ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1222 เสียงร้องเพลงดังขึ้นมา

บทที่ 1222 เสียงร้องเพลงดังขึ้นมา

“เก็บอวนขึ้นมา!” ฉินสือโอวขมวดคิ้วพลางออกคำสั่ง ชาร์คโบกมือไปมา ชาวประมงที่อยู่บนเรือสวมชุดดำน้ำที่เรียบง่ายและแข็งแรงลงทะเลไป พวกเขาใช้ส่วนด้านบนของอวนลอยกลางน้ำผูกเข้ากับเชือก ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งผูกเขากับเรือฮาวิซท จากนั้นก็ลากอวนลอยกลางน้ำขึ้นมา

พลังการทำลายของอวนลอยกลางน้ำนั้นแข็งแกร่งมาก ทรัพยากรประมงที่อุดมสมบูรณ์ การสูญพันธุ์อย่างมักง่ายเกิดขึ้นจากการทอดอวนลงไปสุ่มสี่สุ่มห้า ทำให้ได้รับทรัพยากรมาจำนวนมหาศาล

อวนจับปลาเต็มไปด้วยปลาต่างๆ มีปลาตัวใหญ่จำนวนมากแต่ที่มากกว่าคือปลาตัวเล็กๆ ฉินสือโอวเข้าไปดู มีทั้งปลาจะละเม็ด ปลาซันมะ ปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ ปลากะพงญี่ปุ่น ลูกปลาค็อด นอกจากนี้ยังมีปลาดาบเหนืออีกด้วย

ปลาดาบเหนือเป็นปลาชนิดพิเศษของมหาสมุทรแอตแลนติก ปลาดาบส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้น มีเพียงปลาดาบเหนือเท่านั้นที่ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะว่ายน้ำมาจากมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อมายังมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อวางไข่

ทักษะการว่ายน้ำของปลาชนิดนี้ค่อนข้างแย่ พวกมันเดินทางจากมหาสมุทรแปซิฟิกมายังมหาสมุทรแอตแลติกด้วยความยากลำบาก ปรากฏว่าเมื่อหลีกเลี่ยงจากปากฉลามและเรือประมงได้แล้ว ท้ายที่สุดแล้วกลับมาเจอเข้ากับอวนตาข่ายหลายชั้นนี้

“ไอ้ลูกผสมพวกนี้!” ฉินสือโอวโมโหจนตบหน้าปัดเรือยนต์ เขาพูดผ่านวิทยุสื่อสารออกมาอย่างร้ายกาจว่า “ฟังนะ ต่อไปหากเจอเข้ากับเรือขโมยปลา ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกมันต้องถูกจับและปฏิบัติตามกฎหมายการจับเต่ามะเฟืองทั้งหมด!”

เขามักจะใจอ่อนเกินไป เพราะเขาเข้าใจถึงความยากลำบากในการจัดการเรือประมง ทรัพยากรนอกชายฝั่งนั้นน้อยลงเรื่อยๆ ทุกคนที่ออกทะเลไปหากไม่ได้โชคกลับมาก็ต้องเสียเงินแทน ดังนั้นไม่ว่าจะต้องผ่านวิธีการอะไร ฉินสือโอวก็ยังคงหาทางออกให้พวกขโมยปลาเสมอ

อย่างน้อย เขาก็ไม่เคยทำร้ายชีวิตคนเลย

แต่ว่าตอนนี้เรือขโมยปลาชักจะทำเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่ว่าหว่านอวนลงมาในพื้นที่ฟาร์มปลาของเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้อย่างแน่นอน!

ฉินสือโอวตัดสินใจที่จะตอบโต้กลับ หลังจากนี้คราเคนจะไม่อ่อนโยนอีกต่อไป หากเจอเข้ากับเรือประมงอีก พวกมันจะต้องถูกทำลาย!

แต่ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ การได้รับผลผลิตของพวกเขาก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา บนอวนผืนนี้มีปลาจำนวนมากติดอยู่ด้านบน ปลาจำนวนเล็กใหญ่รวมกันหนักราวสองสามตัน โดยมีปลาค็อดแอตแลนติก ปลาแซลมอนแอตแลนติก ปลาแซลมอนโคโฮ ล้วนแต่เป็นปลาเศรษฐกิจอันมีค่าอยู่เป็นจำนวนมาก

พวกชาวประมงทำงานกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาแบ่งปลาตามขนาดตัวเล็กใหญ่ ฉินสือโอวเห็นกล่องใบหนึ่งเต็มไปด้วยลูกปลาที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ใจของเขาเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาพูดขึ้นออกมาว่า “กล่องใบนี้ให้ฉันเอาไปเองแล้วกัน ฉันจะเอาไปใช้ทำอย่างอื่น”

ลูกปลาก็มีข้อดีของมัน พ่อกับแม่อยู่ที่นี่ ทำให้เขานึกถึงอาหารรสเลิศจานหนึ่งที่ได้กินบ่อยๆ ตอนเด็ก ปลาทอดกระทะ ใช้ปลาพวกนี้ทำได้พอดีเลย

บนเรือปริ้นเซสเมล่อน ความยาวของอวนที่ลากมาค่อยๆ ลดลง ซีมอนสเตอร์ขับเรือไปข้างหน้า แบบนี้อวนจะค่อยๆ คลายออก กลายเป็นการวางตาข่ายดักศัตรู

ฉินสือโอวเลือกใช้อวนที่มีรูตาข่ายขนาดใหญ่ ปลาที่มีขนาดยาวต่ำกว่าหนึ่งเมตรโดยปกติจะไม่สามารถหนีหลุดไปได้ แต่ปลาที่มีความยาวมากกว่าหนึ่งเมตรจะต้องใจเย็นและฉลาด เพียงแค่อย่านอนติดอยู่กับด้านข้างอวน แบบนั้นก็จะสามารถหนีผ่านตาข่ายออกไปได้ง่าย

ทรัพยากรของฟาร์มปลามีจำนวนมาก เขาไม่กลัวว่าพวกมันจะลดจำนวนลงหรอก

เมื่อเทียบกับเรือฮาวิซท เรือปริ้นเซสเมล่อนเป็นเรือประมงระดับสูง ที่เรือมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ที่หางเรือมีหลอดไฟฮาโลเจนติดอยู่ สวิตช์ควบคุมอยู่ที่ห้องควบคุม ทั้งหมดแบ่งเป็นสามประเภท หลอดไฟล่อปลา ไฟลูกลอย และไฟสมอ

ปลาทะเลโดยเฉพาะปลาที่อาศัยอยู่บริเวณชั้นกลางของมหาสมุทรขึ้นไป พวกมันตอบสนองต่อแสงอย่างรุนแรง ปลาแองเกอร์ที่ฉินสือโอวพบเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็ใช้คุณสมบัตินี้ของมันในการล่อพวกมัน

ซีมอนสเตอร์เปิดไฟที่หางเรือ เรือปริ้นเซลเมล่อนเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการแล้ว

ที่หางเรือไม่เพียงมีแต่ไฟฮาโลเจนเท่านั้น ด้านในยังมีหลอดไส้ร้อนอยู่ หลอดไฟแบบนี้ราคาถูก มันเป็นหลอดแผ่รังสีความร้อน พวกมันเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานความร้อน พลังงานแสงและพลังงานรังสี ในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองความต้องการของแสงและความร้อนของปลาทะเล ดังนั้นแม้ว่าประสิทธิภาพในการให้แสงสว่างจะต่ำ แต่มันก็ยังคงถือว่าไม่ตกรอบ

ที่สำคัญกว่านั้นคือหลอดเมทัลฮาไลด์ หลอดประเภทนี้เป็นหลอดก๊าซดิสชาร์จ ประสิทธิภาพในการส่องแสงของมันสูงมาก เนื่องจากมีเมทัลฮาไลด์อยู่ในหลอด แสงที่ปรากฏออกมาเป็นแสงสีฟ้าสวยงาม ดวงไฟจะปล่อยแสงออกมาที่ระยะห้าร้อยยี่สิบนาโนเมตรและห้าร้อยหกสิบนาโนเมตร

นี่คือพลังของเทคโนโลยีสมัยใหม่ จากผลวิจัยที่หาได้ ปลาทะเลที่อยู่ในระดับชั้นกลางจะมีความไวต่อแสงมากที่สุดต้องอยู่ในช่วงระยะห้าร้อยหกสิบนาโนเมตร หากอยู่ในสภาพที่แสงไม่ดี จะมีความไวต่อแสงมากสุดห้าร้อยยี่สิบนาเมตร หากคลื่นความยาวนี้ถูกใช้เป็นระยะ พวกมันจะสามารถดึงดูดปลาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

เมื่อก่อนเรือฮาวิซทไม่มีคุณสมบัติแบบนี้ การลากอวนเมื่อก่อนใช้เทคนิคล่าขุมสมบัติห้าประการกับการหาแบบโซนาร์ แต่ว่าทั้งสองวิธีเป็นเพียงการตกปลาปกติ เพียงแค่รอปลามารวมกันเป็นฝูง หลังจากที่พวกเขาเจอปลา จึงจะจับได้

ตอนนี้เรือปริ้นเซลเมล่อน ใช้วิธีการตกปลาเป็นหลัก และใช้วิธีการใช้แสงล่อปลา พวกเขาจะสามารถรวมปลาที่กระจัดกระจายเข้ามารวมกันได้ พวกเขากวาดปลาเรียบไม่เหลือ แบบนี้จะทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น

ครั้งแรกที่ฉินสือโอวเห็นเรือประมงใช้เทคนิคนี้ เขาค่อนข้างแปลกใจจึงเข้าไปในห้องโดยสารเพื่อดูการทำงานของมัน

ซีมอนสเตอร์เคยออกทะเลไปไกล จึงคุ้นเคยกับเครื่องมือพวกนี้มาก เขาเปิดปุ่มกดที่เขียนว่าการไหลของน้ำและโคมไฟขึ้นมา แล้วพูดออกมาว่า “นี่เป็นโหมดใช้ไฟล่อปลา ตอนนี้ไฟที่ส่งบนผิวน้ำและในน้ำเปิดขึ้นพร้อมกัน เมื่อดวงไฟถูกปล่อยออกมา พวกมันจะลอยไปตามกระแสน้ำได้ แบบนี้จะสามารถขยายขอบเขตของกับดักได้”

เรื่องที่ต้องทำต่อเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ซีมอนสเตอร์นั่งลงบนที่นั่งโดยเท้าทั้งสองข้างวางอยู่ที่พนักวางเท้า จากนั้นก็ดื่มกาแฟอย่างสบายใจ เรื่องที่ต้องทำต่อไปนั่นก็คือการรอ รอให้โคมไฟล่อปลาล่อปลาทะเลกลุ่มใหญ่เข้ามา

เรือประมงเคลื่อนออกไปข้างหน้าช้าๆ ราวหนึ่งชั่วโมงแล้ว ซีมอนสเตอร์ก็เรอออกมาแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เริ่มสั่งให้ชาวประมงทำงาน “โอเค โอเค เพื่อนยากทั้งหลาย ฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว! พวกเรามาร้องเพลง ‘ป่าเบิร์ช’ และเริ่มรับของขวัญล้ำค่าจากทะเลกันเถอะ!”

พวกชาวประมงกู่ร้องหัวเราะขึ้นมา การทำงานในทะเลเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก พวกเขาจำเป็นจะต้องหาความสุขให้ตัวเอง บางครั้งเพลงเพลงเดียวก็สามารถทำให้พวกเขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ดังนั้นทุกคนจึงมักจะร้องเพลงด้วยกัน

พวกชาวประมงทุกคนมีเสียงอันแหบและดัง ไม่มีใครร้องเพลงเพราะเลยสักคน ดังนั้นจึงไม่มีใครหัวเราะเยาะกันและกัน ลูกคอของพวกเขาแต่ละคนเหมือนกับต้องคำสาป พวกเขาไม่สนใจทำนอง ขึ้นอยู่กับว่าเสียงของใครดังกว่า เสียงของคนนั้นก็กลืนเสียงของคนอื่นได้

การทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาแข่งขันกัน แต่เพราะมันเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง พวกชาวประมงเชื่อว่าการร้องเพลงในระหว่างที่จับปลานั้น ยิ่งร้องดังมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งจับปลาได้มากขึ้นเท่านั้น

เพลงดินแดนแห่งเบิร์ชสีเงิน จุดเริ่มต้นเกิดมาจากแตรใหญ่ของเรือประมงที่ดังขึ้นในสมัยก่อน พวกชาวประมงทำงานไปพลางโห่ร้องออกมา ฉินสือโอวได้รับความรู้สึกนั้นจนเขาก็ร้องเพลงออกมาเช่นกัน “ดินแดนแห่งเบิร์ชสีเงิน บ้านเกิดของบีเวอร์…ที่นั่นมีกวางตัวใหญ่ ว่ายน้ำได้อย่างอิสระ…แนวชายฝั่งหินของทะเลสาบสีฟ้า ฉันอยากจะกลับไปอีกครั้ง…”

เมื่อมาถึงท่อนที่ต้องร้องพร้อมกัน ความสนุกก็เกิดขึ้น “บูม ดี ดี บูม บูม บูม ดี ดี บูม บูม บูม! บูม! บูม!..”

ทุกคนตะโกนออกมาพร้อมกัน โดยเฉพาะบลูที่ตะโกนจนหน้าแดงและลำคอปูดโปน

แต่มันก็เป็นแบบที่พวกเขาเชื่อกัน ในขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่นั้น อวนขนาดใหญ่ก็ถูกลากขึ้นมาด้วยเครื่องจับปลา ในอวนจับปลาเต็มไปด้วยปลาค็อดแอตแลนติก ปลาแฮดดัค ปลาคาพีลิน ปลาหิมะ อวนจับปลาถูกย้ายไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของจากนั้นมันก็ถูกเปิดออก ราวกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ปลาจำนวนนับไม่ถ้วนไหลทะลักออกมาทันที!

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน