ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1377 ปลาน้อยรีบมาเร็วๆ

บทที่ 1377 ปลาน้อยรีบมาเร็วๆ

ถึงอย่างไรก็จบมหาวิทยาลัยมาเป็นเวลาหกถึงเจ็ดปีแล้ว พวกเขาอดทนอยู่ในสังคมมานานและพวกเขาก็ได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดแล้ว

ก่อนกลับจงต้าจวิ้นตบไหล่ฉินสือโอวเบาๆ และพูดว่า “จากนี้ฉันจะถือว่าที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุด อนาคตฉันจะกลับมาหาเจ้าถิ่นที่นี่อีก หวังว่านายจะไม่รำคาญนะ”

ฉินสือโอวจึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้ จากนั้นจึงพูดว่า “ฉันก็อยากให้พวกนายอยู่ที่แคนาดา! ทางที่ดีถึงเซนต์จอห์นแล้ว อย่าไปแฮมิลตันเหมือนโคโกโร่นะ”

เหมาเหว่ยหลงตะโกนขึ้นอย่างน้อยใจว่า “ให้ตายเถอะ เซนต์จอห์นของแกต้องมีฟาร์มนะ ถ้าไม่มีฟาร์มฉันจะเอาอะไรกินล่ะ? ฉันไม่เหมือนแก มีคุณปู่ที่ทิ้งมรดกให้สืบทอดฟาร์มปลาต่อนี่นา”

เฉินเหลยลูบที่เข็มขัดพร้อมพูดว่า “พูดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลย โชคชะตานี่ก็แปลกประหลาดดีนะ ตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย เราทุกคนรู้สึกว่าฉินเป็นคนจนๆ ไม่มีอะไร แต่สุดท้ายผู้ชายคนนี้ก็เป็นถึงทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองอย่างแท้จริง”

“ถ้าเทียบกับรุ่นแรกอะไรจะดีกว่ากัน?” เหยียนตงถามให้กลมกลืนกับเรื่องที่คุยกันอยู่ “คำตอบก็คือลูกหลานของกลุ่มชาวประมง!”

ในขณะที่การสนทนาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงรายงานของพนักงานต้อนรับอันไพเราะและนุ่มนวลก็ดังขึ้น “เรียนท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน เที่ยวบินเอสเฮชหกหกแปด จากเซนต์จอห์นไปแฮมิลตันเริ่มทำการเช็กอินได้แล้วในขณะนี้ กรุณาไปที่เคาน์เตอร์หมายเลขห้าค่ะ…”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฉินเหลยก็หันกลับมากอดฉินสือโอวพร้อมกับตบหลังเขาแรงๆ และพูดว่า “ไปแล้วนะเพื่อน มีความสุขมากที่ได้สนุกกับนายในครั้งนี้! ไว้คราวหน้ามีโอกาสจะมาหานายอีก เตรียมเนื้อและไวน์ไว้ให้ฉันได้เลย!”

ฉินสือโอวยิ้มอย่างไม่เต็มใจแล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับเสมอ”

คนอื่นๆ ก็เข้ามากอดเขาทีละคน สุดท้ายซ่งจวินเหมยและเพื่อนผู้หญิงอีกสามคนก็มองเขาด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เราจับมือกันก็พอแล้วไหม?”

ฉินสือโอวยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปกอดพวกเธอทุกคนและพูดว่า “กอดกันก็ได้จะจับมือไปทำไมล่ะ?”

พอส่งทุกคนไปทางเดินขึ้นเครื่องแล้ว ฉินสือโอวก็พยายามโบกมือและตะโกนว่า “พวกนาย อายุไม่ใช่น้อยๆ กันแล้วนะ จะแต่งงานก็ควรรีบแต่งงานกันได้แล้ว! ฉันจะรองานแต่งงานของพวกนาย รอไปป่วนในงานแต่งงานของพวกนายอยู่นะ!”

พวกเขายิ้มพร้อมกับหันมาโบกมือ ฉินสือโอวรอจนมองไม่เห็นเงาของพวกเขาถึงจะหันหลังจากไป

ถ้าจะพูดให้เข้ากับสถานการณ์ ฉินสือโอวรู้สึกว่าตอนนี้คงจะพูดได้ว่า หมดยุคหนึ่งได้จบลงแล้ว ยุคหนึ่งก็กำลังเริ่มขึ้น…

เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็กลับมายุ่งอยู่กับการตกปลาอีกครั้ง เขาเรียกเพ่าไห่ที่รู้จักในงานรำลึกสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อหนึ่งเดือนก่อนมาและขอให้ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆ ไปขึ้นเรือปริ้นเซสเมล่อนกับเขา เพื่อดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องลำนี้และดูว่าเขาจะเข้ากันกับชาวประมงได้หรือไม่

ตัวเขาเองไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงไปแช่น้ำที่น้ำพุร้อน เขาพาเพื่อนตัวน้อยหู่เป้าฉงหลัวมาด้วย เมื่อไปถึงสระน้ำพุร้อน เขาก็เอนตัวนอนบนเก้าอี้และแช่อยู่ในน้ำอุ่น ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าผิวของเขาได้รับการผ่อนคลายมากขึ้น

หลังจากฉงต้ากระโดดลงไปในน้ำก็มองดูอย่างละเอียด ฉินสือโอวผิวปากใส่มันและยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า “ไม่ต้องหาแล้ว มันไม่มีปลา ที่นี่ไม่มีแซลมอน”

ฉงต้าส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจออกมา จากนั้นก็หาในน้ำต่อไป

เมื่อเห็นฉงต้ากำลังหาปลาในสระ จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ว่า เขาสามารถเลี้ยงปลาการารูฟาในบ่อน้ำพุร้อนได้ เจ้าปลาตัวเล็กๆ นี้สามารถกินผิวหนังที่ตายแล้ว สิ่งสกปรกและแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์ได้ ซึ่งมันยังเข้ากันกับน้ำพุร้อนได้ดีด้วย

เมื่อคิดได้ ฉินสือโอวจึงลุกขึ้นและเอนตัวลงบนขอบสระ จากนั้นก็เริ่มค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ

ปัจจุบันปลาที่ใช้ในบ่อน้ำพุร้อนมากที่สุดในโลกคือปลาดาวหรือที่เรียกว่าปลาสร้อยน้ำผึ้งตุรกี ปลาแปลกประหลาดชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก มันสามารถดูดผิวหนังที่ตายแล้วจากการเกิดขึ้นแทนของเก่าในร่างกายมนุษย์และสามารถดูดสิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่ตกค้างในรูขุมขนของหนังกำพร้าของมนุษย์ได้ ทำให้ร่างกายของมนุษย์ปลอดโปร่ง ป้องกันไม่ให้แบคทีเรียและไวรัสสะสมในร่างกายมนุษย์ ในขณะเดียวกันยังทำให้ร่างกายมนุษย์ดูดซึมส่วนผสมแร่ธาตุในน้ำพุร้อนได้อย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค

แต่หลังจากที่เขาค้นหาข้อมูลได้จำนวนมากแล้ว กลับไม่พบว่าปลาชนิดนี้ขายที่ไหน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากโทรหาบิลและบอกว่าตัวเขาต้องการซื้อปลาการารูฟา

หลังจากได้ยินเขาพูด เสียงหัวเราะแห้งของบิลก็ดังขึ้น “ไม่ได้นะฉินเพื่อนรัก นี่คุณกำลังทำให้ผมมีปัญหา ไม่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติในเซนต์จอห์น อ้อ ผมหมายถึงยกเว้นในบริเวณของคุณ ถ้าไม่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติ ก็จะไม่มีปลาการารูฟา ถ้าคุณต้องการซื้อ คุณต้องลองไปดูที่โทรอนโตเท่านั้น”

ฉินสือโอวบอกว่าถ้าอย่างนั้นเขาจะคิดหาวิธีอื่นอีก บิลจึงพูดโน้มน้าวว่า “นี่คุณ จริงๆ แล้วน้ำพุร้อนไม่จำเป็นต้องมีปลาการารูฟาชนิดนี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณต้องการเลี้ยง คุณเคยคิดไตร่ตรองดูไหมว่าพวกมันจะอยู่รอดในที่ของคุณได้ไหม?”

“เอาล่ะ ถึงแม้ว่าพวกมันจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในบ่อน้ำพุร้อนของคุณได้ แล้วถ้าพวกมันตายล่ะ? หลังจากที่พวกมันตาย คุณจะเพิ่มมันได้อย่างไร? จะซื้อปลาตัวเล็กๆ จากทางไกลในโทรอนโตมาอีกไหม?”

สิ่งที่บิลพูดก็มีเหตุผลเช่นกัน แต่หลังจากนั้นฉินสือโอวยังคงดึงดันที่จะติดต่อกับเรคด้วย เขามีนิสัยแบบนี้คือถ้าเขาคิดอะไรออกก็จะลงมือเลย ในเมื่อตอนนี้มีสระน้ำพุร้อนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้แล้ว ก็จะน่าเสียดายที่ไม่มีปลาการารูฟาที่เข้าคู่กัน

คำตอบของเรคก็เหมือนกับบิล เขาพูดว่า “ฉันไม่เคยเห็นปลาการารูฟาในนิวฟันด์แลนด์มาก่อน ปลาชนิดนี้ไม่ได้มีแหล่งกำเนิดในแคนาดา พวกมันถูกส่งมาจากที่ต่างๆ เช่นเม็กซิโก ทั้งยังมีราคาแพงและไร้ประโยชน์อีกด้วย”

ฉินสือโอวถอนหายใจและพูดว่าโอเค ดูเหมือนว่าความคิดของเขาจะต้องหยุดชะงักลงเพียงเท่านี้

เรคหัวเราะและพูดว่า “ฉันเข้าใจในสิ่งที่นายคิด จริงๆ แล้วนายอยากทำให้น้ำพุร้อนของนายมีชีวิตชีวาขึ้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำให้นายเลี้ยงปลาเขตร้อน อย่างเช่นปลามอลลี่สีดำ ปลากระโปรงดำ ปลาหมอริวูเลตัส ปลาหมอตาลและอื่นๆ”

ฉินสือโอวปฏิเสธ ถ้าแค่ต้องการหาปลาที่ปรับตัวเข้ากับน้ำร้อนได้ แล้วทำไมเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรคล่ะ? ในส่วนของภูเขาไฟใต้ทะเลในฟาร์มปลา ไม่ได้มีแค่ฝูงปลาและกุ้งที่ปรับตัวเข้ากับน้ำทะเลอุ่นได้ไม่ใช่เหรอ?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างรุนแรง ในใต้น่านน้ำรอบภูเขาไฟไม่มีแค่ปลาตัวเล็กๆ ที่สามารถทำความสะอาดระบบการเปลี่ยนแปลงของโรคหรือแบคทีเรียหรือพยาธิให้ปลาและกุ้งได้? ปลาเหล่านี้ไม่มีค่าอะไร เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจมัน ตอนนี้เขาจึงอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าปลาตัวเล็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ใช่ไหม?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อยู่ ฉินสือโอวจึงรีบส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงใต้น่านน้ำทะเลภูเขาไฟ ตอนนี้กองกำลังทหารงูทะเลก็อาศัยอยู่ตามก้นทะเลแห่งนี้ ซึ่งที่นี่มีอุณหภูมิของน้ำค่อนข้างสูง พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ในฤดูหนาวและนี่ก็คือสวรรค์สำหรับพวกมัน

เนื่องจากกองกำลังทหารงูทะเล ทำให้ตอนนี้ปลาและกุ้งตัวเล็กใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก จริงๆ แล้วงูเหลือมทะเลจะไม่กินปลาและกุ้งตัวเล็กที่นี่ เพราะมีปลาตัวอ้วนกว่า รสชาติดีกว่าในฟาร์มปลา แล้วทำไมต้องกินพุดดิ้งเล็กๆ เหล่านี้ด้วย? แต่ปลาและกุ้งตัวเล็กๆ ไม่รู้เรื่องนี้ พวกมันจึงอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยความหวาดกลัว

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมทะเลผืนนี้อย่างสมบูรณ์และฉินสือโอวก็ได้พบปลาตัวน้อยที่เขากำลังตามหาทันที

ซึ่งมันเป็นเหมือนกับปลาการารูฟา ปลาชนิดนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มันสามารถเติบโตได้มากสุดแค่ห้าถึงหกเซนติเมตร พวกมันจะสวยงามกว่าปลาดาว ลำตัวแทบจะโปร่งใสและมันวาว ถ้ามีแสงสะท้อนก็จะทำให้เห็นกระดูกสีขาวและอวัยวะที่มีสีเทาดำบางส่วนของพวกมัน

………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน