เหมาเหว่ยหลงหัวเราะร่าแล้วพูดว่า “ดูแกสิ เพิ่งจะกี่ปีเอง นิสัยเสียของนายทุนก็ทำเป็นแล้ว แบบนี้จะต่างอะไรกับราชาเผด็จการ? ระวังไว้เถอะ อุดปากคนน่ากลัวกว่ากันน้ำป่าทะลักอีกนะ”
ฉินสือโอวตอบ “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันไม่ใช่ฮ่องเต้แล้วก็ไม่ได้อยากเป็นมหาราช ฉันรู้แค่ว่าในที่ของฉันห้ามรับประโยชน์จากฉันแล้วมาแว้งกัด!”
“งั้นแกก็ให้ข้าวฉันกินสักชามสิ ทางฉันจะไม่มีอะไรกินแล้วนะ” เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยใบหน้าระรื่น
ฉินสือโอวตบอกอย่างใจกว้างแล้วให้คำสัญญา “ไม่มีปัญหา แกมาหาฉันเลย มีให้แกกินแน่นอน ไม่ให้แกหิวแน่ แต่แกต้องมานะ ไม่อย่างนั้นถือว่าดูถูกฉัน ฉันจะเสียความรู้สึก”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะร่า “ที่จริงฉันโทรมาชวนแกมานี่ แต่แกจะลากฉันไปโน่น? ฉันก็อยากไปนะ แต่บ้านแกมีม้าหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจ “ม้าอะไร? ฉันมีกวางมูส ไม่มีม้า”
หลังจากนั้นเหมาเหว่ยหลงก็อธิบายให้เขาฟังว่า รอบๆ บริเวณฟาร์มของเขามีฟาร์มที่ล้มละลาย เจ้าของก็เลยขายสัตว์ในฟาร์มให้เขาในราคาถูกๆ เหมาเหว่ยหลงซื้อม้าควอเตอร์โตเต็มวัยสองตัวกับลูกม้าสองตัวมาเลยจะชวนเขาไปขี่ม้าด้วยกัน
ฉินสือโอวเคยขี่ฉลาม ขี่วาฬและยังเคยขี่วินนี่ แต่ไม่เคยขี่ม้า พอได้ยินเหมาเหว่ยหลงบอกแบบนั้นก็นึกได้ว่าตั้งแต่ที่ทั้งสองคนหมั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย คิดถึงเขาอยู่เหมือนกันจึงตอบรับว่าจะหาเวลาไป
คุยกันไปชั่วโมงครึ่ง ฉินสือโอวถึงวางสาย เขากำลังจะไปดูว่าการจำแนกลูกปลาไปถึงไหนกันแล้ว ปรากฏว่าเชอร์ลี่ย์ พาวลิส ชาร์คน้อยก็พากันวิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ
ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ “เกิดอะไรขึ้น ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน พวกเธอ เฮ้ เจ้าพวกตัวแสบ โดดเรียนมาหรือเปล่าเนี่ย?”
เชอร์ลี่ย์กลอกตาอย่างน่ารักแล้วพูดว่า “เราจะกล้าโดดเรียนได้อย่างไรล่ะคะ? ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณครูไม่มาสอนเราก็เลยว่าง ถ้ายังไม่ได้รับแจ้งให้ไปเรียนก็ไม่ต้องกลับไป”
ฉินสือโอวไม่ได้คิดไปในทางนั้น เพราะวินนี่เพิ่งพูดเมื่อคืนว่าโรงเรียนประถมแกรนท์ไม่มีความเสี่ยงเรื่องหยุดสอน เธอเพิ่งพูดไปไม่กี่ชั่วโมงทางนั้นก็หยุดสอนเสียแล้ว
ท่านชายฉินไม่พอใจ แน่นอนว่าความไม่พอใจนี้ไม่เกี่ยวกับงานของวินนี่ โรงเรียนไม่ได้ติดค้างอะไรเขา พวกเขาจะหยุดการเรียนการสอนเขาก็ควบคุมไม่ได้
แต่ที่เขาไม่พอใจก็คือ อย่างที่เขาพูดกับวินนี่เมื่อคืนนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ครูพละชั่วคราวของโรงเรียนประถมแกรนท์ แต่อย่างไรก็นำทีมจนได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โรงเรียน เรื่องแบบนี้ทำไมไม่มีใครแจ้งเขาเลย?
ในขณะที่ท่านชายฉินกำลังเซ็งอยู่ คำพูดของเชอร์ลี่ย์ก็ทำเอาเขาตื่นตัวขึ้นมาทันที “โอ้ ใช่สิ ครูดิคให้หนูมาแจ้งคุณว่าให้ไปโรงเรียนหน่อย เขาบอกว่าโทรหาคุณไม่ติด”
เมื่อครู่ฉินสือโอวเอาแต่คุยไร้สาระกับเหมาเหว่ยหลง คุยนานถึงชั่วโมงครึ่ง คนอื่นโทรติดก็แปลกแล้ว
ฉินสือโอววางลูกสาวบนเบาะผู้โดยสารแล้วก็ขับรถคาดิลแลควันมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนประถมแกรนท์ ระหว่างนั้นเขาโทรหาวินนี่ให้เธอเตรียมตัว โรงเรียนประถมบนเกาะแฟร์เวลก็หยุดงานกันแล้ว
วินนี่ยุ่งจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ เธอตอบมาเพียง ‘ฉันรับทราบแล้ว’ แล้วก็วางสายไปทันที
ตอนที่ฉินสือโอวรีบมาที่โรงเรียนก็เห็นรถคาดิลแลคของวินนี่จอดอยู่หน้าประตูโรงเรียนเช่นกัน มิน่าล่ะถึงไม่รับสาย เพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็เจอกันนี่เอง
ลุงยามชัคเห็นเขาอุ้มลูกสาวลงจากรถก็พูดแซว “ว่าไง ฉิน สามพ่อแม่ลูกมาโรงเรียนประชุมผู้ปกครองกันเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่พลางตอบกลับ “เปล่าครับ ผมพาลูกมาสมัครเข้าเรียนล่วงหน้า”
ลุงยามชัคพูดยิ้มๆ “ดูท่าผมจะเข้าใจผิด งั้นตอนนี้คุณเป็นใครบ้าง? สามีนายกเทศมนตรี พ่อของนักเรียน ครูของโรงเรียน?”
ฉินสือโอวตอบพลางถอนใจ “โลกนี้ลำบากนักลุงชัค ผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมมีบทบาทอะไรบ้าง ปรับตามสถานการณ์แล้วกัน ลุงก็รู้นี่ ว่าผมรักเกาะแฟร์เวล ใช่ไหม?”
ลุงยิ้มร่ากว่าเดิมแล้วพูดว่า “พวกเราต่างก็รักเกาะแฟร์เวล เข้าไปเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
ฉินสือโอวโทรหาครูใหญ่แกรนท์ถามว่าเขาถึงแล้ว ให้ไปที่ไหน แกรนท์บอกเขาว่าให้มาห้องประชุมเถอะ ทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว
เข้าไปในห้องประชุม ทุกคนก็อยู่ที่นั่นกันหมดจริงๆ ครูของโรงเรียน เจ้าหน้าที่สำคัญของเทศบาลท้องถิ่นที่วินนี้พามาด้วยอย่าง ฮานี่ย์ แรมโบ้ ทุกคนนั่งที่โต๊ะประชุมทรงกลมทั้งสองข้างเหมือนกำลังเจรจากันอยู่
พอเห็นแม่อยู่ตรงนั้น ตาของเสี่ยวเถียนกวาก็เปล่งประกาย ยื่นแขนออกไปจะให้แม่อุ้ม
ฉินสือโอวไม่ให้เธอซน แต่เด็กน้อยไม่พอใจ ถีบขาร้องงอแง
มีครูผู้ชายไม่พอใจแล้วบ่นออกมา “นี่เพื่อน จะอุ้มเด็กมาด้วยทำไม? นี่มันโรงเรียนประถม ไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็ก”
ฉินสือโอวตอบกลับเสียงเย็น “จะให้ผมทำไงได้ แม่ของลูกผมโดนพวกคุณดึงตัวไว้ งั้นคนเป็นพ่ออย่างผมไม่ดู ใครจะมาดู?”
ครูใหญ่แกรนท์เป็นคนอ่อนโยนมาก เขายิ้มเป็นสัญญาณให้ทั้งสองฝ่ายนั่งลงจากนั้นก็เข้าไปหยอกล้อกับเด็กน้อย แต่หลังจากที่เด็กน้อยเอื้อมมือคว้าหนวดเขาดึงหนึ่งทีเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้อีก
ฉินสือโอวอุ้มเสี่ยวเถียนกวาไปนั่งที่ข้างหลังสุด ครูเชอริลเห็นเด็กหญิงตัวน้อยขาวๆ อวบๆ น่ารักมากจึงเข้ามานั่งหยอกล้อใกล้ๆ
เด็กน้อยไม่กลัวคนแปลกหน้า แต่ก็ไม่ชอบเล่นกับคนแปลกหน้าเหมือนกัน แต่เชอริลเป็นข้อยกเว้น พอเธอกางแขนออก เด็กน้อยก็รีบกางแขนออกทันทีแล้วเข้าแนบอกเธออย่างชอบใจ
ฉินสือโอวกำลังตกใจว่าลูกสาวใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจ พอเจ้าตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอดของเชอริลก็เอามือจับไปที่หน้าอกของคุณครูอกโต หัวเล็กดันมุดเข้าไป ปากเล็กอ้าได้ก็งับทันที
เจอแบบนี้เชอริลจึงเขิน ฉินสือโอวเองกระอักกระอ่วนยิ่งกว่า เขารีบอุ้มลูกสาวกลับมา
ใบหน้างดงามของวินนี่บูดบึ้งทันใด กล้าเถลไถลต่อหน้าฉันเลยเหรอ ใครทนได้แต่ฉันทนไม่ได้!
หลังจากที่ส่งสายตาพิฆาตไปให้ฉินสือโอว วินนี่ก็กระแอมไอปรับสภาพอารมณ์แล้วหันไปพูดกับแกรนท์ด้วยรอยยิ้ม “ครูใหญ่คะ กระแสหยุดการเรียนการสอนนี้สำหรับโรงเรียนของรัฐ โรงเรียนประถมแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมหรอกมั้งคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดเสริม “นั่นสิครับครูใหญ่ เราจะเข้าร่วมไปด้วยทำไม? รีบเรียกเด็กกลับมาเรียนกันดีกว่า”
ครูทั้งแถวมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ท่านชายฉินทำหน้าหนาไม่สนใจ คิดว่าเขาจะมาร่วมประชุมเพื่อจะรับมือสหภาพครูออนแทรีโออย่างไรเหรอ? เขามาเป็นสายสืบต่างหาก
ครูใหญ่แกรนท์พูดยิ้มๆ อย่างสุภาพ “ฮ่ะๆ เราแค่ร่วมมือกับสหภาพเท่านั้น อย่าร้อนใจไปท่านนายกเทศมนตรี พรุ่งนี้เราก็กลับมาสอนได้แล้ว แต่ผมคิดว่า…”
ท่านชายฉินไม่รอให้ครูใหญ่พูดจบ เขารีบอุ้มลูกสาวยืนขึ้นแล้วพูดว่า “โอเค งั้นเรื่องนี้ก็พอแค่นี้? ทุกคนแยกย้ายกลับบ้านเถอะ ดีไหม?”
ครูคนอื่นๆ หงุดหงิดอย่าบอกใคร คราวนี้ที่มองเขาไม่ใช่สายตาแปลกๆ แต่เป็นสายตาดุดัน มีบางคนพูดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ “ถ้าคุณไม่อยากร่วมด้วยก็กลับไปเถอะ อย่างไรเสียคุณก็ไม่ใช่ครูเต็มตัวอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นท่านชายฉินจึงไม่สบอารมณ์ เขาถามขึ้น “คุณเพื่อนร่วมงาน คุณกำลังดูถูกผมเหรอ?”
………………………………………….