ประตูของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้เป็นประตูอิเล็กทรอนิกส์กว่าประตูจะปิดสนิทจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 วินาที แม้ว่าเวลาจะสั้นแต่สำหรับจี้เฟิงเวลา 10 วินาทีมันก็มากพอที่เขาจะหันและกลับเข้าไปข้างในได้ทัน
หวังอี้ฉวนกลัวว่าจี้เฟิงจะกลับเข้ามาเขาจึงยืนติดกับประตูและคอยจ้องมองจี้เฟิงอย่างใกล้ชิดคอยดูทุกการเคลื่อนไหว
แต่เมื่อจี้เฟิงแค่หันหน้ามาสีหน้าของหวังอี้ฉวนก็ซีดลงทันทีและเหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาที่หลังของเขา ความกล้าที่เขารวบรวมมาทั้งหมดมลายหายไปทันทีเมื่อถูกสายตาอันเย็นชาของจี้เฟิงจ้องมองมา แต่เขารู้ดีว่าถ้าตอนนี้เขาหันหลังและวิ่งหนีไปอย่าว่าแต่ถูกไล่ออกเลยลำพังแค่จะได้อาศัยอยู่ที่เจียงโจวต่อไปได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ดังนั้นแม้ว่าขาของเขาจะสั่นแต่หวังอี้ฉวนก็ยังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ไปไหน จี้เฟิงมองเขาอย่างเย็นชาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หันกลับมาและเดินไปที่ถนน
หวังอี้ฉวนผ่อนลมหายใจออกมาทันทีราวกับว่าพลังทั้งหมดของร่างกายได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้วเขาทรุดลงกับพื้นพร้อมกับหอบหายใจอย่างแรง แต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่โล่งใจ
ในที่สุดมันก็สำเร็จตราบใดที่จี้เฟิงออกไปจากประตูนี้มันก็ยากที่เขาจะได้กลับเข้ามาอีกครั้ง ตอนนี้จางหย่งเฉียงน่าจะมาถึงแล้วเหลือเพียงแค่รอให้จี้เฟิงเดินออกไป
แม้จี้เฟิงจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการกระทำของหวังอี้ฉวนแต่จางเล่ยรู้สึกโกรธมาก
เขาคำรามลั่น หวังอี้ฉวน! คุณกำลังทำอะไร!
ใบหน้าสวยๆของหลี่ลู่หนานก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นกันเห็นได้ชัดว่าเธอตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จู่ๆหวังอี้ฉวนก็ปิดประตูหลังจากที่จี้เฟิงออกไป เขาต้องการจัดการกับคนในร้านหรือมีคนภายนอกจะจัดการกับจี้เฟิง
ถ้านึกจากคำพูดของจี้เฟิงที่เพิ่งพูดกับเธอก่อนจะออกไปว่าให้เธอปกป้องเพื่อนของเขาด้วยถ้ามีอะไรเกิดขึ้นดังนั้นความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือต้องมีคนต้องการจะจัดการกับจี้เฟิง!
ใบหน้าของหลี่ลู่หนานแดงก่ำด้วยความโกรธเธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก คุณเป็นใคร! แล้วทำไมคุณถึงต้องปิดประตู คุณรู้หรือเปล่าว่านี่เป็นอาชญากรรม! รีบไปเปิดประตูเดี๋ยวนี้!
ไม่ต้องไปเสียเวลาคุยกับเขาหรอกเราไปเปิดกันเองเลยดีกว่า! จางเล่ยคำราม เขาเลือกที่จะวิ่งไปเปิดประตูด้วยตัวเองดีกว่ามาเสียเวลายืนพูดไร้สาระกับหวังอี้ฉวนอยู่ตรงนี้
หวังอี้ฉวนหวาดกลัวมากเขารีบเบี่ยงตัวหลบจางเล่ยที่พุ่งตรงไปที่ประตู
ไอ้เชี่ยเอ๊ย!ไอ้อ้วนนั่นเสือกล็อกรหัสผ่าน เมื่อจางเล่ยวิ่งไปถึงประตู เขาก็ก่นด่าสาปแช่งออกมาทันที ประตูของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้เป็นประตูอิเล็กทรอนิกส์มันถูกควบคุมด้วยลายนิ้วมือและรหัสผ่านซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ลายนิ้วมือของจางเล่ยและเขาก็ไม่รู้รหัสผ่าน
หลี่ลู่หนานรีบวิ่งไปและกำลังจะจับตัวหวังอี้ฉวนเพื่อบังคับให้เขาใช้ลายนิ้วมือในการเปิดประตู
แต่หวังอี้ฉวนรู้ตัวเขารีบวิ่งเข้าไปในกลุ่มจีนมุงที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ครั้งนี้เมื่อหวังอี้ฉวนเห็นจางเล่ยกับหลี่ลู่หนานกำลังไล่ตามจับตัวเขาก็ตะโกนออกมาทันที ทุกคนฟังทางนี้ ที่ผมไปปิดประตูก็เพราะได้ข่าวมาว่าอีกไม่นานจะมีแก๊งอันธพาลจำนวนมากกำลังจะมาที่นี่เพื่อมาแก้แค้นสองคนนี้ พวกคุณต้องการให้ผมเปิดประตูงั้นเหรอ
ไม่! ราวกับว่าพวกเขาผ่านการฝึกอบรมความพร้อมเพรียงมานับครั้งไม่ถ้วนลูกค้าและพนักงานทุกคนต่างตกอกตกใจและตะโกนออกมาทันทีอย่างพร้อมเพรียงกัน
คนเหล่านี้ได้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นหากประตูถูกเปิดพวกอันธพาลจะรีบเข้ามาแก้แค้นเด็กหนุ่มสองคนนี้อย่างแน่นอน แล้วถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยกับเรื่องนี้จะต้องได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน บางทีพวกเขาอาจได้รับลูกหลงจนบาดเจ็บ
เมื่อความเดือดร้อนมาถึงตัวระหว่างปล่อยให้คนอื่นซวยกับตัวเองอยู่รอดปลอดภัยพวกเขาต่างเลือกตัวเองโดยไม่ลังเลเลย
และในที่สุดด้านมืดอันเลวร้ายของมนุษย์ก็ได้ถูกเปิดเผยออกมา!
จางเล่ยและหลี่ลู่หนานถึงกับอึ้งอาจจะไม่ได้แปลกใจมากนักหากพนักงานของเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้จะยืนอยู่ข้างเดียวกับหวังอี้ฉวน แต่แม้แต่ลูกค้าที่คอยรอดูความตื่นเต้นก็ไม่ลังเลที่จะห้ามพวกเขาไม่ให้ไปเปิดประตู สิ่งนี้มันเหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ
โดนเฉพาะกับจางเล่ยเขารู้สึกโกรธมากในบรรดาเหล่าจีนมุงมีหลายคนกระซิบกระซาบกล่าวหาจางหย่งเฉียงกับผู้หญิงที่ชื่อหลัวหยิงเพื่อสนับสนุนตัวเขาและจี้เฟิง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้ว่าไม่มีความหวังที่จะเปิดประตูความโกรธเกรี้ยวของจางเล่ยก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ได้!กูจัดการเอง! จางเล่ยคำรามเสียงดังเขาคว้าเก้าอี้และวิ่งเข้าหาหวังอี้ฉวนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนพร้อมกับตะโกน ไอ้ลูกหมาหวังอี้ฉวน มึงตาย!
หวังอี้ฉวนมองจางเล่ยที่แทบจะหมดหวังร่างกายของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน แต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดทำให้เขารีบตะโกนออกมา ทุกคนอย่าปล่อยให้เขามาทำร้ายผม ไม่งั้นประตูจะเปิด!
ลูกค้าและพนักงานที่กำลังตกใจกับความบ้าคลั่งที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของจางเล่ยต่างตื่นตัวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่หวังอี้ฉวนตะโกนออกมา
บ้าหรือเปล่าพวกเขามีกันตั้งหลายคนทำไมจะต้องไปกลัวแค่คนคนเดียวแต่ถ้าปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้เปิดประตูได้ สิ่งที่จะทำให้พวกเขาต้องหวาดกลัวจริงๆจะเข้ามาในนี้!
และทันใดนั้นเองผู้คนหลายสิบคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าต่างพากันหยิบคว้าเฟอร์นิเจอร์ใกล้ๆมือไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้หรือไม้แขวนเสื้อฟาดใส่จางเล่ยทันที
ย๊ากกกก~~!
เฟอร์นิเจอร์นับโหลกำลังจะฟาดมาที่จางเล่ยแต่เขาไม่สนใจ มีเพียงความคิดเดียวที่อยู่ในใจของเขาตอนนี้คือเขาจะต้องลากตัวหวังอี้ฉวนเพื่อไปเปิดประตูให้จี้เฟิงกลับเข้ามา เขาจะไม่มีวันปล่อยให้น้องชายของเขาไปเผชิญกับอันตรายคนเดียวโดยที่เขาได้แต่หลบซ่อนตัวอยู่ในนี้!
เดิมทีจางเล่ยคิดว่าจางหย่งเฉียงคงจะโทรตามผู้ช่วยเพียงไม่กี่คนเท่านั้นและคนเหล่านั้นจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อจี้เฟิงอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นย่านใจกลางเมือง จางหย่งเฉียงคงไม่กล้าก่อเรื่องที่มันใหญ่โตมากเกินไป จางเล่ยจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อกับจี้เฟิงเพื่อรอการมาของจางหย่งเฉียง แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินหวังอี้ฉวนพูดว่าจะมีอันธพาลจำนวนมากมาที่นี่ มันทำให้เขาหวั่นวิตกขึ้นมาทันที แม้ว่าจี้เฟิงจะมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแต่เขาจะต่อสู้กับจำนวนคนที่มากกว่าขนาดนั้นได้ยังไง!
ระวัง! ทันใดนั้นเสียงอุทานก็ดังขึ้นและร่างที่สูงเพรียวก็รีบวิ่งมาจากด้านข้างคว้าตัวจางเล่ยและล้มกลิ้งไปพร้อมกัน
เปรี้ยง!!!
ตรงที่ที่จางเล่ยเคยอยู่มีเฟอร์นิเจอร์หลายสิบชิ้นตกลงกระแทกพื้นพร้อมๆกัน
ฉันจะไปลากตัวมันมาให้ได้! จางเล่ยตะโกนและกำลังจะลุกขึ้น
หลี่ลู่หนานรั้งเขาไว้และตะโกน ใจเย็นๆสิ! คุณตัวคนเดียวจะไปเอาชนะพวกเขาตั้งหลายคนได้ยังไง สิ่งที่คุณจะต้องทำในตอนนี้คือแจ้งให้จี้เฟิงรู้และบอกให้เขาหนีไปโดยเร็วที่สุด!
คุณจัดการให้ฉันหน่อยแล้วกันฉันจะไปลากคอไอ้ลูกหมาหวังมาให้ได้! จางเล่ยรีบยื่นโทรศัพท์ให้หลี่ลู่หนาน เบอร์แรกเป็นเบอร์ของเขา พวกเราเป็นพี่น้องกัน ถ้าน้องชายของฉันเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่ข้างนอกนั่น พี่ชายที่อยู่ข้างในคนนี้ก็จะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่! Aileen-novel
จางเล่ยหัวเราะและลุกขึ้นยืนเขาคว้าไม้แขวนเสื้อสเตนเลสและเดินทีละก้าวไปที่หวังอี้ฉวนที่ถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน สีหน้าของเขาดูลำบากใจเล็กน้อยที่เมื่อกี้เขาถูกหลี่ลู่หนานช่วยจนล้มกลิ้งไป แต่ใบหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ ต่อให้ตรงหน้าเขาเป็นนรกเขาก็ยังจะคงเดินเข้าไปและจับไอ้สัตว์นรกหวังอี้ฉวนมาให้ได้
ในขณะนั้นเองฝูงชนที่รายล้อมหวังอี้ฉวนอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกพวกเขาหวาดกลัวกับออร่าของจางเล่ยอย่างไม่รู้ตัว สายตาของพวกเขาจ้องมองไปที่จางเล่ยอย่างว่างเปล่าและหยุดการกระทำของเขา
ผู้คนเกือบทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงแค่ประชาชนคนธรรมดาแม้ว่าบางทีพวกเขาจะรวมตัวกันลุกขึ้นสู้เพราะถูกคนอื่นยุยงส่งเสริม แต่เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่พร้อมจะแลกทั้งหมดแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อเป้าหมายอย่างจางเล่ยในเวลานี้ มันก็ทำให้พวกเขาเริ่มหวาดกลัว
………………
นั่นไงมัน! ในรถบูอิคสีดำ จางหย่งเฉียงมองเห็นจี้เฟิงเดินอยู่บนบันไดหน้าประตูร้านเฟอร์นิเจอร์ ดวงตาของเขาฉายแววอาฆาตแค้นออกมาแว่บหนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันและคำราม ออกไปจากรถ และฆ่าไอ้ลูกหมาที่ยืนอยู่ตรงบันไดนั่น!
บางทีอาจเป็นเพราะเคยมีการกระทำที่คล้ายกันนี้มาก่อนรถเหล่านี้ติดตั้งอินเตอร์คอมอยู่ภายในรถ จึงทำให้ทุกคนได้ยินเสียงของจางหย่งเฉียงในทันทีอย่างชัดเจน ปึง!ปัง!
ประตูรถถูกเปิดจนสุดและมีคนมากกว่ายี่สิบคนก้าวลงมาจากรถอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกันและรีบวิ่งไปที่จี้เฟิงที่กำลังเดินลงมาจากบันไดในขณะที่วิ่งพวกเขาก็เอื้อมมือไปที่เอวของพวกเขาซึ่งมีอาวุธอย่างเช่นท่อเหล็กและมีดซ่อนอยู่
เฮ้ย!
กรี๊ดดด~!
ผู้คนที่เดินอยู่บนท้องถนนแถวนั้นต่างตะโกนออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นกลุ่มคนจำนวนมากเหมือนกับหมาป่าปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากพวกเขาพวกเขาต่างตื่นตระหนกและพากันวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปทั่วเพราะกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองที่พลุกพล่านติดกับเขตการปกครองของรัฐมีคนเดินเท้าจำนวนมากบนถนนอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามหลังจากที่อันธพาลกว่ายี่สิบคนปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทุกคนก็พากันแตกตื่นและกระจัดกระจายไปรอบๆราวกับคลื่นน้ำเวลามีหินกระทบ พวกเขาต่างพากันถอยห่างให้ไกลจากกลุ่มอันธพาลแต่ถึงแม้จะตกใจกลัวพวกเขาก็ยังคงหนีไปอยู่ในจุดที่ระยะสายตาของตัวเองจะมองเห็น
ในขณะที่พวกเขาถอยออกไปตั้งหลักได้แล้วและเมื่อเห็นว่ากลุ่มอันธพาลที่ดูดุดันราวกับหมาป่าไม่ได้มีเป้าหมายที่พวกเขาความอยากรู้อยากเห็นก็ผุดขึ้นมาทันทีอย่างอดไม่ได้ พวกเขาค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ขึ้นเล็กน้อยจนก่อตัวกลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปในระยะที่พวกเขาจะปลอดภัยแต่ก็ยังคงมองเห็นเหตุการณ์ได้
พวกเขาต่างมองตามกลุ่มคนที่วิ่งตรงไปอย่างมีเป้าหมายและในที่สุดพวกเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบปี
ชายหนุ่มคนนั้นกำลังเดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆโดยไม่มีความตื่นตระหนกใดๆบนใบหน้าของเขาช่างดูสงบราวกับว่าเขาไม่ได้กำลังจะเผชิญหน้ากับกลุ่มอันธพาลที่ดุร้ายไม่ต่างจากหมาป่ากระหายเหยื่อ แต่เป็นเพียงแค่กลุ่มลูกแกะที่ไม่มีภัยคุกคามใดๆ
ในมหานครแห่งนี้ซึ่งถือได้ว่าการรักษาความปลอดภัยสาธารณะอยู่ในระดับที่ดีแม้ว่าจะมีเรื่องราวด้านมืดอยู่บ้างแต่มันก็อยู่ห่างไกลจากพวกเขาเกินไปและแทบจะไม่มีให้เห็นในเวลาปกติ
เช่นเดียวกับฉากที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นกับตาตัวเองเป็นครั้งแรกแม้จะมีความกังวลแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยไปกว่ากันพวกเขาต่างพากันเบิกตากว้างราวกับกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอะไรไป
จี้เฟิงถอดเสื้อแจ็คเก็ตของเขาออกและโยนมันไว้ที่ขั้นบันไดด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มเย็นๆที่มุมปากเขายังคงเดินไปข้างหน้าอย่างสงบนิ่ง
ฉากแบบนี้จี้เฟิงมีประสบการณ์ในระบบฝึกอบรมสายลับมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งตั้งแต่ถูกรุมกระทืบจนลงไปกองไม่ต่างจากซากหมาตายจนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น จี้เฟิงก้าวเดินไปทีละก้าว สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับกันยิ่งฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนคนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นและที่สำคัญตอนนี้ยังมีพื้นที่และรูปแบบต่างๆให้เขาได้เล่นสนุกมากขึ้นเพราะในการต่อสู้ไม่มีใครสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ตราบใดที่มันเป็นความร่วมมือระหว่างบุคคลมันจะต้องมีข้อบกพร่องอย่างแน่นอนแล้วถ้ายิ่งมีจำนวนคนมากขึ้นเท่าไหร่ข้อบกพร่องก็จะยิ่งมีมากขึ้นและโอกาสที่จะจี้เฟิงจะสามารถมองหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ก็จะมีมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน
แต่สถานการณ์ในร้านเฟอร์นิเจอร์นั้นแตกต่างกันจางเล่ยยังคงถูกยับยั้ง แต่ผู้ที่ยับยั้งเขาคือหลี่ลู่หนาน
ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจเธอไม่อาจนิ่งดูดายยืนดูจางเล่ยที่สิ้นหวังและไม่แยแสสิ่งอื่นใดนอกจากเป้าหมายเพียงอย่างเดียวแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรคนเหล่านี้ได้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้คือการห้ามจางเล่ย
อย่างไรก็ตามคำพูดธรรมดาไม่สามารถห้ามจางเล่ยได้เลยดังนั้นหลี่ลู่หนานจึงตะโกนว่า แทนที่จะเอาแรงมาสู้กับคนพวกนี้คุณควรจะสงบสติอารมณ์ลงก่อนและไปดูว่าจี้เฟิงกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า เพราะถ้าเขาไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ทำไมคุณจะต้องมาต่อสู้กับคนอื่นๆด้วยล่ะ
จางเล่ยเดินขึ้นไปที่ชั้นสองทันทีหลังจากฟังสิ่งที่หลี่ลู่หนานพูดแต่ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นทุกคนก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นสองและมองออกไปทางหน้าต่างด้วยเช่นกัน
จัดการมันซะ! จางหย่งเฉียงมองไปที่จี้เฟิงด้วยความเคียดแค้น จู่ๆเขาก็ลูบใบหน้าที่ถูกจี้เฟิงตบโดยไม่รู้ตัวแต่พอรู้สึกว่าปฏิกิริยาของเขามันน่าอายเกินไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า ใครหักแขนมันได้ฉันให้ข้างละสองหมื่น หักขาข้างละห้าหมื่น แต่ไม่ต้องฆ่ามันเพราะฉันจะเป็นคนฆ่ามันเอง!
มึงตาย!
อันธพาลสองคนที่อยู่หน้าสุดคว้าท่อเหล็กออกมาและคำรามพร้อมกับวิ่งเข้าหาจี้เฟิงอย่างบ้าคลั่ง!