ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1485 รับคำสรรเสริญ

บทที่ 1485 รับคำสรรเสริญ

หลังจากวินนี่เลิกงานกลับมาเธอก็กอดแน่นจนตาแดงไปหมดเช่นกัน เพราะตั๋วตั่วเรียกเธอว่าแม่บุญธรรม

เสี่ยวเถียนกวานั่งโอบแมวน้ำน้อยสองตัวบนพื้นพรม เธอมองไปที่ตุ๊กตาสาวสวยที่กอดหม่าม๊าของเธอแน่นอย่างงุนงง มีความรู้สึกว่าสถานะของเธอในครอบครัวเริ่มโดนคุกคามอีกแล้ว

แต่แล้วแมวน้ำตัวน้อยก็แสดงทักษะพิเศษในการเลี้ยงลูกบอลบนศีรษะ เสี่ยวเถียนกวาจึงเอาลูกบอลมาวางบนศีรษะบ้าง และแน่นอนว่าเธอเลี้ยงลูกบอลไม่ได้

เพื่อฉลองที่ตั๋วตั่วพูดได้ ฉินสือโอวจึงจัดปาร์ตี้ขึ้นมาปาร์ตี้หนึ่ง ให้ทุกคนในฟาร์มปลามารวมตัวกัน กินเนื้อดื่มเหล้ากันต่อ เพราะอย่างไรแล้วของปีใหม่ก็ยังเหลืออยู่

เมื่อถึงวันที่สิบนับจากวันปีใหม่จีนในปฏิทินจันทรคติ ตามความจริงวันตรุษจีนก็ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว ยังมีเทศกาลโคมไฟอีกวัน ฉินสือโอวไปออตตาวาล่วงหน้าก่อนเพื่อที่จะได้ทันเทศกาลนี้ เขาปรับลำดับหน้าที่ในราชการนิดหน่อย โดยพูดคุยกับแมทธิว จินก่อนแล้วค่อยมาประชุม

นอกจากนี้แล้ว เขาจะเอาหู่จือและเป้าจือไปด้วย เพราะหลังจากผ่านพ้นเดือนที่วุ่นวายเกี่ยวกับตำรวจและระบบตุลาการในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาแล้ว คดีนองเลือดของเรือบูลด็อกในรัฐเมนก็ได้รับการประกาศว่าคลี่คลายเป็นที่เรียบร้อย และเริ่มมีพิธีมอบเหรียญรางวัลแล้ว

ตอนนั้นผู้พันนาวิกโยธินไม่ได้ผิดสัญญา พวกเขาก็เตรียมมอบเหรียญให้กับหู่จือและเป้าจือเช่นกัน สำหรับฉินสือโอวในฐานะที่เป็นกัปตันเรือแน่นอนว่ายิ่งต้องมีรางวัล จึงได้รับมอบเหรียญเช่นกัน

ครอบครัวของเหมาเหว่ยหลงก็จะต้องกลับแล้ว พวกเขาไปทางเดียวกันพอดี คนฝั่งฉินสือโอวก็เยอะ จึงเหมาเครื่องบินธุรกิจลำเล็กลำหนึ่ง ไปส่งพวกเขาที่แฮมิลตันก่อนแล้วค่อยบินไปต่อที่ออตตาวา

ออตตาวาเมืองหลวงและศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมของแคนาดา ที่นี่ภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษผสมผสานกันอย่างลงตัว และด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้อพยพชาวจีน ภาษาจีนก็เริ่มกลายเป็นภาษาที่สำคัญ

ซึ่งแตกต่างจากเมืองหลวงหลักอื่น ๆ ในโลก เมืองหลวงสองภาษาของแคนาดาแห่งนี้มีประชากร 1.2 ล้านคน ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในนาม “เมืองทิวลิป” แต่ยังมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแม่น้ำ ลำคลอง สวนสาธารณะและเส้นทางที่มีต้นไม้เรียงราย เมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้สามารถให้ความรู้สึกใกล้ชิดแก่ผู้คนได้อย่างคาดไม่ถึง

เมื่อเครื่องบินเข้าสู่อาณาเขตของออตตาวา เครื่องบินก็เริ่มลดระดับความสูงลง ฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อบินเหนือเนินแคปพิตอล เขาเห็นเมืองออตตาวา แม้กระทั่งเป็นสัญลักษณ์ของแคนาดานั่นก็คือ อาคารรัฐสภาสไตล์กอทิก

เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับฉินสือโอว การเข้าร่วมการประชุมเปิดตัวของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ในครั้งนี้จัดขึ้นที่นี่ เนินแคปพิตอลเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลางแคนาดา นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ เช่นพิธีเปลี่ยนทหารรักษาการณ์ และการแสดงแสงสีเสียงที่เนินแคปพิตอล เป็นต้น

พูดแล้วก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย ฉินสือโอวมาที่แคนาดาหลายปีแล้ว แต่กลับเป็นครั้งแรกที่มาออตตาวา เขาไปที่มอนทรีออลหลายครั้งแล้ว แล้วออตตาวากับมอนทรีออลก็ไม่ไกลกันมากด้วย

แต่ว่าต่อให้มาเป็นครั้งแรก ในฐานะที่เป็นดินแดนแห่งจิตวิญญาณ ชื่อเสียงของออตตาวาก็ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกชื่นชมมานานแล้ว

แคนาดาชอบตั้งสมญานามให้แต่ละเมือง อย่างมอนทรีออลสมญานามคือ การบิน โทรอนโตคือความเจริญ เซนต์จอห์นคือการประมง ส่วนสมญานามของออตตาวาค่อนข้างพิเศษ ไม่ใช่การเมือง ไม่ใช่วิชาการแต่คือการเฉลิมฉลอง

วินนี่เคยเล่าให้เขาฟังว่าเมืองนี้มีการเฉลิมฉลองมากที่สุดในอเมริกาเหนือ 365 วันต่อปีมีการจัดงานเฉลิมฉลองทุกวัน ดังนั้นที่นี่จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีมาก

นอกจากการเฉลิมฉลองแล้ว ยังมีการล่องแก่งที่ดีที่สุดหนึ่งในห้าของโลกนั่นคือแม่น้ำออตตาวา ที่นี่คุณสามารถชมการแสดงของโรงละครและศิลปินที่ดีที่สุดของโลก ตั้งใจเดินเล่นไปตามถนนและตรอกซอกซอย เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ชั้นนำของโลก ชิมน้ำตาลเมเปิลและอาหารท้องถิ่นต่างๆ

โดยสรุปแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักวัฒนธรรม นักล่าแฟชั่น นักผจญภัยหรือนักชิม คุณก็สามารถพบกับสวรรค์ของคุณเองในออตตาวาได้

ฉินสือโอวและกลุ่มของเขาลงจากเครื่องบิน และมีรถตำรวจหลายคันรอพวกเขาอยู่ เขากอดลูกสาวของเขา มือซ้ายของวินนี่เป็นหู่จือ มือขวาเป็นเป้าจือ คนกลุ่มหนึ่งและสุนัขอีกสองตัวขึ้นรถตำรวจไป หลังจากนั้นเสียงไซเรนรถก้ดังหวอๆ ขึ้นมา มุ่งหน้าสู่ตัวเมือง

ครั้งนี้ที่เขามาออตตาวา สิ่งแรกที่เขาจะเข้าร่วมคืองานเฉลิมฉลองที่จัดโดยตำรวจ

เรื่องที่เกิดขึ้นกับเรือบูลด็อกในรัฐเมนถือเป็นคดีเลือดนองในทะเลที่สำคัญที่สุดในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาในรอบ 20 ปี ทั้งสองฝ่ายลงทุนทั้งกำลังคนและทรัพยากรวัสดุจำนวนมากเพื่อแก้ไขคดีนี้ อิทธิพลของคดีนี้ยังมีมาก จนสุดท้ายเมื่อคดีสิ้นสุดลง จึงต้องจัดงานแถลงข่าวและพิธีมอบเหรียญรางวัลในทั้งสองประเทศ

ในวันที่สองของการมาถึงออตตาวาก็มีการจัดงานแถลงข่าว ฉินสือโอวในฐานะผู้ค้นพบคดีและผู้รับผิดชอบคนแรก แน่นอนว่าต้องเข้าร่วม แต่เขาไม่จำเป็นต้องพูดในที่ประชุม เขาแค่นั่งอยู่ที่นั่นและวางตัวให้ดีก็เพียงพอแล้ว พวกนักข่าวก็ไม่สัมภาษณ์เขา เพราะสิ่งที่เขารู้ถูกนักข่าวขุดเอาไว้ตั้งแต่ตอที่เขาอยู่แหลมนีนนานแล้ว

เมื่องานแถลงข่าวจบลงก็ตามมาด้วยพิธีมอบเหรียญรางวัลต่อเลย ภายใต้การคุ้มครองของบอดี้การ์ดชั้นยอด 4 คน ชายผิวขาววัยกลางคนคิ้วหนาเดินเข้ามาอย่างใจเย็น และทุกคนก็ลุกขึ้นยืน นี่คือคาร์เมน ทรู นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา

รัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งท่านนี้เป็นดาราทางการเมืองของแคนาดา เกิดในครอบครัวนักการเมือง บิดาของเขา คาร์เมนซีเนียร์ก็เคยเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงถูกเรียกว่าคาร์เมนจูเนียร์

ซึ่งคล้ายกับพี่ใหญ่ของแคนาดา นั่นก็คือสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีบุชสองคนคือ บุชซีเนียร์ และบุชจูเนียร์ ส่วนแคนาดาก็คาร์เมนซีเนียร์และคาร์เมนจูเนียร์ เป็นนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน

ผู้ที่ได้รับเหรียญรางวัลทั้งหมดมี 4 ท่ากับสุนัขอีก 2 ตัว นอกจากฉินสือโอวแล้ว ในสี่คนนี้ยังมีพันตำรวจเอกพีทรัส กาบร้าผู้รับผิดชอบคดีในเวลานั้น มีทนายความคนสำคัญที่ช่วยหาหลักฐานสำคัญในการตัดสินในคดี และอีกคนหนึ่งก็คือแบล็คไนฟ์ เชื่อกันว่าเขาเป็นผู้บัญชาการกองกำลังที่จับคนขายเนื้อเหล่านี้

เหรียญนี้ถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของพลเรือนของแคนาดา ระบบมอบเหรียญรางวัลในปัจจุบันก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2510 เพื่อยกย่องผลงานการเสียสละตลอดชีวิตของชาวแคนาดาที่มีต่อประเทศ และยังเป็นการยกย่องผลงานของบุคคลที่ไม่ได้เป็นชาวแคนาดาที่แสดงการกระทำต่างๆ เพื่อทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น

วันปีใหม่และวันชาติของทุกปีเป็นเทศกาลประจำปีสองเทศกาลสำหรับการมอบเหรียญรางวัลในแคนาดา นอกจากนี้หากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเช่น คดีนองเลือดในทะเลครั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์สำคัญระดับชาติที่เป็นที่จับตามองของทั้งประเทศ ก็จะมีพิธีมอบเหรียญรางวัลด้วยเช่นกัน

เหรียญรางวัลทั้งหมดจะถูกเรียกว่า เหรียญแคนาดา คนแรกที่ได้รับเหรียญคือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเพราะเธอเป็นอนุมัติระบบการมอบเหรียญรางวัลนี้ และคนที่สองที่ได้รับเหรียญคือนายกรัฐมนตรีแคนาดาในเวลานั้น

สรุปแล้ว ฉินสือโอวคิดว่าเหรียญนี่เป็นเรื่องไร้สาระ แต่มีย่อมดีกว่าไม่มี เมื่อมีเหรียญนี้จะจ่ายภาษีภายหลังก็สามารถเอาไปลดได้ส่วนหนึ่ง และถ้าหากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีอะไรก็ตามก็จะได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไป

คาร์เมนจูเนียร์มอบเหรียญให้ฉินสือโอวเป็นคนแรก เป็น ‘เหรียญทิงเกล’ หรือเรียกว่าเหรียญกล้าหาญ

ภาษาดอกไม้ของทิงเกลก็คือความกล้าหาญ ในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเชื่อกันว่าผู้ที่เกิดภายใต้พรของดอกไม้นี้มีความกล้าหาญที่จะรักษาความยุติธรรมและสามารถรักษาให้คงอยู่จนถึงที่สุด มันถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับผู้พลีชีพในศตวรรษที่สี่ วิเคนดิสแห่งซานซาราโกซา นักเทศน์ผู้กล้าหาญแม้ว่าเขาจะถูกทรมานและถูกสอบสวน แต่ก็ยังคงให้กำลังใจเพื่อนของเขาจนกว่าพลีชีพและจากไป

พวกตากล้องต่างยกกล้องขึ้นมานายกรัฐมนตรีคาร์เมนจูเนียร์ยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมยื่นมือ ฉินสือโอวจับมือกับเขา เพียงเท่านี้พิธีมอบเหรีญรางวัลก็เริ่มอย่างเป็นทางการแล้ว

…………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท