ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1491 ซื้อฟาร์มปลาอีก

บทที่ 1491 ซื้อฟาร์มปลาอีก

ที่จริงหัวข้อประชุมวันนี้มีเพียงข้อเดียว นั่นก็คือฉินสือโอวมาเบ่งบารมี อย่างน้อยเจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้ก็ยำเกรงเขา แถมยังหลงใหลไปกับคำสัญญาของเขาอีก แต่ล่ะคนเชื่องเสียยิ่งกว่าหมา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจเล็กน้อยก็คือเจ้าหน้าที่กรมประมงในพันธมิตรกลับไม่ได้ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงการเป็นประธานที่ประชุมของเขา ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาทยอยไล่สมาชิกออกก่อนหน้านี้หรือคำสัญญาในตอนหลัง พวกเขาก็เพียงแต่ฟังอยู่ด้านล่างเงียบๆ ราวกับเป็นคนนอก

แต่แบบนี้ก็ดีเลย การประชุมจบลงด้วยบรรยากาศปรองดอง หลังจากนั้นฉินสือโอวก็ออกจากห้องประชุม พอเขาเพิ่งออกนอกประตูก็ได้รับโทรศัพท์จากแมทธิว จิน “เฮ้ พ่อหนุ่ม จัดประชุมเป็นอย่างไรบ้าง?”

ฉินสือโอวพูดด้วยความประหลาดใจ “นี่คุณ คุณเป็นรัฐมนตรีกรมประมงหรือว่าเป็นผู้บัญชาการทหารบกกององครักษ์เสื้อแพร?”

“อะไรนะ? บัญชาการอะไร?” แมทธิว จินถามเพราะฟังไม่ชัด

ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ไม่มีอะไร ผมหมายถึงว่าการประชุมครั้งนี้ดำเนินไปได้ด้วยดีและประสบความสำเร็จมาก คุณมีอะไรจะใช้ผมอีกไหม? ถ้าไม่มีก็ช่วยกรุณารีบส่งเมล็ดสาหร่ายทะเลมาให้ผมสักที ผมจะนำอุตสาหกรรมประมงของแคนาดาให้รุ่งโรจน์!”

แมทธิว จินได้ส่งคนมาแฝงตัวในที่ประชุมอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เขาไม่สามารถเชื่อในความสามารถของฉินสือโอวได้อย่างเต็มที่ จึงส่งคนของตัวเองมาคอยรายงานสถานการณ์ให้เขารู้เพื่อที่เขาจะได้สอดส่องดูแลพันธมิตร ก็เป็นอะไรที่พอเข้าใจได้

พอฉินสือโอวรายงานผลการประชุมกับแผนงานเรียบร้อย แมทธิว จินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ให้ตัวเขารู้ว่าควรทำอย่างไรต่อก็พอ

หลังวางสายเขาก็กลับโรงแรม วันที่สองก็มุ่งหน้าไปที่กรมประมงเพื่อเอาเอกสารจำนวนหนึ่งและเซ็นใบรับเมล็ดสาหร่ายสีเขียว แบบนี้ก็หมดธุระที่ออตตาวาแล้ว และออกเดินทางกลับในวันถัดไป

หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เรียกรวมลูกน้องหน่วยก้านดีสองสามคนมาแล้วพูดขึ้นว่า “ฟังให้ดีนะเพื่อนทั้งหลาย ฟาร์มปลากำลังจะขยายอาณาเขต เลือกฟาร์มปลาใหม่มาที่หนึ่ง ฉันจะซื้อมัน!”

แบรนดอนโอนเงินจำนวนมหาศาลจากเรือขนทองอับปางมาให้เขาแล้ว มากถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เกือบ 200 ล้านดอลลาร์แคนาดา เดิมทีเขาตั้งใจใช้เงินก้อนนี้ชำระคืนเงินกู้ แต่ตอนนี้มีประโยชน์อย่างอื่น

ได้ยินคำพูดของเขา ชาร์คและคนอื่นๆ ก็ตกใจยกใหญ่จึงถามขึ้น “บอส บอสจะขยายอาณาเขตฟาร์มปลา?”

ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ ทุกคนมาหารือกันหน่อย ที่ไหนมีฟาร์มปลาเหมาะๆ ให้ซื้อได้บ้าง ครั้งนี้ฟาร์มปลาจะไม่ได้เอาไว้เลี้ยงปลา แต่เอาไว้เพื่อเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลแล้วเอามาทำอาหารปลา”

บูลเกาหัวแล้วพูดขึ้น “บอส ผมไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินคุณนะ แต่ผมไม่เข้าใจ ทำอาหารปลาทำเงินได้ด้วยเหรอ? เราเลี้ยงปลาดีกว่าเป็นไหนๆ? อีกอย่างผมบอกข่าวดีบอสข้อหนึ่ง เราเจอฝูงปลาค็อดอาร์กติกที่ฟาร์มปลา!”

“ใช่บอส พวกเราเพิ่งเจอว่ามีฝูงปลาค็อดอาร์กติกที่ฟาร์มปลา! “นั่นน่ะฝูงใหญ่มากเลย ให้ตายสิ ตอนนี้ผมยังรู้สึกว่าฝันไปอยู่เลย! ใช่ไหมล่ะ? ตอนนั้นน่ะผมตะลึงไปเลยผมนึกว่ามองผิดเสียอีก”

เหล่าชาวประมงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ฉินสือโอวแอบเซ็งในใจ ความสามารถในการเปลี่ยนหัวข้อของเจ้าพวกนี้ช่างแก่กล้าจริงๆ เพียงแต่เขาจำเป็นต้องทำท่าตื่นเต้นไปตามทุกคน เพราะนี่ถึงจะเป็นปกติของคน ถ้าคนเรารู้ว่าฟาร์มปลาของตัวเองมีฝูงปลาธรรมชาติมาแต่ทำท่าทีเฉยๆ ก็ไม่ปกติ

ตื่นเต้นเสร็จแล้วฉินสือโอวก็พูดหัวข้อก่อนหน้านี้ต่อ ให้พวกเขาใช้คอนเนคชั่นไปสืบหาฟาร์มปลาส่วนตัวที่กำลังประกาศขาย พิกัดพยายามให้ค่อยไปทางใต้ แบบนี้ถ้าไม่ใช่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็เป็นแถบทะเลรัฐโนวาสโกเชีย อุณหภูมิน้ำสูงกว่าหน่อย เหมาะต่อการเจริญเติบโตของสาหร่ายทะเลมากกว่า

สองวันหลังจากนั้นฉินสือโอวก็หาตำแหน่งฟาร์มปลาแห่งใหม่ในขณะที่ให้ผู้จัดการบริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเล บิล ช่วยเขาเตรียมเมล็ดจำนวนมากโดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำตาล

นอกจากใช้คอนเนคชั่นของเหล่าชาวประมงแล้ว ฉินสือโอวยังปล่อยข่าวนี้ออกไปในพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ด้วย แต่เขาไม่ค่อยคาดหวังเจ้าพวกนี้สักเท่าไร จนกว่าเขาจะพาฟาร์มปลาในอาณัติของพันธมิตรให้ร่ำรวย คนพวกนี้ก็ไม่เชื่อถือเขา

โดนัลด์และคนอื่นๆ ช่วยเขาดำเนินเรื่องจากใจจริงๆ แอนดรูว์ ทัคเกอร์เจ้าของฟาร์มปลาอีกคนที่พอจะสนิทกับเขาโทรมาบอกว่าทางเขามีฟาร์มปลาหนึ่งที่พอใช้ได้ เนื้อที่กว้างขวาง ตำแหน่งก็เหมาะสมจึงเชิญเขามาดูตอนสุดสัปดาห์

ฟาร์มปลาที่แอนดรูว์พูดถึงตั้งอยู่ที่แมรีส์ทาวน์ซึ่งเป็นพื้นที่แถบใต้ของเกาะนิวฟันด์แลนด์ พิกัดค่อนไปทางแถบใต้มากกว่านครเซนต์จอห์นสักหน่อย ตั้งอยู่ในอ่าว

ฉินสือโอวดูตำแหน่งบนแผนที่และวิเคราะห์ข้อมูลฟาร์มปลาที่แอนดรูว์ส่งมาให้เรียบร้อยเสร็จเขาก็สนใจฟาร์มปลานี้ขึ้นมา สุดสัปดาห์ก็นั่งเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปดู

สำหรับเขาแล้วฟาร์มปลานี้ถือว่าเหมาะสุดๆ เพราะว่าตั้งอยู่ในอ่าว ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ดังกล่าวนำไปสู่ปริมาณออกซิเจนในน้ำทะเลต่ำ ไม่เหมาะกับการเลี้ยงปลากุ้ง ดังนั้นราคาจึงค่อนข้างถูก

และบังเอิญ สภาพแวดล้อมออกซิเจนต่ำแบบนี้กลับเหมาะกับการปลูกสาหร่ายทะเล เพราะสาหร่ายทะเลเป็นพืช พวกมันสังเคราะห์แสงได้ ที่ต้องการคือคาร์บอนไดออกไซด์และสารอาหาร แถบทะเลในอ่าวอุดมไปด้วยพวกนี้พอดี ดังนั้นจุดที่เกิดปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่งได้ง่ายจึงมักเป็นในอ่าว

ข้อเสียของฟาร์มปลาแห่งนี้อยู่ที่เนื้อที่เล็กไปหน่อย ชายฝั่งยาวแค่แปดกิโลเมตร แนวยื่นลงทะเลหกสิบกิโลเมตร รวมพื้นที่ทั้งหมดไม่ถึงห้าร้อยกิโลเมตร

ฉินสือโอวอยากใช้พลังโพไซดอนทำผู้จำหน่ายอาหารปลาในบ้านที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา ช่วยพัฒนาคุณภาพอาหารทะเลของฟาร์มปลาในพันธมิตรโดยเฉพาะ ฉะนั้นเลยต้องการฟาร์มปลาใหญ่ๆ จะได้บูรณะเป็นฟาร์มทะเล

แต่ว่ามีให้ใช้ก็พอ เขาไปรับแอนดรูว์เสร็จก็บินมาที่ฟาร์มปลาที่แมรีส์ทาวน์นี้ ชื่อของฟาร์มปลาคือ ‘โกลเด้นเบย์’ ชื่อก็ค่อนข้างอลังการ แต่ตอนที่เฮลิคอปเตอร์บินผ่านเขาก็เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานในฟาร์มสภาพแย่มาก มีแค่ท่าเรือพังๆ กับกระท่อมไม้ไม่กี่หลัง

ฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นของสองพี่น้อง พี่ชายชื่อคามาล มินสกี้ น้องชายชื่อซูลา มินสกี้ อายุราวๆ สี่สิบทั้งคู่ พอพวกเขาพบกับฉินสือโอวก็บอกว่าทั้งสองคนมีปัญหากัน ค้าขายร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป ก็เลยอยากจะขายฟาร์มปลาแล้วแบ่งเงินแยกย้ายกัน

โครงสร้างพื้นฐานฟาร์มปลาแย่มาก ไม่มีอะไรน่าดู แต่ฟาร์มปลามีตาข่ายล้อมอยู่ไม่น้อย เอาไว้ใช้เพาะเลี้ยงปลาทะเลโดยเฉพาะ อวนล้อมจับมากมายแบบนี้ก็หมายความว่ามีปลากุ้งที่กำลังเลี้ยงอยู่ไม่น้อย

ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปสำรวจดู แต่ก็ต้องผิดหวัง มีแค่อวนล้อมจับแถวนอกชายฝั่งที่มีปลาค็อดอยู่บ้าง พวกปลาที่พบได้บ่อยในมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างปลาแฮร์ริ่ง อวนในแถบน้ำลึกไม่มีปลากุ้งเท่าไร

แต่เขาก็ไม่ได้กะจะเอามาเพาะเลี้ยงอะไรจึงถามไปแบบไม่ใส่ใจ “พวกคุณอยากขายฟาร์มปลานี้ด้วยราคาเท่าไร?”

ซูลาเกาจมูกแล้วพูดว่า “คุณก็รู้นะเพื่อน พวกเราขายฟาร์มปลาทิ้งก็เพราะอยากแยกทางกัน ที่จริงถ้าพูดจากใจ ผมไม่ยินดีขายมันเลย ฟาร์มปลานี้แจ๋วมากเลยนะ ทำเลที่ตั้งดี ใกล้เมืองมากๆ เพื่อนบ้านก็เป็นมิตร…”

บลาๆๆ คนคนนี้พูดพล่ามมาเยอะแยะหลักๆ ก็พูดถึงว่าฟาร์มปลานี้ดีแค่ไหน เขาผูกพันกับฟาร์มอย่างไร ทำเอาฉินสือโอวฟังจนเซ็ง

เขาไม่ได้พูดแทรกเหตุเพราะมารยาทและตั้งใจฟังเจ้าหมอนี่พูดต่อไป รอจนเขาพูดจบถึงออกปากถามต่อ “ราคาเท่าไรครับ?”

“ราคาของเราสมเหตุสมผลมาก 50 ล้านดอลลาร์แคนาดา!”

………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน