเวลานี้เย่ซิงเฉินที่อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนก็หยุดดิ้นรน และดื่มด่ำอยู่กับทัศนียภาพที่สวยงามแทน..
ผ่านไปเพียงแค่ห้านาที..กระบี่เหินเงาธนูก็บินไปได้ไกลถึงยี่สิบกิโลเมตร แต่แล้วก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง เย่ซิงเฉินร้องออกมาอย่างตกใจ
“หลิงหยุน..พวกเราจะตกลงไปหรือไม่”
“ข้าไม่ทำเจ้าตกลงไปแน่!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับจัดการเผาเสินหยวนสิบสองหยดทันที ทำให้จิตหยั่งรู้ของเขาทรงพลังมากยิ่งขึ้น และสามารถบังคับกระบี่เหินเงาธนูให้บินต่อไปได้อย่างราบรื่น..
แต่นั่นก็ทำให้หลิงหยุนได้รู้ว่า..หากไม่เผาเสินหยวน.. ตนเองจะสามารถควบคุมกระบี่เหินเงาธนูให้พาเหาะเหินไปได้ราวห้าสิบกิโลเมตร แต่หากบินไปพร้อมกันสองคนก็จะเหลือระยะทางเพียงแค่ยี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น!
แต่เวลานี้..จุุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้นมีเสินหยวนอยู่มากกว่าห้าพันหยด จึงแทบไม่ต้องกังวลว่าจะตกลงไปเมื่อใด!
หลังจากที่ทั้งคู่บินไปได้ครู่หนึ่งเย่ซิงเฉินซึ่งเริ่มปรับตัวได้จึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “หลงหยุน.. เจ้ามาอยู่กับข้าเช่นนี้ ลุงสองของเจ้ากับเหล่ากุ่ยจะไม่เป็นห่วง และกำลังตามหาเจ้าหรอกรึ”
“….”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนนิ่งเงียบไปจึงพูดต่อว่า “ทั้งเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือของเจ้า ล้วนแล้วแต่เก็บอยู่ในแหวนไม่ใช่รึ ข้าเกรงว่าหากพวกเขาติดต่อเจ้าไม่ได้ ก็จะพากันออกตามหาด้วยความร้อนใจน่ะสิ!”
“ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร..เจ้าควรจะกลับไปเผชิญหน้า และจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย!”
เย่ซิงเฉินเอ่ยแนะนำหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..
‘ใช่แล้ว..กลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาและจัดการแก้ไขให้เรียบร้อย!’
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ได้.. ข้าจะเชื่อฟังเจ้า! พรุ่งนี้ข้าจะกลับตระกูลหลิง!”
จากนั้นหลิงหยุนก็บังคับกระบี่เหินเงาธนูให้บินกลับไปที่กระท่อมหลังน้อยของเย่ซิงเฉินทันทีและทั้งคู่ก็กลับถึงกระท่อมในเวลาตีสี่พอดี ซึ่งเป็นเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสวแล้ว..
หลิงหยุนเรียกเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถืออกมาจากแหวนจักรวาล เขาพร้อมที่จะติดต่อกับโลกภายนอกอีกครั้ง และพร้อมที่จะลงมือจัดการกับปัญหาต่างๆแล้ว!
เย่ซิงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงรีบปลีกตัวออกไปฝึกวิชาทิ้งให้หลิงหยุนได้อยู่เพียงลำพังเพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
เพียงแค่หลิงหยุนเปิดเครื่องมือสื่อสารและโทรศัพท์มือถือ.. โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นไม่หยุด หลิงหยุนจึงได้แต่พึมพำกับตัวเอง  “เฮ้อ..Miss Call เป็นร้อยๆสายเช่นนี้ หลายคนคงกำลังตามหาตัวข้าอยู่สินะ!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงเริ่มอ่านข้อมความต่างๆที่ส่งเข้ามาซึ่งมีทั้งจากหนิงหลิงยู่ ถังเมิ่ง หลิงซิ่ว เกาเฉินเฉิน หลิงเย่ว และโม่วู๋เตา
ส่วนฉินตงเฉวี่ยนั้นส่งข้อความผ่านทางเครื่องมือสื่อสารแทน..
……
ไม่เพียงเท่านั้น..ยังมีข้อความอีกมากมาย หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้มองผ่านข้อความทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และข้อความต่างก็อยู่ในสมองของเขาหมดแล้ว
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นและหันมองไปทางตัวเมือง พร้อมรำพึงรำพันกับตัวเอง..
“ได้เวลากลับบ้านแล้วสินะ!”
ในวันที่5 กันยายน.. หลังจากรับประทานอาหารเช้ากับเย่ซิงเฉินแล้ว หลิงหยุนจึงได้ร่ำลานาง และมุ่งหน้ากลับเข้าตัวเมืองปักกิ่งทันที!
Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท