ทั่วทั้งฟาร์มปลาถูกทำความสะอาดทั้งหมด แถมวินนี่ยังใช้สิทธิ์ของนายกเทศบาลในการทำความสะอาดเมืองครั้งใหญ่อีกด้วย ฉินสือโอวอยากจะออกเงินเพื่อเป็นรางวัลให้กับชาวเมืองที่ให้ความร่วมมือด้วย วินนี่ยักไหล่แล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะทำอยู่แล้ว การทำความสะอาดก็เป็นการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีกว่าไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า “ที่รัก คุณเพิ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่พนักงาน แต่กลับเข้าใจวิถีของการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว ผมคงต้องกดไลก์ให้กับความหยั่งรู้ของคุณ 911 ครั้งแล้วล่ะ”
อย่างไรเสียตอนนี้ก็เป็นผู้ชายเลขสามเต็มตัวแล้ว ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาไปร่วมงานแต่งงาน งานแต่งงานของเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียนและเพื่อนสนิท ล้วนเชิญเขาไปร่วมงานทั้งนั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านชายฉินก็รู้สึกเศร้ากับความกระเป๋าแบนของเขาก่อนหน้านี้ขึ้นมา
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องนอกประเด็น ที่ฉินสือโอวอยากพูดก็คือ เมื่อก่อนที่เขาไปร่วมงานแต่งงาน รู้สึกว่าเป็นงานที่ยุ่งมากสำหรับครอบครัวของคู่แต่งงานใหม่ทั้งสองฝ่าย
แต่พอตอนนี้ถึงตาเขา เขากลับรู้สึกว่ายิ่งเข้าใกล้พิธีแต่งงานเท่าไร เขายิ่งรู้สึกโล่งใจ เขาไม่ต้องทำอะไร งานแต่งงานทั้งหมดมีบริษัทจัดงานแต่งรับผิดชอบอยู่ ด้านการวางแผนก็มีผู้กำกับอยู่ เขาแค่ออกความคิดเห็นก็พอ ทุกขั้นตอนของงานแต่งงานล้วนเป็นความรับผิดชอบของบริษัท สิ่งที่เขาต้องทำก็คือดูว่าถูกใจเขาหรือเปล่าเท่านั้น
ส่วนวินนี่เหรอ? งานของเจ้าสาวยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ แม้แต่งานประจำของเธอก็ไม่ถูกรบกวน ทุกวันนี้เธอก็ยังคงไปทำงานตามปกติ นอกเสียจากว่าต้องหาเวลาไปลองชุดแต่งงานเท่านั้น
ถึงแม้จะมีเรื่องที่ต้องไปทำ แต่ก็ยังมีพ่อแม่ พี่สาวและพี่เขยของวินนี่อยู่ ตามธรรมเนียมของแคนาดา งานแต่งงานทั้งหมดจะให้ครอบครัวทางฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการ ค่าใช้จ่ายก็เป็นครอบครัวทางฝ่ายหญิงเป็นคนออก
แต่ว่านั่นคือในสถานการณ์ปกติ อย่างงานแต่งของฉินสือโอวนั้น เขาเป็นคนจีน วินนี่ก็มีเชื้อสายจีนด้วย ดังนั้นธรรมเนียมหลายๆ อย่างจึงยึดของจีนแทน งานแต่งงานเป็นการจัดเตรียมร่วมกันของพ่อแม่ของฉินสือโอวและวินนี่ เขาให้บัตรกับพ่อแม่ใบหนึ่ง ในนั้นมีเงินอยู่หนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดา ไม่ว่าจะอย่างไรก็พอ
ฉินสือโอวไปถามว่ามีอะไรให้หรือไม่ช่วยหลายครั้ง คำตอบของมาริโอ้และมิแรนดาก็คือ “เธอกับวินนี่ไปเที่ยวเล่นกันเถอะ เรื่องพวกนี้พวกเราจัดการเอง พวกเรารับผิดชอบทำงาน พวกเธอรับผิดชอบพลอดรักกัน”
แต่ความจริงแล้วเขาก็ไม่มีทางไปพลอดรักกันได้หรอก คนที่มาร่วมงานแต่งมีมากเกินไป เพื่อนสมัยเรียนมาถึงก่อนแล้ว จากนั้นก็ไปรับญาติๆ จากบ้านเกิด แม้ว่าจะมีพี่สาวและพี่ชายรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ แต่เขาที่ศักดิ์น้อยกว่าก็ยังต้องไปดูแลด้วย
มาถึงวันที่สาม นี่เป็นสุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม พวกเพื่อนและเพื่อนสมัยเรียนของวินนี่มาถึงแล้ว ฉินสือโอวก็ยังต้องแสดงความจริงใจโดยการไปต้อนรับเพื่อนสมัยเรียนของเธออีกด้วย
ตั้งแต่มาถึงฟาร์มปลา นอกจากคนในครอบครัวแล้ว วินนี่ก็ไม่เคยพาใครมาที่ฟาร์มปลาเลย หลักๆ ก็เพราะเธอห่างเหินกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้ว และไม่ได้เจอกันอีก ความจริงเหตุผลหลักๆ ก็คือเธอต้องออกเดินทางไกล
รวมเครื่องบินเล็กของบิลลี่เข้ามา เครื่องบินสามลำก็เริ่มบินไปรับคนทั่วแคนาดา หากมากกว่าหกคนก็จะใช้โกลบอล 700 ไม่อย่างนั้นใช้เครื่องบินลำเล็กก็เพียงพอ ฉินสือโอวอยากให้หน้าวินนี่เต็มที่ ดังนั้นจึงใช้เครื่องบินส่วนตัวในการไปรับแขกจากฝั่งเจ้าสาวทั้งหมด
วิธีของเออร์บักมีประสิทธิภาพมากๆ หลังจากส่งรายชื่อผู้ร่วมงานไปพร้อมกับบัตรเชิญให้กับเพื่อนสมัยเรียนของวินนี่แล้ว เธอก็ได้รับการติดต่อจากเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่ไม่เคยติดต่อกันเลยอย่างรวดเร็ว
นี่ก็คือโลกแห่งความจริง โดยเฉพาะเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของวินนี่ที่ล้วนจบจากโรงเรียนดังแล้ว พวกเขาจะรู้ถึงความสำคัญของเส้นสายมากกว่าคนทั่วไป หรือหากจะพูดให้ชัดเจนก็คือ พวกเขาจะมีความเป็นพวกผลประโยชน์นิยมมากกว่า
วินนี่ส่งบัตรเชิญให้กับเพื่อนมหาวิทยาลัยทุกคนรวมแล้วก็ยี่สิบแปดคน คนที่มาร่วมงานจริงๆ มียี่สิบสี่คน อีกสี่คนที่เหลือแม้ว่าจะไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่ก็ได้ส่งคำอวยพรมาให้เธอ
คนทั้งยี่สิบสี่คนล้วนเป็นสาวสวยที่สง่างาม อย่างไรเสียก็เป็นผู้หญิงที่จบมาจากโรงเรียนสตรีระดับท็อปของอเมริกาเหนือ ฉินสือโอวดูสาวๆ พวกนี้ แล้วก็หันกลับไปมองเพื่อนสมัยเรียนของตัวเอง โดยเฉพาะกับชายชอบแคะเท้าอย่างเฉินเหลยแล้ว ก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วตัวเองกับวินนี่เป็นคนที่อยู่กันในโลกขนาน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไป ไม่เพียงแต่ทำให้เขาร่ำรวย ยังทำให้รูปร่างเขาดีกว่าเดิม บุคลิกโดดเด่นกว่าคนทั่วไป อย่างน้อยก็สามีและแฟนที่เพื่อนสมัยเรียนของวินนี่พามาด้วย เมื่อเทียบกับฉินสือโอวแล้วก็ยังมีด้อยกว่าไปบ้าง
บุคลิกของผู้ชายมีหลายด้าน ความมั่นใจในตัวเอง ใจกว้าง สุขุม เด็ดขาดของฉินสือโอว ได้มาจากการถูกผ่านลมคลื่นหล่อหลอมออกมา แม้จะอยู่ตรงหน้าเจ้าชายทั้งสองก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลย
ฉินสือโอวไปต้อนรับเพื่อนและเพื่อนสมัยเรียนพร้อมกับวินนี่ วินนี่แนะนำให้เขารู้จักคนมากมาย ทั้งเจสสิกา เดซี่ เอเดอลีน แนนซี สรุปก็คือในสองวันนี้เขาได้รู้จักกับสาวสวยต่างสีผิวกว่าสามสิบกว่าคน
ตกดึกพอฉินสือโอวว่างก็จะเรียกพวกเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยมาตั้งเตาย่างตรงสนามหญ้าแล้วดื่มเบียร์คุยโม้กัน เมื่อเพื่อนสมัยเรียนของวินนี่มาถึง สาวๆ พวกนี้จึงกลายเป็นหัวข้อหลักในการสนทนาไป
เหมาเหว่ยหลงเสนอขึ้นมาก่อนว่า “ฉินโซ่ว นายไปคุยกับวินนี่หน่อยสิ ให้แนะนำเพื่อนให้ที นายดูฝั่งนั้นมีสาวโสดตั้งเยอะ ฝั่งเราก็มีชายโสดเยอะ ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวปัดมือ แล้วพูดว่า “ช่างเถอะ สาวๆ พวกนั้นไม่คู่ควรกับพวกน้องเราหรอก พวกเขาน่ะแค่มองก็พอแล้ว ไม่ต้องไปมีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเขาจริงๆ จังๆ หรอก”
เฉินเหลยพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่นายกำลังพูดประชดอยู่หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวมองไปที่เขาทีหนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “เอ๋ พี่เหลยของเรากลายเป็นคนฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ฟังออกด้วยเหรอว่าฉันพูดประชดน่ะ?”
ล้อเล่นก็ส่วนล้อเล่น ตอนนี้เขากับพวกเพื่อนๆ ต่างกันมาก บางครั้งแค่คำหยอกล้อคำหนึ่งก็สามารถสร้างปัญหาให้ได้ ดังนั้นฉินสือโอวจึงรีบเสริมคำพูดของเขา โดยการพูดถึงเรื่องของวินนี่กับเพื่อนออกมา
“…ดังนั้นก็ตามนี้แหละ วินนี่เคยเจอพวกนายหลายครั้งแล้วใช่ไหม? แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับเพื่อนสมัยเรียนของเธอ สาวๆ พวกนี้พากันรวมตัวกันไม่คุยกับวินนี่เป็นเวลานานเลย ครั้งนี้เพราะได้รู้ว่างานแต่งงานของฉันจะมีคนใหญ่คนโตมาร่วมงานด้วย จึงพากันมาร่วมงาน เป็นพวกเห็นแก่ผลประโยชน์เกินไป” ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจ
เหมาเหว่ยหลงส่ายหัวแล้ว ถอนหายใจแล้วพูดว่า “โลกของผู้หญิง วุ่นวายเกินไป มาๆๆ ดื่มเบียร์ๆ กินเนื้อ ทุกคนต้องกินเนื้อ การที่พวกเราได้มารวมตัวกันได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ถึงวันที่หกวันงานแต่ง ตั้งแต่วันที่ห้าพวกแขกเหรื่อก็มาถึงกันพอประมาณแล้ว เครื่องบินของสามีภรรยาบรูซก็มาถึงวันนี้ด้วย พวกเขานั่งเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลมา สนามบินของฟาร์มปลาไม่พอให้จอดเครื่องบินเยอะขนาดนี้ จึงจำต้องจอดไว้ที่สนามบินเซนต์จอห์นแทน
ฉินสือโอวพาวินนี่ เหมาเหว่ยหลง และเฉินเหลยไปรับ ระหว่างทางเฉินเหลยถอนหายใจแล้วพูดว่า “ว้าว ฉิน งานแต่งของนายจัดเตรียมได้อลังการจริงๆ คนอื่นเขาไม่มีที่จอดรถกัน แต่ที่นายกลับไม่มีที่จอดเครื่องบิน…”
ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ เขาเองก็ไม่ได้หวังให้งานแต่งเป็นแบบนี้เลย เป็นเหมือนการอวดฐานะ ซึ่งไม่มีความหมายอะไรเลยกับเขาในตอนนี้
แต่เพราะเขาอยู่ในแวดวงนี้ รอบตัวของเขาได้มาถึงจุดนี้แล้ว งานแต่งงานเขาไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขาอีกต่อไป แต่เป็นเวทีสำหรับการเข้าสังคมของคนมากมาย ไม่อย่างนั้นคนอย่างพ่อลูกสเตราส์จะมาทำไม?
พวกของฉินสือโอวไปถึงสนามบินไม่นาน เครื่องบินของสองสามีภรรยาบรูซก็ลงจอด ไวส์วิ่งเข้ามาราวกับสายลมพัด ทำท่าประสานมือคำนับฉินสือโอวมาแต่ไกล แล้วพูดว่า “อาจารย์ ยินดีกับงานแต่งด้วยครับ! ยินดีกับงานแต่งครับ!”
คำพูดนี้ของไวส์พูดออกมาด้วยภาษาจีนแมนดาริน หลังจากได้ยินคำพูดเขาแล้ว พวกของเฉินเหลยก็หัวเราะกันท้องแข็ง แล้วพูดว่า “ว้าว ฉิน นี่นายไปตั้งสำนักตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?”
………………………………………………….