ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1305 แข่งสมองแข่งความกล้าหาญ

บทที่ 1305 แข่งสมองแข่งความกล้าหาญ

ใต้ทะเลโกลาหลในชั่วพริบตา

ร่างอันใหญ่โตของคราเคนเผยท่าทีราวกับพร้อมจะทำลายทุกสรรพสิ่ง แล้วพุ่งเข้าไปในกับดักแมงกะพรุน ส่วนแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือก็ทำการปิดล้อมมันเข้าไปทีละตัวๆ ปิดการเข้าออกทุกทาง

พวกเฮยป้าหวังและฉลามเจ็ดพี่น้องที่อยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล พวกมันว่ายเข้าไปอย่างแปลกใจ ทันใดดวงตาก็ได้เบิกโพลงขึ้นมา เฮ้ย เกิดสงครามโลกขึ้นมาแล้วเหรอ?

การสู้กันในระยะประชิดของคราเคนและแมงกะพรุนขนสิงโตยิ่งทำให้ฝูงปลารอบๆ รีบพากันหนีเอาชีวิตรอด การที่ประตูเมืองไฟไหม้จะส่งผลไปถึงปลาในสระ เทพต่อสู้กันก็ลำบากไปถึงผีน้อย พวกมันสองตัวไม่เป็นไร แต่หากว่าดึงปลาตัวอื่นเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ งั้นก็คือตายสถานเดียว!

แมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือก็คงไม่อยากต่อกรกับคู่ต่อสู้อย่างคราเคนหรอก แต่หลักๆ คือมันไม่มีสมอง และเป็นเพราะคราเคนเองที่เข้าไปพัวพันก่อน พวกมันน่ะเป็นผู้บริสุทธิ์ เห็นภาพนี้แล้ว ฉินสือโอวพูดได้เพียงประโยคเดียวว่า คนท่องไปในยุทธภพ ใครบ้างที่จะไม่โดนคมมีด?

แต่ว่าแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเหนือก็ไม่ใช่พวกที่ต่อกรได้ง่ายเหมือนกัน พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่โตมหึมา แม้ว่าบนร่างกายจะไม่มีกล้ามเนื้อทำให้ไม่มีความสามารถในการจู่โจมทางฟิสิกส์ได้ แต่การที่มีขนาดตัวที่ใหญ่ขนาดนั้นไปพันคราเคนเอาไว้ ก็เพียงพอให้คราเคนเจ็บปวดได้แล้ว

คราเคนหมุนตัวไปมาในน้ำอย่างบ้าคลั่ง ทำให้มันรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาในไม่ช้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสารพิษของแมงกะพรุนขนสิงโตออกฤทธิ์แล้วหรือเปล่า กล้ามเนื้อของมันเริ่มชาขึ้นมา พลังชีวิตก็แย่ลงเรื่อยๆ

ฉินสือโอวไม่ได้ร้อนรนอะไร และไม่ได้เข้าไปช่วยด้วย จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล เขารู้ว่าเรื่องไม่ได้ง่ายอย่างนี้หรอก

ฉลามหางยาวว่ายไปมาอยู่รอบๆ ด้วยความสบายใจ หลังจากเห็นคราเคนค่อยๆ หมดแรงแล้ว มันก็ว่ายเข้าไปหาอย่างช้าๆ อ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันอันแหลมคม สายตาจับจ้องไปที่หนวดที่หมดแรงจนร่วงลงไปของคราเคน ส่วนจุดประสงค์นั้นไม่บอกก็รู้

ทำให้บาดเจ็บสิบนิ้วไม่เท่าทำให้ขาดเพียงนิ้วเดียว!

เห็นได้ชัดว่าฉลามหางยาวคิดจะโจมตีคราเคน แต่มันไม่ได้รีบร้อนโจมตีไปที่หัวซึ่งเป็นอวัยวะจุดสำคัญ แต่คิดจะทำลายหนวดของคราเคนข้างหนึ่งแทน

มันไม่ได้คิดจะแหย่คู่ต่อสู้เหมือนกับแมวเล่นกับหนู แต่นี่คือความรอบคอบของมัน ก่อนที่จะทำลายหนวดของคราเคนได้หมด มันจะไม่รีบร้อนจู่โจมไปที่จุดอ่อนของคราเคนเด็ดขาด

ฉลามหางยาวค่อยๆ เข้าไปใกล้ พอเข้าใกล้ได้ระยะประมาณสี่ห้าสิบเมตรแล้ว หางที่ส่ายไปมาของมันจึงเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ตรงเป็นเส้นตรงฝ่าลมโต้คลื่นออกไป ราวกับตอร์ปิโดที่ปล่อยออกไป พุ่งทะยานไปยังตำแหน่งที่คราเคนอยู่

ฉินสือโอวตื่นตัวขึ้นมา จ้องไปที่ฉากนี้อย่างไม่ละสายตา

เมื่อเห็นว่าฉลามหางยาวพุ่งมาถึงด้านหน้าของหนวดของคราเคนแล้ว คราเคนที่ร่อแร่อยู่ก็เบิกตาที่ก่อนหน้านี้หยีไว้เพราะหมดแรงขึ้นมา ส่วนหนวดที่ร่วงลงไปเส้นนั้นก็ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ถือกระบองฟันหมาป่าแล้วฟาดไปที่ฉลามหางยาว!

กลยุทธ์หลอกล่อศัตรู คราเคนได้แสดงให้เห็นถึงไอคิวที่สูงที่ไม่แพ้กันให้กับของฉลามหางยาวออกมา

ฉลามหางยาวอยากจะทำลายหนวดหนึ่งเส้นของคราเคน แต่คราเคนกลับอยากทุบหัวของมันให้ละเอียด เพื่อเป็นการฆ่าให้ตายในคราเดียว!

แต่ฉลามหางยาวได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักหนีเอาชีวิตรอดตัวยงในมหาสมุทร หางอันยาวนั้นสามารถให้แรงที่ดีได้ ทำให้มันมีความคล่องตัวที่ดีที่สุดในหมู่ฉลามด้วยกัน

หางสะบัดไปมาอย่างรวดเร็วราวกับใบพัดเรือ ฉลามหางยาวบิดตัวราวกับบินครั้งหนึ่ง ในตอนนี้กระบองฟันหมาป่าของคราเคนฟาดมาถึงตรงหน้ามันแล้ว แต่มันกลับบิดตัวหลบหลีกกระบองฟันหมาป่าที่ฟาดลงมาได้อย่างเหลือเชื่อ

แต่ว่าหนวดของคราเคนอยู่ใกล้กับมันมาก เพื่อที่จะซุ่มโจมตีมัน คราเคนลงแรงไปมาก ท่าไม้ตายแบบนี้ มีเหรอจะให้ฉลามหางยาวหลบไปได้ง่ายๆ อย่างนี้?

แม้ว่ากระบองฟันหมาป่าจะฟาดไม่โดนฉลามหางยาวก็จริง แต่หนวดที่คล่องแคล่วราวกับงูของคราเคนก็ถือโอกาสแตะไปบนตัวของฉลามหางยาว จากนั้นจานดูดก็เริ่มทำงาน ทำการจับฉลามหางยาวไว้ในเงื้อมมือ

ฉลามหางยาวมีความยาวแค่สี่ห้าเมตร เมื่ออยู่ในหนวดของคราเคนที่มีความยาวถึงยี่สิบกว่าเมตรแล้วก็เหมือนกับปลาตัวเล็กตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่สามารถหนีออกมาได้

นอกเสียจากว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นฉลามหางยาวตัวนี้ต้องตายอย่างแน่นอน บนหนวดของหมึกยักษ์นั้นเต็มไปด้วยจานดูดทรงกลม ตรงขอบของจานดูก็มีสีเขียวเล็กๆ เป็นวงอยู่ นี่คืออาวุธที่ร้ายกาจมากอย่างหนึ่ง หลังจากรัดตัวเหยื่อไว้แล้ว สามารถดูดเนื้อบนตัวออกมาได้

หนวดเส้นหนึ่งจับตัวฉลามหางยาวไว้ หนวดอีกเก้าเส้นของคราเคนก็ออกตัวไปพร้อมกัน เพื่อเป็นการใช้กระบวนท่า พายุหมุนกระบองหมาป่า!

เห็นเพียงแค่หนวดเก้าเส้นหมุนไปมา หมุนตัวอย่างต่อเนื่อง แมงกะพรุนที่พันอยู่รอบๆ ตัว ต่างก็ถูกฉีกให้ขาดเป็นชิ้นๆ แบบนี้แล้วถึงแม้ว่าพลังชีวิตพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงตายจนตายอีกไม่ได้แล้ว!

ฉลามหางยาวสิ้นหวังไปในทันที!

การต่อสู้ครั้งนี้ทำเอาฉินสือโอวประทับใจอย่างมาก การยืมมือคนอื่นฆ่าของฉลามหางยาว การทำทีว่าอ่อนแอเพื่อจะจัดการศัตรูของคราเคน ทั้งสองฝ่ายสู้กันทางสมองและความกล้าหาญ ความสามารถที่แสดงออกมานี้ไม่มีตรงไหนที่ทำให้คนรู้สึกว่านี่คือสิ่งมีชีวิตไอคิวต่ำของมหาสมุทรเลย

ฉลามหางยาวแบบนี้จะตายไม่ได้ ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่แหละคือกุนซือมือสกปรกระดับสูงของมหาสมุทร หากตายไปแล้วคงน่าเสียดายมาก เขาควบคุมให้คราเคนคลายหนวดออก ฉลามหางยาวจึงรอดจากความตาย รีบมุ่งหน้าขึ้นไปบนผิวน้ำอย่างบ้าคลั่ง

การตัดสินใจของมันถูกต้องมาก แม้ว่าคราเคนจะสามารถออกไปที่ทะเลน้ำตื้นได้ แต่กลับไม่สามารถเป็นอิสระได้เหมือนมัน จำเป็นต้องเผื่อเวลาให้ปรับตัวก่อน และเวลาที่ใช้ในการปรับตัวนี้ ก็เพียงพอที่จะให้ฉลามหางยาวหนีไปได้แล้ว

ถูกคราเคนพันรัดไว้เพียงครู่เดียวเท่านั้น คราเคนยังไม่ได้ทันได้จู่โจมอะไรเลย บนตัวของฉลามหางยาวก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย ผิวด้านนอกได้มีแผลเปิดมากมายปรากฏออกมาให้เห็น ส่วนบางจุดก็ถึงขั้นว่าเนื้อหายไปส่วนหนึ่งเลย

ทั้งหมดล้วนถูกจานดูรูปร่างเลื่อยจากหนวดของคราเคนดูดไปทั้งนั้น

ฉินสือโอวแผ่พลังให้กับฉลามหางยาวไปบางส่วน เพื่อรอดูการลงมือครั้งต่อไปของมัน หากว่าไม่ใช่เจ้าหมอนี่แล้วล่ะก็ เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าคราเคนเก่งกาจแค่ไหน

เขารู้สึกว่าต่อไปฉลามหางยาวจะนำเซอร์ไพรส์มาให้เขาได้อีก อย่างตอนแมลงยักษ์สีดำความจริงก็เป็นมันนี่แหละที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจากไป คราเคนกลับมาควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกครั้ง มันหันหัวไปรอบด้านอย่างสงสัย เอ๋ อาหารที่อยู่ในมือล่ะ?

ฉลามหางยาวไม่อยู่แล้ว รูปร่างของฉลามขาวยักษ์และฉลามเสือที่คล้ายคลึงกันได้เข้ามาในสายตาของมันแทน

คราเคนใช้ดวงตาคู่โตที่แผ่รังสีอำมหิตจ้องไปที่เจ้าพวกนี้ แม้จะเป็นเฮยป้าหวังที่ชอบวางมาดก็ยังตกใจจนฉี่ราด มันรีบหันหัวหนีไปทันที ต้องถูกเห็นว่าเป็นอาหารแล้วทำให้ตายแน่เลย!

พอหันหัวแล้วเฮยป้าหวังค่อนข้างแปลกใจ ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องที่ตัวเล็กขนาดนั้น ยังชิงหนีไปก่อนเลย แถมความเร็วยังเร็วอย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย

แหมน้องชายนี่เป็นมือดีในด้านการหนีเอาชีวิตรอดเลยแฮะ พี่เฮยนับถือๆ เฮยป้าหวังทอดถอนใจ

ไม่หรอกๆ ไม่ใช่อะไร ก็แค่ทำจนชินแล้วเท่านั้น มันเดย์ถ่อมตัว

ให้ตายรีบหนีเอาชีวิตรอดเถอะ ยังจะมาวางมาดตรงนี้อีกทำไมกัน? มันเดย์ด่าออกไปอย่างเหยียดหยามทีหนึ่ง

น้องชายท่านนี้พูดไม่ถูกนะ พี่เฮยท่องยุทธภพพึ่งได้ก็แต่ความใจกล้านี่แหละ อีกอย่างตระกูลฉลามขาวยักษ์ของฉันก็เกรี้ยวกราดไม่เป็นรองใคร เหตุใดต้อง เฮยป้าหวังหันหลังกลับไปมองทีหนึ่ง คราเคนคาบชิ้นส่วนของแมงกะพรุนไล่ตามพวกมันมาจากข้างหลัง เฮ้ยให้ตายสิ มันตามมาจริงๆ เหรอ? ซวยแล้ว รีบวิ่งกันเถอะ!

คราเคนไล่ฉลามขาวยักษ์กับฉลามแมวเจ็ดพี่น้องออกไปได้แล้ว ก็หยุดลง แล้วเริ่มกินแมงกะพรุนขนสิงโตอย่างค่อยเคี้ยวค่อยกลืน

เห็นภาพนี้แล้ว สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรทั้งหลายล้วนพากันถอยหลบไปหมด ถึงขั้นกินของอย่างแมงกะพรุนขนสิงโตขั้วโลกเลยเหรอ? เหล่าพี่น้องพูดได้คำเดียวว่าพวกเราฝูงปลายอมแล้ว!

คราเคนทำท่าทางว่านี่นับประสาอะไร? ตระกูลหมึกยักษ์อย่างฉันกินอาหารทุกอย่าง อย่าว่าแต่แมงกะพรุนขนสิงโตเลย แม้แต่ของที่แย่กว่านี้ก็เคยกินมาแล้ว!

ที่มันไล่ฝูงฉลามขาวยักษ์กับฉลามแมวออกไป ก็เพราะอยากจะครอบครองน่านน้ำแถบนี้ สำหรับมันแล้ว แมงกะพรุนขนสิงโตพวกนี้เพียงพอให้มันไม่ต้องออกล่าอาหารไปได้อีกสักพักหนึ่งเลย…

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน