ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1304 กับดักแมงกะพรุน

บทที่ 1304 กับดักแมงกะพรุน

ฉลามหางยาวตัวนี้กำลังทำอะไรล่ะ?

เห็นแค่ว่ามันกำลังสะบัดตัวส่ายหางอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ใต้ร่มของแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวหนึ่ง ร่างกายอันเรียวยาวสะบัดไปมาสุดฤทธิ์สุดเดช จากนั้นก็สร้างกระแสน้ำขึ้นมา พัดไปที่ร่มของแมงกะพรุนขนสิงโต เพื่อเป็นการพัดมันออกไปอย่างช้าๆ

ความจริงตัวแมงกะพรุนขนสิงโตสามารถเคลื่อนไหวเองได้อยู่แล้ว มันใช้การหดตัวของภายนอกร่างกายรัดไปที่เครื่องใน เพื่อเปลี่ยนขนาดพื้นที่ด้านในร่างกาย แล้วพ่นน้ำในร่างกายออกมา จากนั้นก็ใช้วิธีการพ่นน้ำในการเคลื่อนไหวร่างกาย นี่ค่อนข้างคล้ายกับหมึกกล้วย ที่ต่างก็พึ่งการดีดตัวจากการพ่นน้ำในการเคลื่อนไหว

นี่คือวิธีที่พวกมันใช้ในการว่ายไปบนผิวน้ำ หากว่าต้องการจะว่ายไปข้างบนหรือข้างล่าง ก็จะพึ่งต่อมเฉพาะตัวหนึ่งที่อยู่ในร่างกาย ต่อมนี้สามารถผลิตคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมา ให้ร่างกายพองขึ้นเพื่อดูดน้ำจนสามารถทำให้ลอยขึ้นมาได้

ตอนที่พวกมันอยากจะดำลงไป ก็จะปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์ออกมา หากว่าอยากจะลอยตัวอีก ก็จะทำการปล่อยออกซิเจนเข้าไปในถุงอากาศ ทำให้ลอยขึ้นไปได้อีกครั้ง

โดยทั่วไปแล้ว หลังจากที่พวกมันเลือกสถานที่ใดแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนที่อีก แต่จะทำการสยายหนวดออกไปเพื่อรอให้อาหารเข้ามาหาแทน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่พวกมันโดนศัตรูทำร้ายหรือไม่ก็เจอเข้ากับพายุใหญ่ จึงจะดำลงไปสู่ใต้ท้องทะเล หรือไม่ก็น่านน้ำแถบนี้ไม่มีอาหารแล้ว พวกมันจึงจะเปลี่ยนที่อยู่

แต่ว่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือนั้นตัวใหญ่เกินไป การย้ายที่ครั้งหนึ่งต้องใช้แรงมาก ดังนั้นจึงว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง และมักจะยืมแรงลม แรงคลื่นและกระแสน้ำเพื่อเปลี่ยนที่อยู่แทน

ตอนนี้ไม่มีคลื่นลมใหญ่ และไม่มีกระแสน้ำลึกที่แรงพอ แถมรอบตัวยังอุดมไปด้วยอาหารอีก เป็นธรรมดาที่แมงกะพรุนขนสิงโตพวกนี้จะไม่มีแรงผลักที่จะช่วยให้พวกมันย้ายที่

สิ่งที่ฉลามหางยาวตัวนี้กำลังพยายามทำอยู่นั้น ก็คือการสร้างแรงนั้นขึ้นมา มันสะบัดหางไปมาราวกับเป็นใบพัดเรือ เพื่อสร้างกระแสน้ำที่ถือว่ามีความแรงมากพอในอาณาเขตเล็กๆ เพื่อเป็นการขยับแมงกะพรุนขนสิงโตไปตามทิศทางที่มันกำหนดไว้

การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตล้วนมีความเคยชินกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมากเท่าไรความเคยชินก็จะมากขึ้นเท่านั้น

แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือไม่มีสมองไม่มีไอคิว พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำมาก ดังนั้นเมื่อรู้สึกได้ถึงกระแสน้ำที่ฉลามหางยาวทำขึ้นมาแล้ว หลังจากพวกมันไหลไปตามกระแสน้ำสักพัก ก็จะว่ายต่อไปเองโดยอัตโนมัติ

แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้ก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้มันได้เข้าสู่ภาวะการว่ายไปด้วยตัวเองแล้ว

ภายใต้การควบคุมของเซลล์เนื้อเยื่อตั้งแต่ด้านบนสุดของผิวภายนอกจนถึงปลายสุดของร่ม ทำให้อวัยวะภายในของพวกมันบีบและพองตัวไม่หยุด เมื่ออวัยวะพองโต กระแสน้ำจะค่อยๆ ถูกดูดเข้าไป จากนั้นอวัยวะจะหดอย่างรวดเร็ว เพื่อบีบกระแสน้ำออกจากอวัยวะภายใน แรงผลักที่เกิดขึ้นจากการพ่นน้ำนั้นก็จะทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้

แต่ว่า ร่างกายของมันใหญ่โตเกินไป แรงผลักแบบนี้ถือว่าค่อนข้างน้อย ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงค่อนข้างช้า

ฉลามหางยาวรออยู่อย่างใจเย็น แถมยังพยายามสุดฤทธิ์ในการทำให้แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือตัวนี้เคลื่อนที่ ฉินสือโอวไม่รู้ว่ามันอยากทำอะไร จึงมองดูอยู่ข้างๆ อย่างแปลกใจ

ความตื้นตันที่เขามีให้ฉลามหางยาวตัวนี้มีมากมาย เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะไอคิวไม่ต่ำเลย อย่างเช่นครั้งที่แล้วที่มันวางแผนให้คราเคนกับแมลงยักษ์สีดำต่อสู้กันก็ด้วย หากไม่ใช่เพราะฉินสือโอวเข้าไปช่วย เห็นทีตอนนี้คราเคนคงถูกฆ่าตายไปแล้ว

หรือก็คือว่า หมึกยักษ์ที่ไร้เทียมทานของมหาสมุทร เกือบจะถูกฉลามหางยาวตัวหนึ่งฆ่าตายนั่นเอง นี่มันช่างเป็นสีสันแห่งความมหัศจรรย์เสียจริง!

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หลังจากที่แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้ขยับไปได้สี่ห้ากิโลเมตรแล้ว ฉลามหางยาวก็จากไป จากนั้นความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันก็จะลดลง เพราะมันไม่รู้สึกถึงกระแสน้ำแล้ว มันจึงไม่ว่ายต่อให้เป็นการเสียพลังงานร่างกายไปเปล่าๆ

หลังจากฉลามหางยาวจากไปแล้วฉินสือโอวก็อยากกลับด้วยเหมือนกัน เขานึกว่าฉลามหางยาวตัวนี้แค่อยากเล่นเท่านั้น แต่ว่าพอจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจากไปได้ระยะหนึ่งแล้วหันกลับไปมอง เขากลับสังเกตเห็นถึงจุดที่แปลกประหลาดเข้า

ตำแหน่งที่แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้อยู่นั้นพิเศษมาก มันอยู่ในฝูงแมงกะพรุนขนสิงโต บนล่างซ้ายขวายังเต็มไปด้วยแมงกะพรุนขนสิงโตตัวใหญ่อีกเจ็ดแปดตัว การที่แมงกะพรุนพวกนี้หยุดอยู่ในน้ำแบบนีเหมือนกับว่าพวกมันครอบคลุมน่านน้ำแถบนี้ไปเลย

ฉินสือโอววิเคราะห์อยู่สักพัก ก็มีความคิดหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมา ฝูงแมงกะพรุนพวกนี้ ดูเหมือนเป็นกับดักเลย

แล้วที่ฉลามหางยาวทำกับดักนี้ขึ้นมาเพื่อใครกันล่ะ? รู้ตัวอีกที ฉินสือโอวก็นึกถึงคราเคนขึ้นมา

จริงตามนั้น ประมาณสิบกว่านาทีหลังจากนั้น ฉลามหางยาวก็ว่ายกลับมาด้วยความรวดเร็ว ส่วนจุดที่ไม่ไกลด้านหลังของมัน ปีศาจยักษ์ขนาดมหึมาผิวสีแดงก่ำกำลังไล่ตามมาอย่างโกรธเคือง คราเคนออกมาแล้ว!

หางของฉลามหางยาวสะบัดไปมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นราวกับธนูที่แหลมคม ที่พุ่งไปด้านหน้าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนืออย่างรวดเร็วจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัว จากนั้นก็พุ่งเข้าไปข้างใน!

ระหว่างแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือนั้นมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ กับดักอันนี้ไม่ถือว่ามิดชิดนัก ฉลามหางปลาก็ใช้ช่องว่างพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ มันว่ายผ่านเข้าไปข้างในจนทะลุฝูงแมงกะพรุนออกมา แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด

เป็นการเดินผ่านหมู่ดอกไม้นับหมื่น แต่กลับไม่มีใบไม้ติดตามตัวมาเลยจริงๆ! ฉินสือโอวพูดได้เพียงคำเดียวว่า ท่านชายฉินยอมแล้ว!

คราเคนไล่ตามอยู่ข้างหลังอย่างหัวเสีย หนวดของมันถือกระบองฟันหมาป่าที่หนักอึ้งอยู่ ดังนั้นแม้ว่าความเร็วจะไม่ช้า แต่ก็ยังไล่ฉลามหางยาวไม่ทัน

โดยเฉพาะกับฉลามหางยาวที่เจ้าเล่ห์เป็นพิเศษตัวนี้แล้ว ที่พอคราเคนใกล้เข้ามาแล้วมันก็รีบโค้งเปลี่ยนทิศทาง พอดีกับที่การโค้งเป็นเหมือนจุดบอดของคราเคนอีก

หลังจากพุ่งเข้าไปในฝูงแมงกะพรุนขนสิงโตแล้ว คราเคนรับรู้ได้ถึงอันตรายจึงอยากจะหยุด

แต่ว่าสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลล้วนมีความเคยชินในการเคลื่อนที่ คราเคนมีร่างกายที่ใหญ่โตมาก ทำให้ความเคยชินมากขึ้นไปด้วย ตอนที่มันอยากจะหยุดนั้นก็สายไปเสียแล้ว สุดท้ายก็ยังคงมุดไปอยู่ในตัวแมงกะพรุนยักษ์อยู่ดี

ระหว่างแมงกะพรุนขนสิงโตมีช่องว่าง แต่ช่องว่างนี้ต้องดูด้วยว่าใช้กับใคร สำหรับฉลามหางยาวนั้นมันคือช่องว่าง แต่สำหรับคราเคนที่ตัวใหญ่มหึมาแล้ว ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้น

ทั้งสองฝ่ายจึงปะทะกัน แมงกะพรุนขนสิงโตตัวนี้รีบสะบัดหนวดทุกเส้นเพื่อโจมตีคราเคน

คราเคนก็ใจกล้าสุดฤทธิ์ จะงัดก็งัด จะสู้ก็สู้ อย่างข้าจะกลัวพวกอ่อนอย่างแกเหรอ?

คำเดียว ไม่ยอมความก็แค่สู้!

คราเคนยื่นหนวดสองเส้นที่ยาวที่สุดออกมา สะบัดไปโดนหนวดของแมงกะพรุนขนสิงโตแล้วฟาดฟันกันขึ้นมา นอกเหนือจากนี้มันยังใช้กระบองฟันหมาป่าในมือโจมตีออกไปด้วย ฟาดไปโดนร่มของแมงกะพรุนขนสิงโตจนฉีกออกเป็นแผลใหญ่

การที่แมงกะพรุนยักษ์ไม่ขาดน้ำ ทำให้พลังชีวิตแข็งแรงมาก พวกมันไม่มีสมองไม่มีหัวใจ แทบจะพูดได้ว่าไม่มีจุดบอดเลย สิ่งมีชีวิตใดที่อยากจะฆ่าพวกมัน ทำได้เพียงแต่กลืนมันไปทั้งตัว เหมือนกับเต่ามะเฟือง

แต่วิธีการแบบนี้ใช้ได้กับแค่แมงกะพรุนตัวเล็กเท่านั้น สำหรับแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือที่สยายหนวดออกไปได้กว่าหลายสิบเมตรแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นปีศาจยักษ์ที่แท้จริงของทะเลทางตอนเหนือแล้ว ไม่มีทางกลืนลงไปทั้งตัวได้นี่นา

และเพราะไม่สามารถกลืนพวกมันได้ ทำให้ได้แค่สู้กับพวกมันเท่านั้น

ฉินสือโอวเข้าใจแผนการของฉลามหางยาวแล้ว เจ้าหมอนี่ฉลาดเป็นกรดเสียจริง หรือจะบอกว่ามันใจสกปรกเกินไปดี ที่วางกับดักแบบนี้มาทำร้ายคราเคนได้

ครั้งนี้ก็ยังคงเป็นการนั่งดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ อีกเช่นเคย คราเคนถูกล่อให้มาสู้กับแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือ แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือหนึ่งตัวอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคราเคน เพราะว่าความสามารถในการต้านพิษของคราเคนนั้นแข็งแกร่งมาก

แต่ว่า รอบๆ ก็ยังมีแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนืออีกถึงเจ็ดแปดตัวนี่…

สไตล์การต่อสู้ของคราเคนเป็นการต่อสู้แบบรวดเร็วราวสายฟ้า และรุนแรงดั่งพายุ หลังจากถูกแมงกะพรุนขนสิงโตตัวแรกรัดไว้แล้ว ก็เริ่มพามันว่ายไปทั่วทั้งสี่ทิศ การลอยไปแบบนี้ทำให้ไปเจอเข้ากับแมงกะพรุนขนสิงโตตัวที่สอง และแน่นอนว่าก็ถูกรัดไว้อีก…

การที่คราเคนพลิกตัวไปมาไปทั่ว จะทำให้ไปพันเข้ากับแมงกะพรุนขนสิงโตตัวอื่นอีก เมื่อเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งพันยิ่งเยอะ ปริมาณมากกว่าทำให้สถานการณ์เปลี่ยน สถานการณ์ของมันจึงยิ่งอยู่ยิ่งอันตราย

ฉลามหางยาวว่ายอยู่ไกลๆ อย่างสบายใจ แล้วมองดูฉากนี้อยู่เงียบๆ เหมือนกับนักฆ่าคนหนึ่ง ที่หาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ แล้วก็จัดการให้จบในทีเดียว!

………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน