ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1246 การยื้อแย่งปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างบ้าคลั่ง

บทที่ 1246 การยื้อแย่งปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างบ้าคลั่ง

ผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่เข้าร่วมการประมูลมีทั้งหมด 68 ชนิด เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของฟาร์มปลานิวฟันแลนด์ หนำซ้ำนี่ยังเป็นช่วงที่มีผลผลิตน้อย หากว่าเป็นช่วงเก็บเกี่ยวแล้วล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องจัดงานประมูลแบบนี้เลย เพราะในช่วงเก็บเกี่ยวนั้นพวกเจ้าของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ไม่ขัดสนเรื่องเงินกันอยู่แล้ว

แน่นอนว่าพันธุ์ผลิตภัณฑ์ทางทะเลพวกนี้ยังมีพวกพันธุ์ผสมด้วย อย่างเช่นปลาค็อด ที่ฟาร์มปลาต้าฉินได้เสนอให้ถึงสี่สายพันธุ์ ฟาร์มปลาอื่นๆ ก็เสนอปลาค็อดด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าคุณภาพเทียบกับฟาร์มปลาต้าฉินไม่ได้ แต่ดีกว่าตรงที่ราคาจะถูกกว่า

อย่างเช่นปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติก ลูกปลาของฟาร์มปลาต้าฉินตั้งราคาที่หน่วยละสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา ตกเฉลี่ยลูกปลาตัวหนึ่งราคาสองดอลลาร์แคนาดา ราคานี้ไม่ถูกเลย สถิติของลูกปลาที่เติบโตในฟาร์มปลาคือร้อยละยี่สิบ หรือก็คือการจะเลี้ยงปลาตัวหนึ่งให้โตได้ แค่ต้นทุนก็ต้องใช้ไปสิบดอลลาร์แคนาดาแล้ว!

ราคาที่ฟาร์มปลาทั่วไปให้มาจึงถูกลงไปมาก ตอนหลังมีฟาร์มปลาแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ฟาร์มปลาไทเซล’ เสนอราคาปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกเริ่มต้นอยู่ที่หน่วยละแปดพันดอลลาร์แคนาดา ราคาประมูลที่ทั้งสองฝ่ายให้ต่างกันถึงสองเท่าครึ่ง!

แม้ว่าราคาลูกปลาของฟาร์มปลาต้าฉินจะสูง แต่ก็ยังเกิดการแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง นี่คือภาพเหตุการณ์ที่ฟาร์มปลาไทเซลไม่มีวันได้รับแน่นอน

ปลาของใครดี พวกเจ้าของฟาร์มปลารู้ชัดแจ่มแจ้ง แม้ว่าการเพาะเลี้ยง คุณภาพน้ำ และอาหารล้วนเป็นปัจจัยสำคัญของอุตสาหกรรมการประมง แต่ลูกปลาที่ดีสามารถเลี้ยงให้โตเป็นปลาที่ดีกว่าได้ จุดนี้ใช้หลักการเดียวกับการใช้สารเคมีปลูกพืชนั่นแหละ

ปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกของฟาร์มปลาต้าฉินครองตลาดปลาค็อดทั่วอเมริกาเหนือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเลี้ยงให้ได้คุณภาพเท่ากัน ขอแค่สามารถเลี้ยงให้เหมือนได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ก็สามารถทำกำไรได้มากแล้ว

เสียงชายที่สวมถุงมือขาวเพิ่งเงียบลง ก็มีคนรีบชูสมุดภาพในมือแล้วตะโกนว่า “หมายเลข 045 20,500!”

“โอเคครับ คุณหมายเลข 045 ให้ราคาที่ 20 500 ดอลลาร์แคนาดา ยังมีท่านไหนให้ราคาสูงกว่านี้ไหมครับ?” ชายที่สวมถุงมือถามพร้อมรอยยิ้ม

“หมายเลข 112 21,000!”

“ครับ คุณหมายเลข 112 ให้ราคาที่ 21,000 ดอลลาร์แคนาดา ไม่ทราบว่า…”

“หมายเลข 100 21,500!” เจ้าของฟาร์มปลาคนนี้ตะโกนตัดบทชายที่สวมถุงมือออกไปอย่างกระตือรือร้น

ราคาเริ่มไต่จาก 20,000 จากนั้นแค่ไม่กี่รอบราคาก็แตะที่ 25,000 ดอลลาร์แคนาดาแล้ว การเคาะราคาของเจ้าของฟาร์มปลานั้นค่อนข้างรอบคอบ ทุกครั้งที่พวกเขาเคาะจะเคาะเพียงครั้งละ 500 ดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น ไม่เคาะเกินกว่านั้น

ฉินสือโอวมองดูเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาเคาะราคากันอย่างสนอกสนใจ เขารู้สึกว่างานประมูลแบบนี้น่าสนใจกว่า โลกที่เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาเผยออกมานั้นค่อนข้างสมจริง ไม่เหมือนกับเศรษฐีเหล่านั้น ที่โยนเงินเหมือนกับโยนก้อนหิน

สินค้าประมูลชิ้นแรกก็เกิดการแย่งกันขึ้นมาแบบนี้ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี สีหน้าแมทธิว จินเปี่ยมไปด้วยความดีใจ ท่านฉินรู้สึกว่าตาเฒ่าคนนี้ขมวดคิ้วมาครึ่งปี ในที่สุดวันนี้ก็สามารถคลายลงได้แล้ว

หลังจากถึง 25,000 ดอลลาร์แคนาดาแล้ว เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาก็ยังไม่หยุดเคาะ สองหมื่นหกพันดอลลาร์แคนาดา สองหมื่นแปดพันดอลลาร์แคนาดา สุดท้ายสูงถึงสามหมื่นดอลลาร์แคนาดา!

โดนัลด์ก็เข้าร่วมการเคาะราคานี้ด้วย แต่เมื่อราคาถึงสามหมื่นดอลลาร์แคนาดาแล้ว ตัวเขาก็เริ่มอึกอัก นี่คือราคาสามหมื่นดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งหมื่นตัว ถ้าห้าหมื่นตัว งั้นก็เป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดาเลยนะ!

ไม่ใช่เจ้าของฟาร์มปลาทุกคนจะเป็นเหมือนเศรษฐีฉิน

โดนัลด์คิดไอเดียยามคับขันออกมา ดึงเพื่อนข้างตัวมาแล้วพูดว่า “แอนดรูว์ ฟังนะ ห้าหน่วยค่อนข้างเยอะ ความจริงพวกเราทุกคนเลี้ยงแค่สองหมื่นห้าพันตัวก็พอแล้ว เอาอย่างนี้ พวกเราร่วมมือกันเถอะ ประมูลร่วมกัน จากนั้นค่อยแบ่งกัน ว่าอย่างไร?”

แอนดรูว์ ทัคเกอร์พูดอย่างไม่ลังเลว่า “เอาตามนี้เลย เพื่อน ให้ราคาเลย!”

แวร์นหันหลังมาพูดอย่างร้อนรนว่า “เฮ้ เพื่อน รวมฉันด้วยคนหนึ่งได้ไหม? ฉันขอแค่หนึ่งหน่วย พวกนายสองคนๆ ละสองหน่วย”

การเคาะราคากำลังอยู่ในช่วงดุเดือด โดนัลด์ร้อนใจ จึงพูดว่า “โอเค งั้นตกลงตามนี้ เฮ้ ทางนี้ หมายเลข 022 สามหมื่นสี่!”

การเคาะราคาครั้งนี้ของโดนัลด์ค่อนข้างโหด เพิ่มราคาขึ้นไปหนึ่งพันเหรียญในทีเดียว ก่อนหน้านี้พวกเจ้าของฟาร์มปลาเพิ่มราคาทีละห้าร้อยเหรียญเท่านั้น

จากนั้นก็มีคนรีบมาตามมาอีก “34,500!”

โดนัลด์ใช้เสียงที่แหบแห้งตะโกนออกไปว่า “หมายเลข 022 สามหมื่นเจ็ด!”

ครั้งนี้โหดกว่า เพิ่มราคาขึ้นไปถึง 1,500 ดอลลาร์แคนาดา

เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาส่งเสียงไม่พอใจกันออกมา ราคานี้ถือว่าค่อนข้างสูง ดูจากอัตราการมีชีวิตของปลาค็อดแล้ว ปลาที่เก็บเกี่ยวได้ในตอนท้ายแค่ต้นทุนก็สิบแปดกว่าเหรียญต่อหนึ่งตัวแล้ว บวกกับค่าอาหาร ค่ายา ค่าจับปลาและค่าใช้จ่ายในการแช่แข็ง เมื่อรวมๆ กันแล้วตัวหนึ่งต้องใช้เงินถึงสามสิบสี่สิบเหรียญเลย

ราคาปลีกของปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกในตลาดตอนนี้คือปอนด์ละประมาณสามสิบกว่าดอลลาร์แคนาดา ปลาตัวหนึ่งสามารถหนักได้ถึงสิบกว่าปอนด์ ดูไปเหมือนราคาไม่เลว ที่ตัวหนึ่งตัวสามารถขายได้ถึงสามร้อยดอลลาร์แคนาดา

แต่นั่นคือราคาตลาด หากว่าจับปลาขึ้นมาจากฟาร์มปลาแล้วขายให้กับพ่อค้าอาหารทะเลโดยตรง แต่ละปอนด์จะได้แค่สี่ห้าเหรียญ ปลาหนึ่งตัวสามารถขายได้เพียงสี่ห้าสิบเหรียญเท่านั้น เทียบกับต้นทุนสามสิบสี่สามสิบห้าเหรียญแล้ว ได้ไม่คุ้มเสียเลย

หลังจากโดนัลด์ให้ราคานี้แล้ว เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาในงานก็ส่งเสียงปรึกษาหารือกันให้แซ่ด ชายที่สวมถุงมือขาวต้องประกาศราคาซ้ำอีกรอบ ถึงจะมีคนให้ราคา 37,500 ดอลลาร์แคนาดา

แต่พอเขาให้ราคาเสร็จ โดนัลด์ก็ให้ราคาอีก “หมายเลข 022 สี่หมื่น!”

ในงานเต็มไปด้วยเสียงที่เปล่งออกมาเพราะความตกใจ มีคนหันหลังมาพูดกับโดนัลด์ว่า “โดนัลด์ นายบ้าไปแล้วเหรอ? หน่วยละสี่หมื่น ห้าหมื่นก็คือสองแสนนะ! นายคิดให้ดีนะ อย่าขาดทุนจนสุดท้ายไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อน้ำมันล่ะ!”

โดนัลด์ชูนิ้วกลางออกมา ด่าออกไปว่า “ไสหัวไป ชัค ฉันไม่ขาดทุนแน่นอน พวกนายแน่จริงก็มาแข่งกับฉันสิ ลูกปลาของฉินจะขาดทุนได้อย่างไร?”

แวร์นกระตุกแขนของโดนัลด์ พูดเสียงเบาว่า “เพื่อน นายระมัดระวังการเคาะราคาหน่อยก็ดีนะ ให้ตายเถอะ พวกเราเป็นหุ้นส่วนของนายนะ ไม่ใช่นักลงทุน สุดท้ายตัวนายเองก็ต้องจ่ายเงินด้วยนะ หรือว่านายไม่ปวดใจเลยเหรอ?!”

โดนัลด์ผลักเขาออก บอกว่าเขาได้คิดไว้แล้ว

และจริงตามนั้น ภายหลังไม่มีคนเคาะอีกเลย ชายที่ถุงมือขาวประกาศสี่หมื่นดอลลาร์แคนาดาสามรอบ จากนั้นก็เคาะไม้ ขาย!

จากนั้นก็มีผลิตภัณฑ์ทะเลอีกหลายอย่างที่ถูกขายออกไป ของที่ตามมาก็คือเป้าหมายของฉินสือโอวแล้ว ปลายอดม่วงพันธุ์มินิ

ยอดขายในอเมริกาเหนือของปลาชนิดนี้ค่อนข้างธรรมดา ส่วนมากจะส่งออกไปขายทวีปเอเชีย เพราะปลายอดม่วงมินิก็เหมือนกับชื่อของมัน ตัวค่อนข้างเล็ก หนามบนหลังก็ค่อนข้างเยอะ ทำให้ใช้ช้อนส้อมกินลำบาก

แต่เนื้อของปลาชนิดนี้จะนุ่มเป็นพิเศษ เพราะว่าตัวเล็กทำให้สิ่งสกปรกในท้องก็น้อยไปด้วย เหมาะแก่การนำไปทอดกิน ประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลีและสิงคโปร์ ล้วนชอบกินปลาชนิดนี้

ปัจจุบันเพราะประเทศจีนแข็งแกร่งขึ้น มาตรฐานในการใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้น ประเทศจีนจึงเริ่มกินปลาชนิดนี้แล้ว

ฉินสือโอวไม่เคยเลี้ยงปลายอดม่วงมินิมาก่อน นี่ไม่ใช่ปลามีชื่อเสียงของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เป็นปลาที่เจ้าของฟาร์มปลานำเข้ามาจากมหาสมุทรแปซิฟิก

ราคาเริ่มต้นของปลาชนิดนี้เท่ากับราคาปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกของฉินสือโอว ก็คือหน่วยละสองหมื่นเหรียญทั้งคู่

ไม่ใช่เพราะว่าปลาชนิดนี้จะมีค่าเท่ากับปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติก แต่เพราะลูกปลาของมันมีจำนวนมากต่างหาก ปลายอดม่วงเป็นปลาน้ำลึก เพราะมีพื้นที่ให้ว่ายน้อย ชำนาญในการซ่อนตัว ทำให้อัตราของศัตรูธรรมชาติที่ล่ามันเป็นอาหารน้อยไปด้วย

นอกเหนือจากนี้ ปลาน้ำลึกยังมีข้อดีอีกอย่างคือไม่ค่อยว่ายไปเรื่อย อย่างปลาค็อดมหาสมุทรแอตแลนติกหากว่าไม่มีการล้อมจำกัดพื้นที่การเลี้ยงแล้ว งั้นการโปรยลูกปลาหนึ่งหมื่นตัวลงไป พรุ่งนี้ก็มีสองพันตัวที่ว่ายไปที่ฟาร์มปลาคนอื่นแล้ว แต่ปลายอดม่วงมินิไม่ต้องเป็นห่วง พวกมันเป็นพวกรักบ้านมาก

………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท