ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1499 ฟาร์มปลาเบอร์สอง

บทที่ 1499 ฟาร์มปลาเบอร์สอง

ได้ยินแบบนั้นฉินสือโอวก็ลังเลแล้วเอ่ยถามว่า “ฉันเป็นพุทธศาสนิกชนนะ เป็นอาร์คบิชอปได้ด้วยเหรอ?”

คราวนี้เบลคเงียบจริงๆ แล้ว พอเปิดปากพูดอีกครั้งเขาก็พูดอย่างจนใจว่า “โอเค เพื่อน งั้นให้เราปรึกษากันดูว่าสิ่งนี้ขายไปแล้วได้เงินเท่าไรเถอะ”

ฉินสือโอวดีใจพูดว่า “ไม่ ฉันไม่ขาดเงิน เบลค สิ่งนี้แลกตำแหน่งอาร์คบิชอปได้จริงเหรอ? ฉันคิดว่าเป็นอาร์คบิชอปก็ไม่เลวเหมือนกัน นายก็รู้ ตอนนี้ฉันไม่ได้…”

“หุบปากไอ้บ้า หยุดแซวฉันได้แล้ว นายอยากขายไหม? ถ้าอยากจะขาย งั้นฉันจะช่วยติดต่อคนขายให้ สิ่งนี้มีความต้องการในตลาดอยู่มาก” เบลคจำต้องพูดขัดเขา

ฉินสือโอวพูด “อืม นายติดต่อเถอะ แต่พูดจริงนะ ฉันคิดว่าเป็นอาร์คบิชอปดีกว่าเอาไปขาย…”

เขาพูดถึงตรงนี้ ทางเบลคก็วางสายไปแล้ว ท่านชายฉินมองดูมือถือพลางหัวเราะออกมา ใครบอกให้แกยั่วให้ฉันอยากรู้ ตอนนี้รู้ยังว่าฉันมันแน่?

วางสายไปเขาก็เข้าไปหาข้อมูลเกี่ยวกับไม้พาโลซานโตในเน็ต ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป เรียกคราเคนออกมาเตรียมให้มันขนสมบัติบนเรือนี้ขึ้นมาบนบก

ไม้พาโลซานโตเป็นชื่อเรียกแบบให้เกียรติ ที่จริงไม้ชนิดนี้เรียกว่าไม้จันทน์เขียว วงศ์โคกกระสุน หมวดแก้วเจ้าจอม ได้ชื่อนี้มาเพราะมีกลิ่นหอมและสีเขียวราวกับหยก เป็นไม้มีค่าของโลกชนิดหนึ่ง และยังเป็นไม้ที่ดีที่สุดในอเมริกา

ไม้ชนิดนี้ผลิตได้มากที่สุดในป่าฝนเขตร้อนของลาตินอเมริกา แหล่งกำเนิดส่วนใหญ่กระจายอยู่ในทวีปอเมริกา ประเทศแหล่งผลิตคือสหรัฐอเมริกา บราซิล ปารากวัย หมู่เกาะแคริบเบียน อาร์เจนตินาและเขตอเมริกากลาง

อย่างที่เบลคบอก เพราะความสวยงามแบบมีมนต์ขลังของไม้จันทน์เขียว คนมักจะยกให้เป็นสิ่งเป็นมงคล บวกกับเนื้อไม้ที่แน่น ทนความสึกหรอและการเสื่อมสภาพ และมีความหนาแน่นสูงและมีลักษณะแข็งและแข็งแรง ดังนั้นตั้งแต่ยุคกลางจึงได้รับการยกย่องจากศาสนาคริสต์ว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในการทำไม้กางเขนของโบสถ์

เพียงแต่ที่เขาพูดก็ไม่ถูกทั้งหมด ที่จริงไม่ใช่แค่ศาสนาคริสต์ที่มองว่ามันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ศาสนาพุทธกับอิสลามก็เหมือนกัน ศาสนาพุทธถือว่าการพกไม้พาโลซานโตติดตัวสามารถปัดเป่าความชั่วร้ายได้ ถือว่าไม้ศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้มีจิตวิญญาณสามารถปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย และอวยพรให้ชีวิตมีความสุข

แต่น่าเสียดายมาก ไม้จันทน์เขียวโตช้ามากๆ บวกกับความต้องการที่มากเป็นพิเศษในบางช่วงเวลาจึงเหมือนกับไม้จันทน์ประเภทอื่น ไม้ชนิดนี้ถูกตัดหมดในเวลาอันรวดเร็วทำให้ตอนนี้พบได้น้อย และทำให้ราคาในตลาดนานาชาติขึ้นไปเรื่อยๆ

พอเข้าสู่ยุคปัจจุบัน ตลาดของไม้จันทน์เขียวก็กว้างกว่าเดิม การวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าไม้นี้อุดมไปด้วยน้ำมันชนิดหนึ่ง น้ำมันนี้สามารถระเหยได้ มีฤทธิ์กล่อมประสาท สามารถทำให้สดชื่นได้ แต่เพราะมันเป็นต้นไม้ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายเหมือนยากล่อมประสาทสังเคราะห์ทางอุตสาหกรรม

และผลึกที่เกาะบนเปลือกไม้จันทน์เขียวก็มาจากน้ำมันชนิดนี้ หลังจากเคลือบมันด้วยชั้นบางๆ แล้ว สารอินทรีย์เหล่านี้จะไม่สามารถระเหยได้และจะก่อตัวเป็นผลึกตกตะกอนใสที่เปลือกไม้

น้ำมันชนิดนี้น่าอัศจรรย์ใจมาก ในทางเคมีมันเป็นยากล่อมประสาทตามธรรมชาติที่มีฤทธิ์อ่อนๆ ในเชิงฟิสิกส์มันสามารถเปลี่ยนสีได้ ใต้แสงอาทิตย์เป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ภายใต้ไฟสลัวเปลี่ยนเป็นสีเขียว ถ้าความชื้นและอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มหรือสีม่วงเป็นต้น

สาเหตุข้างต้นรวมกันบวกกับความแข็งของเนื้อไม้และลายบนพื้นผิวที่หรูหราสวยงามของไม้ชนิดนี้ สัมผัสเรียบลื่นละเอียด ดังนั้นจึงกลายเป็นวัตถุดิบที่มีค่าในการแกะสลักและทำให้ราคาของมันขึ้นสูงไปอีก

สรุปแล้ว ด้วยหลายสาเหตุ ไม้ชนิดนี้ก็เริ่มหายากขึ้นมา ราคาก็สูงตาม ไม้พวกนี้ที่ฉินสือโอวพบมูลค่าไม่ต่ำไปกว่าทองคำน้ำหนักเดียวกัน

ดูท่าแล้วเรืออับปางสองลำนี้คงจะมีอายุมากแล้ว อย่างน้อยน่าจะถึงสองสามร้อยปี เพราะจำนวนไม้ชนิดนี้เริ่มน้อยจนหายากตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่เรือลำนี้จมลงที่นี่จะไม่มีจดบันทึกในประวัติศาสตร์ เห็นได้ชัดว่าสมัยนั้น แม้ว่าไม้ชนิดนี้จะมีค่า แต่ยังไม่มีค่ามากขนาดที่จะจดบันทึกและเผยแพร่

ไม่อย่างนั้นแม้ว่าเรือจะจมลงในทะเลลึกและไม่สามารถกู้ได้ ก็น่าจะจดบันทึกลงในสมุดเรืออับปางมีมูลค่าถึงจะถูก

เขาควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนสำรวจเรืออับปางโดยละเอียดอีกรอบ ฉินสือโอวไม่ได้พบอะไรอีกจึงหันไปทางเรืออับปางลำข้างๆ

เรือลำนี้มีซากคนจำนวนหนึ่ง จิตสำนึกแห่งโพไซดอนหาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พบเพียงเหรียญทองและเหรียญเงินขึ้นสนิมบางส่วน แต่จำนวนน้อยมาก อีกอย่างก็ขึ้นสนิมมากแล้ว ไม่มีมูลค่าอะไร

ตอนรอให้คราเคนมาถึง ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยไปดูในตึกเล็กของฟาร์มปลาหน่อย

เพราะฟาร์มปลามีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ตึกที่อยู่อาศัยก็ทำเป็นวิลล่า แคนาดามีไม้มากมายกับพื้นที่ว่างให้ใช้สอยเยอะ เมื่อก่อนในชนบทมีคนน้อย ขอแค่อยากสร้างวิลล่าก็ง่ายนิดเดียว แค่หาคนกลุ่มหนึ่งมาเริ่มงานก็ได้แล้ว

เพียงแต่ฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ไม่มีวิลล่าหรือเคยมีแต่โดนเปลี่ยนให้เป็นตึกเล็ก หลายๆ อย่างโดนรื้อออกเหลือแต่ตึกเดี่ยวๆ

ฉินสือโอวเข้าใจถึงจุดนี้ดี บ้านของแคนาดาไม่เหมือนบ้านในจีน ควักเงินจ่ายไปแล้วก็ไม่ต้องจ่ายอีกจนกว่าสิทธิ์ในทรัพย์สินจะหมดอายุ บ้านที่นี่ต้องเสียภาษีโรงเรือนทุกปี ส่วนภาษีสำหรับวิลล่าสูงกว่าอพาร์ตเมนต์และอาคารธรรมดา

เห็นได้ชัดว่าเพื่อที่จะจ่ายภาษีน้อยลงสองพี่น้องสุดแปลกจึงเปลี่ยนวิลล่าเป็นอาคารหลังเล็กๆ ดูจากจุดนี้พวกเขาช่างเป็นผู้ชาย ที่อยู่แต่บ้านจริงๆ

จะเห็นได้จากอีกจุดหนึ่งนั่นคือพวกเขาเก็บกวาดอาคารเล็กๆ ก่อนที่จะออกไป แม้แต่พรมก็ไม่เหลือไว้ พอฉินสือโอวเข้าไปก็เห็นตึกที่ดีกว่าโครงตึกเพียงเล็กน้อย ตอนนี้อยากจะอยู่ก็ไม่มีทางอยู่ได้

แต่ก็ไม่เป็นไร ขาดอะไรก็ซื้อเข้ามาเพิ่มก็ได้แล้ว ใช้เครื่องบินขนมาก็เรียบร้อย

เขาวางแผนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หาสนามบินส่วนตัวที่ใกล้ฟาร์มปลามากที่สุด พอได้ช่องทางติดต่อเจ้าของก็เช่าที่จอดเครื่องบินราคา 700 ดอลลาร์ต่อวัน

ในอนาคตข้างหน้าเขาต้องใช้เครื่องบินบ่อย อย่างเช่นเครื่องบินแทรกเตอร์ที่ต้องโปรยเมล็ดสาหร่ายทะเลกับพืชน้ำลงในทะเล แล้วก็อย่างเช่นเครื่องบินแทรกเตอร์ยังต้องขนข้างของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันมาที่ฟาร์มปลา

ที่แคนาดา อุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศเจริญก้าวหน้ามาก มีสนามบินเอกชนกว่า 2,500 แห่งทั่วประเทศ แซงหน้าเม็กซิโกที่มีสนามบิน 2,400 แห่งในปีที่แล้ว กลายเป็นประเทศที่มีสนามบินพลเรือนเยอะเป็นอันดับสามของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและบราซิล

ถ้าจำเป็นเขาก็คิดว่าจะสร้างสนามบินเล็กๆ ที่ฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ คุ้มกว่าทำถนนเสียอีก อย่างไรที่นี่ก็เป็นที่ของเขาแล้ว ต่อไปจะพึ่งเรืออย่างเดียวไม่ได้ เรือช้าเกินไป อย่างไรก็ต้องการสนามบิน

นี่เป็นแผนพัฒนาในอนาคต ตอนนี้ที่ต้องทำก็คือเปลี่ยนชื่อให้ฟาร์มปลา มีแค่การเปลี่ยนชื่อฟาร์มปลานี้ถึงเป็นของเขาโดยสมบูรณ์

เรื่องเปลี่ยนชื่อทำเอาเหล่าชาวประมงตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ เข้ามามุงรวมกันหารือ สุดท้ายพวกเขาก็หารือชื่อกันออกมาหลายชื่อ ฉินสือโอวบอกพวกเขาว่าคิดชื่อของฟาร์มปลานี้ออกมาได้แล้ว: ฟาร์มปลาต้าฉินสอง…

“แย่แล้ว!” เหล่าชาวประมงต่างพากันแสดงออกทำนองนี้

………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท