ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1251 ไทรโลไบต์

บทที่ 1251 ไทรโลไบต์

บอกลาผู้กำกับใหญ่คาเมรอนแล้ว ฉินสือโอวก็เตรียมขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับฟาร์มปลา แต่ตอนที่ออสเปรเพิ่งติดเครื่องขึ้นมา แผงควบคุมตรงที่นั่งคนขับก็แสดงไฟแดงขึ้นมาทั้งแถบ ส่งเสียงดังแสบแก้วหูขึ้นมา

ฉินสือโอวเพิ่งเคยเจอกับสถานการณ์นี้เป็นครั้งแรก เขากำลังพักสายตาอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ เสียงดังนี้ทำให้เขาตกใจจนหัวใจเต้นรัว แล้วรีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น เพื่อน?”

ออสเปรทำท่าบอกให้เขาใจเย็น เขาปิดเครื่องยนต์แล้วไปตรวจสอบดู ตอนกลับมาเขาพูดว่า “ข้อต่อคอนเดนเซอร์อันหนึ่งในเครื่องยนต์เป็นสนิมครับ ผมต้องหาน้ำมันเครื่องมาล้างมันออกหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกเดี๋ยวก็บินได้แล้วครับ”

ฉินสือโอวรู้สึกว่าควรจะระวังไว้หน่อยดีกว่า เขาบอกว่า “ช่างเถอะ ออสเปร พวกเราทิ้งเจ้านี่ไว้ที่นี่แล้วให้คนจากศูนย์การบินมาจัดการดีกว่า พวกเราอย่าเสี่ยงกันเลย นั่งรถไฟกลับเซนต์จอห์นกันเถอะ”

ท่าเรือบาสก์ไม่มีสนามบิน สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือเซนต์แอนโธนี่ที่อยู่ทางตอนเหนือ แบบนี้สู้นั่งรถไฟกลับไปดีกว่า

ออสเปรมีท่าทีผ่อนคลาย แล้วพูดว่า “นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนะครับ บอส ผมเอาอยู่ครับ เมื่อก่อนตอนปฏิบัติติหน้าที่ในกองทหาร คอนเดนเซอร์ของเครื่องยนต์ระเบิดออกผมก็กล้าขับ”

“แต่ฉันไม่กล้าตาย” ฉินสือโอวพูดตรงๆ เขาเป็นเทพแห่งทะเลไม่ใช่เทพแห่งท้องฟ้า ท้องฟ้าไม่ใช่เขตอำนาจของเขา หากว่าเฮลิคอปเตอร์เกิดปัญหาระหว่างอยู่บนฟ้าล่ะ เขาไม่กล้าเสี่ยงจริงๆ

ออสเปรยักไหล่ หยิบมือถือออกมาซื้อตั๋วรถไฟสี่ใบจากท่าเรือบาสก์ไปยังเซนต์จอห์น

การคมนาคมของแคนาดาคล้ายกับอเมริกา มีสนามบินอยู่ทั่วทุกที่ สายการบินกลายเป็นเครื่องมือที่ง่ายและได้ผลที่สุดในการเดินทาง ราคาถูก ความปลอดภัยสูง ใช้เวลาน้อย ส่วนการเดินทางโดยรถไฟนั้นคือเครื่องมือในการเดินทางระดับกลางค่อนไปทางสูง

จุดนี้เป็นความแตกต่างที่ใหญ่โตระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา อย่างเช่นแคนาดา อัตราการครอบคลุมของทางด่วนในประเทศสูงกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ นอกจากตอนเหนือจะใกล้กับเขตขั้วโลกเหนือแล้ว พื้นที่อื่นๆ ล้วนมีทางด่วนทั้งนั้น แถมยังสามารถใช้ฟรีได้แทบทั้งหมดด้วย

เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่ออกเดินทางไกลจึงเลือกใช้เครื่องบิน ทางใกล้ก็จะขับรถไปเอง ทำให้ตลาดรถไฟไม่มีลูกค้า

และบริษัทคมนาคมรถไฟก็เหมือนกับบริษัทรถไฟแปซิฟิกที่ต่างก็เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีมานาน เมื่อพวกเขาเห็นถึงวิกฤตนี้แล้วก็ทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจทันที เปลี่ยนการเดินทางทางรถไฟไปเป็นกิจกรรมสำหรับผ่อนคลายอย่างหนึ่ง

อัตราการครอบคลุมของรถไฟในรัฐนิวฟันด์แลนด์ค่อนข้างต่ำ อย่างไรเสียนิวฟันด์แลนด์ก็คือเกาะแยกกลางทะเลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง คมนาคมทะเลจึงสำคัญที่สุด จากนั้นก็เป็นคมนาคมทางอากาศและพื้นดิน คมนาคมรถไฟมีการครอบคลุมน้อยมาก

แต่ถึงอย่างนั้น คมนาคมการรถไฟของนิวฟันด์แลนด์ก็ยังคงพัฒนาขึ้นอย่างมาก สถานีรถไฟของท่าเรือบาสก์ถูกสร้างขึ้นราวกับปราสาท ห้องรอรถไฟกว้างขวาง ทั้งห้องเป็นสีเหลืองนวล ทำให้แม้ว่าจะนั่งรอในช่วงฤดูหนาวก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

พอถึงสถานีรถไฟแล้ว ฉินสือโอวมองดูเวลา ยังเหลือเวลาก่อนรถไฟออกอีกหนึ่งชั่วโมงกว่า เขาไม่อยากนั่งเหงาอยู่ที่สถานี จึงไปซื้อแผนที่มาหนึ่งชุดตรงแผงขายหนังสือ แล้วพบว่ามีศูนย์อภิปรายอยู่ไม่ไกลนัก เรียกว่าศูนย์อภิปรายโกลเด้นเนล

ศูนย์อภิปรายนิวฟันด์แลนด์สามารถเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ หอที่ระลึก หรือหอศิลปะ สรุปก็คือที่ที่มีการอภิปรายก็จะเรียกว่าศูนย์อภิปราย ศูนย์อภิปรายนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น

ฉินสือโอว ออสเปร นีลเซ็น และแซนเดอร์สเดินเตร็ดเตร่เข้าไปที่ศูนย์อภิปราย หลักๆ แล้วที่นี่เป็นสถานที่ระลึกถึงเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ในยุคแคมเบรียน ในนั้นเต็มไปด้วยฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตประเภทฟองน้ำทะเล ไฟลัมไนดาเรีย ไพรอะพูลา โลโบโพเดีย แบรคิโอพอด มอลลัสกา สัตว์ขาปล้อง อิคีเนอเดอร์เมอเทอ และสัตว์มีแกนสันหลัง

เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ในยุคแคมเบรียน เป็นเหตุการณ์ที่คุ้นหูของคนที่ศึกษาสิ่งมีชีวิตทุกคน ทางศาสตร์ของชีววิทยาเห็นพ้องกันว่าการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตบนโลกในปัจจุบันได้ยึดตามหลัก ‘ศาสตร์วิวัฒนาการ’ ของดาร์วิน แต่ ‘ศาสตร์วิวัฒนาการ’ ไม่สามารถอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์ระเบิดในยุคแคมเบรียนได้

ตอนนี้เป็นตอนที่แซนเดอร์สแสดงให้เห็นประโยชน์ของเขาแล้ว หลังจากเข้าไปในศูนย์อภิปรายเขาก็เริ่มพูดพล่ามไม่หยุด ให้ข้อมูลสิ่งมีชีวิตแต่ละชีวิตให้กับทั้งสามคน ไม่ว่าจะเจออะไร เขาก็สามารถให้ข้อมูลได้หมด หนำซ้ำยังมีแหล่งอ้างอิงอีกด้วย เขาอธิบายได้ออกรสออกชาติกว่าไกด์เสียอีก

ตอนที่เดินไปถึงกลางห้อง ฉินสือโอวพลันหันไปเห็นสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ขาปล้องที่รูปร่างหน้าตาแปลกจำนวนหนึ่ง สัตว์พวกนี้มีเปลือกทรงกลมบนหลัง หนึ่งในนั้นมีเปลือกที่ทับกันเป็นชั้นๆ ขึ้นมา รอบตัวมีอวัยวะเป็นซี่ๆ ที่ยื่นออกมาเหมือนกับขา แถมยังมีปากตรงท้องด้วย ดูคุ้นตาเขามาก แมลงยักษ์สีดำก็รูปร่างแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?

ฉินสือโอวเดินเข้าไปดูใกล้ๆ สิ่งมีชีวิตพวกนี้มีชื่อเสียงมาก พวกมันเป็นหนึ่งในไทรโลไบต์ที่มีชื่อเสียง มีชีวิตอยู่เมื่อห้าร้อยล้านปีก่อน อวัยวะที่เหมือนกับขารอบตัวนั้นไม่ใช่ขาของแมลงเปลือกดำ แต่เรียกว่ากระดูก สามารถมองได้ว่าเป็นกระดูกที่ยื่นออกมา

ถ้ามองดีๆ แล้ว ไทรโลไบต์กับแมลงเปลือกดำนั้นแตกต่างกันมากทีเดียว แต่ถ้ามองผ่านๆ รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งสองเหมือนกันจริงๆ โดยเฉพาะส่วนท้องของพวกมันทั้งคู่ที่มีอวัยวะสำหรับกินอาหารเหมือนกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉินสือโอวจะนึกถึงพวกมันทั้งสองพร้อมกัน

แซนเดอร์สเห็นเขาสนใจไทรโลไบต์พวกนี้ จึงเข้ามาอธิบายให้ฟังว่า “คุณสนใจแมลงพวกนี้เหรอครับ? พวกมันไม่ใช่ไทรโลไบต์เปลือกใหญ่ มีจำนวนค่อนข้างน้อย และยังไม่รู้ช่วงเวลาที่สูญพันธุ์ที่แน่ชัด”

ฉินสือโอวถามว่า “เป็นไปได้ไหมที่ตอนนี้พวกมันก็ยังไม่สูญพันธุ์?”

แซนเดอร์สหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ครับ เป็นไปไม่ได้แน่นอน สภาพแวดล้อมของมหาสมุทรเมื่อห้าล้านปีก่อนกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างมาก โครงสร้างเซลล์ของไทรโลไบต์เรียบง่ายเกินไป ไม่มีความสามารถในการปรับตัว ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้”

ฉินสือโอวพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก แต่ได้จำชื่อไทรโลไบต์เปลือกใหญ่ไว้ในใจ กะว่ากลับไปแล้วจะตั้งใจศึกษาอย่างจริงจัง

ในตอนท้าย ด้านหลังทั้งสี่คนมีนักท่องเที่ยวมาตามถึงสิบกว่าคน พวกคนเหล่านี้คงคิดว่าแซนเดอร์สเป็นไกด์ ยังมีคนถามขึ้นว่า “คุณครับ ไม่ทราบว่าคุณทำงานที่นี่มานานแค่ไหนแล้วครับ? ความรู้ของคุณช่างมากมายจริงๆ ครับ”

แซนเดอร์สกะพริบตา ตอบไปด้วยน้ำเสียงอึกอักว่า “ผมไม่ได้ทำงานที่นี่หรอกครับ เมื่อก่อนผมเคยอยู่ที่โทรอนโต ตอนนี้อยู่เซนต์จอห์น…”

เมื่อเกิดเรื่องเข้าใจผิดเล็กๆ นี้ขึ้น ทำให้เหลือเวลาก่อนรถไฟออกไม่เท่าไรแล้ว ฉินสือโอวตัดสินใจเดินกลับไปก่อน เพื่อจะได้ไม่ตกรถไฟ

ความกังวลของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ระหว่างที่เดินกลับไปสถานีรถไฟ และยืนรอไฟแดงอยู่ที่สี่แยกนั้น ฝั่งตรงข้ามมีกลุ่มคนที่กำลังโกรธจัดเดินเข้ามา ทำให้ฉินสือโอวตกใจไปทีหนึ่ง นึกว่าได้เจอกับกลุ่มคนอยากแก้แค้นเสียแล้ว

แซนเดอร์สมีประสบการณ์มากมาย มองทีเดียวก็เข้าใจแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรครับ บอส นี่เป็นกลุ่มประท้วงของโรงงานผลิตกระดาษในท้องที่ เห็นทีค่าแรงของพวกเขาคงจะออกช้าหรือไม่ก็ไม่มีโบนัสอีกแน่เลย”

ด้านหลังของท่าเรือบาสก์เป็นผืนป่าผืนใหญ่ที่สวยงาม ที่นี่เป็นสถานที่รวมโรงงานผลิตกระดาษที่ใหญ่ที่สุดของนิวฟันด์แลนด์ โรงงานผลิตกระดาษที่จัดอยู่ในอันดับที่สี่และห้าของแคนาดาทั้งสองโรงงานก็ตั้งอยู่ที่นี่

แต่ว่าเมื่อต้นปีปีนี้ โรงงานผลิตกระดาษฮันนิบาลที่อยู่อันดับที่ห้าได้ประกาศล้มละลาย จึงได้ทิ้งคนที่สูญเสียงานไว้กว่าพันคนและหนี้ธุรกิจอีกกว่าสิบล้านเหรียญ

……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน