รอยยิ้มของฉินสือโอวเปลี่ยนเป็นเก้อเขินทันที เขารีบพูดว่า “พี่ใหญ่ท่านนี้ล้อกันเล่นแล้ว ผมเป็นแค่น้องชายตัวเล็กๆ ในวงสังคมของพวกเราคนจีนเท่านั้นเอง ใช่ไหมพี่ตงเหล่ย?”
ถึงเขาจะคิดว่าตัวเองไม่เหมือนกับคนธรรมดา แต่เขาก็คงไม่โง่จนหลงคิดว่าตัวเองจะเป็นผู้นำของคนจีนในนิวฟันด์แลนด์ได้หรอกนะ พูดอีกอย่างก็คือ ทำไมเขาต้องเป็นผู้นำด้วยล่ะ? เป็นผู้นำของคนจีนก็ไม่ทำให้เขาเสียภาษีน้อยลงหรอก แถมยังต้องปวดหัวกับปัญหาหลายๆ เรื่องอีก
เอี๋ยนตงเหล่ยพูดอย่างยิ้มๆ “สังคมคนจีนของพวกเราอยู่กันอย่างเรียบง่าย พวกเรามีผู้นำอะไรที่ไหนกัน?”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เอี๋ยนตงเหล่ยก็พูดต่ออีกว่า “แต่จะว่าไป ในหมู่ของพวกเราเสี่ยวฉินก็เป็นคนที่มีคนติดต่อคบหาด้วยเยอะที่สุดจริงๆ เส้นสายที่มีก็กว้างขวางที่สุด เหมาะที่จะเป็นแกนหลักในวงสังคมของพวกเราที่สุดแล้ว”
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตคนเราก็คือคำว่า ‘แต่’ นี่แหละ ฉินสือโอวแอบถอนใจอยู่ในใจ ปากก็ฝืนยิ้มออกไป “พี่ตงเหล่ยอย่าหยอกผมเล่นเลย ตรงนี้มีพี่ใหญ่ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ตั้งหลายคน พี่ตงเหล่ยจะแนะนำให้ผมรู้จักสักหน่อยไหม?”
เอี๋ยนตงเหล่ยช่วยแนะนำให้เขาฟังว่า คนเหล่านี้ล้วนแต่เข้ามาเป็นสมาชิกของสมาคมช่วยเหลือชาวจีนในนิวฟันด์แลนด์แล้ว พอพูดถึงตรงนี้เขาก็เชียร์ให้ฉินสือโอวเข้าร่วมสมาคมอีกครั้ง
ฉินสือโอวจึงกล่าวว่า “พี่ตงเหล่ยก็รู้จักผมดี ผมไม่ค่อยชอบเข้าไปอยู่ในวงสังคมเท่าไร แต่ถ้าทุกๆ คนมีอะไรให้ผมช่วย แล้วถ้าผมพอจะช่วยได้ ก็เอ่ยปากบอกกันได้เลย ผมจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน”
สำหรับสมาคมประเภทนี้ฉินสือโอวรู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดี พวกเขามักจะจัดกิจกรรมเพื่อขยายวงสังคมกับหาคอเนคชั่นใหม่ๆ อยู่เป็นประจำ ถ้าเขาเข้าสมาคมด้วย จะต้องมีคนมาขอทำความรู้จักกับคนอย่างตระกูลสเตราส์ หรือสองสามีภรรยาบรูซผ่านเขาไม่เว้นวันแน่ๆ และเขาก็ไม่อยากทำเรื่องพวกนี้ด้วย
เอี๋ยนตงเหล่ยมีความฉลาดทางอารมณ์ที่สูงมาก เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวไม่อยากคุยเรื่องนี้ เขาจึงเปลี่ยนไปชวนคุยเรื่องอื่น ด้วยการแนะนำชายวัยกลางคนผิวสีคล้ำรูปร่างอวบอ้วนคนหนึ่งให้เขาได้รู้จัก “น้องเพ่าไห่คนนี้ย้ายมาจากมณฑลเจ้อเจียง เมื่อก่อนเขาเคยเปิดกิจการประมงในจีน พวกนายทำความรู้จักกันไว้สักหน่อยเสียสิ”
ฉินสือโอวจับมือทักทายกันกับเขา คนคนนี้ดูจากหน้าแล้วก็เหมือนจะอายุประมาณสี่สิบปี แต่ตอนที่แนะนำตัวฉินสือโอวถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเขาคนนี้เกิดหลังปีแปดห้าพอดี ตอนนี้เพิ่งจะสามสิบกว่าๆ แก่กว่าเขาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
เพ่าไห่เป็นคนตรงไปตรงมาและมีอารมณ์ขัน พอมองออกว่าฉินสือโอวประหลาดใจกับเรื่องนี้ เขาจึงเอารูปร่างหน้าตาของเขามาพูดให้กลายเป็นเรื่องตลก “ฉันน่ะ เป็นคนใจร้อนหน้าตาก็เลยรีบร้อนเกินอายุไปด้วย บวกกับตากแดดตากลมทะเลทุกวันตอนนี้ก็เลยกลายเป็นแบบนี้นี่แหละ แต่ดูเหมือนว่าเสี่ยวฉินจะดูแลผิวพรรณได้ดีเลยนะ”
ฉินสือโอวคิดว่าเรื่องนี้ก็น่าจะต้องยกความดีความชอบให้หัวใจโพไซดอนเช่นกัน เป็นอย่างที่ว่าไว้จริงๆ คนที่ทำงานหาเงินอยู่บนทะเลจะยิ่งดูมีอายุได้ง่าย นั่นเป็นเพราะลมทะเลกับแสงแดดแผดเผาที่ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ดูอย่างพวกชาร์ค ผิวหนังของพวกเขาดูเหมือนกับว่าเคยถูกกระดาษทรายขัดมาก่อนไม่มีผิด พอกลับมาจากออกทะเล ผิวหนังก็จะขึ้นสีเป็นสีแดงเหมือนกุ้งมังกรต้ม
เมื่อมองดูเพ่าไห่ ฉินสือโอวจึงรู้สึกคุ้นชินเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าสีผิวแบบนี้ก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน อย่างน้อยก็ยังดูดีกว่าผิวของคนขาวที่ถูกแดดเผา ครั้งแรกที่ออกทะเลพวกชาร์คถูกแดดเผาอย่างรุนแรง พอกลับเข้าฝั่งก็ทำเอาฉินสือโอวตกใจจนแทบเต้น เขายังนึกว่าถูกใครเอาสีทามาเสียอีก
คุยกันไปคุยกันมาพอทั้งสองคนพูดถึงเรื่องสมัยก่อน ฉินสือโอวถึงเพิ่งได้รู้ว่าเพ่าไห่กับเขาเป็นนักศึกษาเก่าสถาบันเดียวกัน พวกเขาต่างก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยสมุทรศาสตร์ด้วยกันทั้งคู่
“บังเอิญมากจริงๆ ผมรุ่น 08 นะ แล้วพี่ล่ะ?” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มดีใจ
เพ่าไห่บอกว่า “แก่กว่าไม่เท่าไรเอง ฉันรุ่น 04 หลังจากเรียนจบก็ไปทำงานอยู่บนเรือเดินสมุทรเลย หลังจากนั้นก็คิดว่าทำงานบนเรือเดินสมุทรไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร หาคนมาแต่งงานด้วยยากไปหน่อย ต่อมาเลยอยากเปิดฟาร์มแล้วหาแฟนสักคน”
“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ?” ฉินสือโอวถามเขาด้วยความสนอกสนใจ
“เฮ้อ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรต่อแล้ว จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังหาเมียไม่ได้เลย…” เพ่าไห่พูดด้วยสีหน้าอมทุกข์ จนคนทั้งกลุ่มพากันหัวเราะออกมา
เอี๋ยนตงเหล่ยพูดว่า “เสียวไห่ต้องรีบแล้วล่ะ ดูเสี่ยวฉินสิ ตอนนี้เขาเป็นพ่อคนแล้วนะ”
ฉินสือโอวจึงพูดปลอบเพ่าไห่ว่า “ไม่เป็นไรหรอก พี่ไห่ เรื่องนี้น่ะต่อให้รีบร้อนไปมันก็ยังไม่มาหาเราหรอก เมื่อก่อนตอนที่ผมยังเป็นพวกขี้แพ้ผมก็หาแฟนไม่ได้เหมือนกัน”
ทุกๆ คนหัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้ง เอี๋ยนตงเหล่ยพูดว่า “เสี่ยวฉินลงมีดได้อำมหิตเกินไปแล้ว”
ฉินสือโอวจึงพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวรุ่นพี่ของผมก็ยกโทษให้ผมเองนั่นแหละ ใช่ไหมครับ รุ่นพี่?”
“นายช่วยฉันหาเมียก่อนสิแล้วเดี๋ยวฉันจะยกโทษให้” เพ่าไห่พูดกับเขาอย่างระทมทุกข์
ฉินสือโอวยิ้มแล้วตอบเขากลับไปว่า “เงื่อนไขข้อนี้ยากเกินไปแล้ว ผมช่วยพี่นำเข้าลูกพันธุ์ปลาคุณภาพดีสักสองสามพันธุ์แทนได้ไหม?”
เอี๋ยนตงเหล่ยบอกว่าเพ่าไห่ก็ทำฟาร์มปลาเหมือนกัน ฉินสือโอวเลยอยากช่วยเขาสักหน่อย และการส่งลูกพันธุ์ปลาไปให้ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้แล้ว
ชื่อเสียงของฟาร์มปลาต้าฉินดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ฉินสือโอวคิดว่าเพ่าไห่ต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของฟาร์มปลาของเขามาก่อนอยู่แล้ว ถ้าให้ความช่วยเหลือเขาด้วยวิธีนี้ เขาต้องดีใจมากแน่ๆ
ผลปรากฏว่าเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ เพ่าไห่พูดออกมาด้วยรอยยิ้มจืดเจื่อนว่า “เมื่อก่อนตอนอยู่จีนฉันเคยทำฟาร์มเพาะพันธุ์ปลา แต่ฉันมาแคนาดาด้วยการเป็นแรงงานอพยพที่มีทักษะน่ะ ตอนนี้ไม่ได้ทำฟาร์มแล้วล่ะ ฉันไม่ได้มีเงินทุนเยอะขนาดนั้น”
เมื่อปีก่อนแคนาดาระงับการย้ายถิ่นฐานด้วยการลงทุน แล้วเปลี่ยนมาใช้การนำเข้าทรัพยากรคนที่มีความสามารถ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจของแคนาดาในช่วงสองปีที่ผ่านมาต้องตกต่ำลง ที่จริงแล้วประเทศแคนาดามีแนวโน้มที่จะเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่หลายปีก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ถูกนโยบายการอพยพด้วยการลงทุนครอบคลุมเอาไว้ เนื่องจากการลงทุนที่สม่ำเสมอก่อให้เกิดโอกาสในการทำงานและเงินภาษีที่มากขึ้น
ฉินสือโอวถามเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่ใช้ทักษะทางด้านไหนในการอพยพมาที่นี่?”
เพ่าไห่กล่าวว่า “ด้านการเดินสมุทรนั่นแหละ พอเรียนจบฉันก็ออกทะเลไปทำงานในมหาสมุทรไกลชายฝั่งเลยใช่ไหมล่ะ? หลังจากนั้นเพราะความขยันฉันเลยได้ตำแหน่งต้นกล ก็ใช้ตำแหน่งหน้าที่นี้ในการขออพยพนั่นล่ะ”
พอฟังถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกแปลกใจมาก เขาจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “พี่เป็นต้นกลเหรอ?”
เพ่าไห่พูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เพราะขยันทำงานบวกกับดวงค่อนข้างดีก็เลยกลายเป็นแบบนี้นี่แหละ”
เขารู้ว่าทำไมฉินสือโอวถึงรู้สึกประหลาดใจ โดยทั่วไปกว่าลูกเรือธรรมดาจะได้เป็นต้นกลก็ต้องใช้เวลาถึงสิบห้าปี แถมเขาหลังจากเรียนจบเขาก็ทำงานเป็นลูกเรือทันที จะได้เป็นต้นกลก็ต้องใช้เวลาสักสิบปี เวลาที่เขาแนะนำตัวว่าเป็นต้นกล ก็จะมีคนตกใจทุกครั้งจนเขาชินกับมันแล้ว
ตามกฎข้อบังคับของอุตสาหกรรม กะลาสีระดับอาวุโสจะต้องปฏิบัติงานเป็นเด็กฝึกงานในตำแหน่งนายช่างกลเรือที่ 4 อยู่บนเรือก่อนเป็นเวลา 12 เดือน ถ้าปฏิบัติงานได้ดี ก็สามารถขอใบรับรองเพื่อทำงานในตำแหน่งนายช่างกลเรือที่ 4 ได้เลย เมื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นนายช่างกลเรือที่ 4 จนครบ 18 เดือนแล้ว และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ก็จะได้เลื่อนไปทำหน้าที่นายช่างกลเรือที่ 3 พอทำงานเป็นนายช่างกลเรือที่ 3 จนครบ 12 เดือนและสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดี หลังจากผ่านการสอบวัดคุณลักษณะจากสำนักงานความปลอดภัยทางทะเลถึงสามารถเลื่อนขั้นเป็นรองต้นกลได้
และเมื่อปฏิบัติหน้าที่รองต้นกลได้ครบ 18 เดือนเต็ม หากสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีและผ่านการสอบวัดคุณลักษณะแล้วก็จะสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นต้นกลได้ในที่สุด
เมื่อลองคำนวณแบบนี้ ถ้าจะเป็นต้นกล ต่อให้เร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึงห้าปีอยู่ดี และนี่ยังเริ่มต้นด้วยตำแหน่งลูกเรืออาวุโสอีกต่างหาก
ฉินสือโอวเดาว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเพ่าไห่น่าจะมีความสามารถที่โดดเด่นมาก เขามีใบปริญญาบัตรจากมหาลัยทางด้านอุตสาหกรรมทางทะเลที่ดีที่สุดของจีน คาดว่าเขาน่าจะเข้าไปทำงานในบริษัทด้วยตำแหน่งกะลาสีระดับอาวุโสนั่นเอง
นี่ถือว่าบังเอิญมาก เรือปริ้นเซสเมล่อนของฉินสือโอวกำลังขาดต้นกลอยู่คนหนึ่ง เพ่าไห่ก็ปรากฏตัวขึ้นได้ถูกเวลาพอดี เขาวางแผนไว้คร่าวๆ ว่าจะออกเรือในช่วงฤดูหนาวของปีนี้หรือไม่ก็ช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า หากเจิ้งอวี้ฮุยเห็นว่าเหมาะสม จะได้ให้เขาเข้าไปทำงานในตำแหน่งนั้นเลย
แต่เรื่องแบบนี้จะทำอย่างรีบร้อนไม่ได้ ต้นกลเป็นตำแหน่งสำคัญที่รับผิดชอบหน้าที่ในการดูแลเครื่องยนต์ของเรือกลทั้งลำ สิ่งสำคัญในการเดินเรือไกลชายฝั่งคือจะต้องไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นกับเรือโดยเด็ดขาด ถ้าเรือไม่มีปัญหาก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แต่ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาสิ่งที่ต้องสูญเสียอาจจะไม่ใช่แค่เงิน
……………………………………………