ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1590 ตึกสูงจากพื้นราบ

บทที่ 1590 ตึกสูงจากพื้นราบ

ฉินสือโอวถามออกมาว่า “ไม่ต้องขุดห้องใต้ดินเหรอ? ฉันไม่เห็นห้องใต้ดินเลยนะ?”

ชาร์คส่ายหน้า แล้วอธิบายว่า “ไม่ต้องหรอกบอส ไม่ต้องมีห้องใต้ดินหรอก ที่นี่ไม่ใช่วิลล่า แค่ตึกสามชั้น ฐานและโครงสร้างต้องมั่นคง ไม่อย่างนั้นอาจถูกลมทะเลพัดปลิวได้ หากโครงสร้างไม่มั่นคงอาจจะเกิดปัญหาได้นะ!”

นี่คือข้อเสียอีกหนึ่งข้อของการสร้างบ้านไม้แบบแคนาดา มันไม่ทนต่อพายุเฮอร์ริเคน บริเวณอเมริกาเหนือเป็นเขตที่มีพายุเฮอร์ริเคนรุนแรง แอตแลนติกใต้และทะเลแปซิฟิกใต้นั้นมีพายุที่รุนแรงกว่าทะเลทางตอนเหนือมาก ดังนั้นเราจึงมักเห็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคนในอเมริกาและจีน หลังจากที่พายุเฮอร์ริเคนหรือพายุทอร์นาโดพัดเข้ามา บ้านทุกหลังก็จะกลายเป็นเศษไม้

ตอนที่ฉินสือโอวมาแคนาดาครั้งแรกเขามาในช่วงฤดูหนาว เขาเจอกับพายุเฮอร์ริเคนครั้งหนึ่งตอนที่ไปจับกุ้งล็อบสเตอร์ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ตอนนั้นเมืองท่าชายฝั่งเกือบจะพังพินาศ ท่าเรือบาสก์ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุการณ์นี้

แต่ว่าที่แคนาดายังมีข้อดีอยู่ก็คือ เฮอร์ริเคนและทอร์นาโดไม่เยอะมากนักเมื่อเทียบกับที่อเมริกา

นอกจากนี้ ข้อเสียอีกอย่างของบ้านไม้คือพวกมันไม่ทนไฟ เมื่อเกิดไฟไหม้แล้วไม่มีวิธีที่จะดับไฟได้ คนที่อยู่ทำได้เพียงวิ่งหนีออกมาเท่านั้น ทรัพย์สินในบ้านและตัวบ้านอย่างไรก็ถูกเผาไหม้เป็นจุณอยู่ดี

ดังนั้น ตอนแรกฉินสือโอวมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้เขาเลยซื้อปืนดับเพลิงและจรวดดับเพลิงที่ผ่านการตรวจสอบแล้วมาเก็บไว้ เกาะแฟร์เวลเกาะเล็กๆ ที่อยู่ติดทะเลแบบนี้ การดับเพลิงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่สามารถพึ่งมหานครเซนต์จอห์นได้เลย ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

แต่ว่าการที่อยู่ติดทะเลก็มีข้อดีอยู่ นั่นคืออากาศค่อนข้างชื้น ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ยาก ถึงแม้ว่าจะเกิดไฟไหม้ แต่ก็สามารถนำน้ำไปดับได้ทันเวลา

ฉินสือโอวพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ จากนั้นก็พูดออกมาว่า “มาๆ ชาร์ค ฉันช่วย”

ชาร์คมองไปรอบๆ จากนั้นก็ส่งปืนยิงตะปูให้เขา เขาเรียนรู้การตอกไม้เข้ากับพื้นคอนกรีตจากชาร์ค ชาร์คพูดออกมาว่า “นี่คือแบบก่อสร้าง และผมลากเส้นไว้ให้แล้ว คุณแค่เดินตามเส้นไปก็พอ”

หลังจากตอกตะปูบนไม้เสร็จแล้ว เขาก็ถือโอกาสนี้ติดไม้ตามผนังไปด้วยเลย เนื่องจากไม้กระดานเป็นแบบลิ่ม ทำให้พวกมันประกอบต่อกันได้อย่างพอดิบพอดี

ผนังรับน้ำหนักที่ชั้นหนึ่งสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่สร้างกำแพงห้องต่างๆ เสร็จแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ขึ้นไปสร้างชั้นสองทันที แต่พวกเขากลับใช้สว่านเจาะผนังให้เป็นรูในแต่ละห้องแทน พวกขาพูดคุยกันว่าจะเจาะรูที่ตรงไหน และจะทำรอยเปิดที่ตรงไหน จากนั้นก็ร้อยสายไฟเข้าไปแล้วทำการเดินสายไฟ

บลูก็พาคนมาจัดการเรื่องฝ้าเพดาน เขาใช้แผ่นฉนวนกันเสียง โดยวางฉนวนกันเสียงเข้าไปก่อน จากนั้นก็ใช้พื้นไม้ลามิเนตที่มีความแข็งแรงสูงปิดทับลงไปอีกชั้น แล้วติดแผ่นฉนวนกันเสียงเข้าไปอีกชั้นก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ซีมอนสเตอร์และชาร์คพาคนไปทำห้องครัวและห้องน้ำชั้นหนึ่ง ห้องนี้ยุ่งยากและสำคัญที่สุด

ฉินสือโอวตามเข้าไปดู การสร้างห้องครัวนั้นค่อนข้างง่าย สิ่งสำคัญอยู่ที่ท่อน้ำและสายน้ำ ระบบท่อน้ำด้านบนและด้านล่างมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก พวกมันสามารถปล่อยได้ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น และยังสามารถกรองสิ่งสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ท่อน้ำทิ้งพร้อมใช้งานแล้ว เขาวางท่อไว้ในตอนที่สร้างฐานบ้านแล้ว เพียงแค่ต่อเข้าด้วยกันก็เสร็จแล้ว ชาร์คเทน้ำลงไปในอ่าง จากนั้นน้ำก็ไหลออกไปยังทะเล พวกมันไหลลงสู่ทะเลโดยตรง เกิงจุนเจี๋ยวิ่งไปดูจากนั้นก็กลับมาพยักให้แล้วบอกว่า “ไม่มีปัญหา น้ำไหลออกมาได้ปกติ”

ต่อไปคือการต่อสาย ชาวประมงพวกนี้เป็นพวกมีฝีมือ เพราะว่าปกติแล้วสายท่อต่างๆ ที่บ้านพวกเขาก็เป็นคนทำเองหมด สายพวกนี้มีร่องรอยให้เชื่อมต่อได้ง่าย ทำไม่กี่ครั้งก็ชำนาญแล้ว

ห้องที่ยุ่งยากคือห้องน้ำ ซีมอนสเตอร์พาชาวประมงห้าคนมาสร้างห้องน้ำ ห้องนี้ก็เหมือนกับห้องครัว จำเป็นต้องวางท่อและสายน้ำ และต้องการทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นและวงจรต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องสร้างถังบำบัดน้ำเสียด้วย

ฉินสือโอวพูดออกมาว่า “ห้องนี้มันยุ่งยากอะไรเหรอ ก็ปล่อยลงทะเลได้เลยไม่ใช่เหรอ?”

ซีมอนสเตอร์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วตอบกลับว่า “บอส คุณเห็นไหม ที่นี่ห่างจากทะเลสองกิโลเมตรเลยนะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากในอนาคตเกิดท่อตันขึ้นมา? ท่อในห้องน้ำนั้นเกิดการอุดตันได้ง่ายมากเลยนะ”

ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็ถูก ฉันมีอาการท้องอืดบ่อยๆ ถ่ายออกมาค่อนข้างแข็ง ง่ายต่อการอุดตัน”

เมื่อได้ยินดังนั้นเหล่าชาวประมงก็พากันหัวเราะออกมา หลังจากนั้นก็มองไปยังฉินสือโอวด้วยท่าทีรังเกียจ พลางพูดออกมาว่า “อย่าใจร้ายกับพวกเราเลยบอส เชิญคุณไปทำงานต่อเถอะ ที่นี่พวกเราจัดการได้”

แน่นอนว่าพวกเขาล้อเล่นกันเป็นเรื่องปกติ บ้านที่แคนาดามีลักษณะเด่นอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือพวกเขาทำอาหารในครัว แต่ของบางอย่างที่ทิ้งลงไปจะผ่านท่อของห้องน้ำเพื่อจัดการสิ่งสกปรกเสียก่อน ดังนั้นท่อในห้องน้ำไม่ควรใหญ่และกว้างเกินไป แต่ต้องทำความสะอาดได้ง่ายด้วย เพื่อป้องกันการอุดตันของท่อ

ซีมอนสเตอร์โทรหาวิล หลังจากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแล้วเขาก็พาชาวประมงไปยังตำแหน่งที่ต้องการขุดหลุม บอกว่าจะสร้างถังบำบัดน้ำเสียที่นี่ หลังจากนั้นก็ขอให้วิลมาติดตั้งโรงงานแปลงก๊าซธรรมชาติ จากนั้นก็ใช้ก๊าซพวกนี้มาทำอาหาร

ฉินสือโอวถามพวกเขาว่า ให้เขาไปทำงาน แล้วจะให้เขาทำอะไร? บลูโบกมือแล้วพูดว่า “บอส คุณมาเติมน้ำเครื่องลดความชื้นทางนี้สิ”

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของบ้านริมทะเลคือเรื่องความชื้น ความชื้นทำให้ไม้เกิดการเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นจึงต้องติดตั้งเครื่องลดความชื้น ปกติแล้วจะติดตั้งเครื่องลดความชื้นและสารดูดความชื้นด้วยกัน เมื่อติดตั้งเครื่องลดความชื้นในบ้านแล้ว ในช่วงแรกของการสร้างบ้านมันจะช่วยลดความชื้นดูดความชื้นออกมาจากตรงกลางไม้

การสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียจำเป็นต้องใช้สว่านขนาดใหญ่ขุดเจาะลงไป เนื่องจากฐานของอาคารมีขนาดที่กว้างมาก พื้นที่มากกว่าหนึ่งพันตารางเมตรถูกปูด้วยซีเมนต์และคอนกรีตเสริมเหล็ก นั่นก็เพื่อสร้างฐานให้แข็งแรง ช่วยไม่ได้ ดินริมทะเลไม่ค่อยดีเท่าไร หากไม่ทำฐานอาคารให้กว้างหน่อย ถ้าพื้นจะยุบหรือกลายเป็นหลุมขึ้นมาแบบนั้นคงสนุกแน่

แรงของสว่านขนาดใหญ่นั้นรุนแรงมาก มันถูกใช้สำหรับเจาะหินแกรนิตและหินอื่นๆ โดยเฉพาะ มันสามารถเจาะคอนกรีตเสริมเหล็กได้ มันเป็นเหมือนสว่านไฟฟ้าที่ขยายใหญ่ประมาณสิบเท่า สูงประมาณหนึ่งเมตร และหนักประมาณสี่สิบกิโล หลังจากที่มันถูกวางไว้บนพื้น เสียงเจาะก็ดังคำรามไปทั่ว

เศษปูนและเศษคอนกรีตปลิวว่อนไปทั่ว การสร้างบ่อบำบัดต้องมีความกว้างมากกว่าแปดสิบตารางเมตรและลึกมากกว่าสิบตารางเมตรถึงจะพอดี ด้วยเหตุนี้ถังบำบัดน้ำเสียแบบพลาสติกที่ซื้อมากับการสร้างแบบนี้จึงมีการใช้งานที่แตกต่างกัน หลังจากขุดเจาะเสร็จแล้วทำการปิดฝาก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว

หลังจากนั้นวิลก็พาคนมาติดตั้งท่อนำส่งก๊าซธรรมชาติและเครื่องจักรบำบัดน้ำเสียจำนวนหนึ่ง เมื่อติดตั้งทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น

หลังจากขุดถังบำบัดน้ำเสียเสร็จแล้ว งานของวันแรกก็จบลง ฉินสือโอวไม่ได้ทำอะไรมากนัก เลยไม่เหนื่อยเท่าไร แต่เหล่าชาวประมงนั้นร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ก็เพื่อเงินเดือนที่จะเพิ่มขึ้น

งานในวันที่สองสามก็เหมือนกับงานที่ทำในวันแรก เมื่อประตูขนาดสูงเต็มพื้นที่และหน้าต่างขนาดใหญ่มาส่งแล้ว ชั้นหนึ่งของอาคารก็เหมือนที่ออกแบบไว้อย่างรวดเร็ว

ผนังทั้งสี่ด้านติดตั้งหน้าต่างแบบเต็มบานตั้งแต่พื้นถึงเพดาน แน่นอนว่ากระจกที่ใช้ก็เป็นแบบที่เพิ่มความแข็งแรง หน้าต่างแบบนี้ฉินสือโอวจ่ายไปหนึ่งแสนแปดหมื่นดอลลาร์ ราคาเท่ากับโครงเหล็กที่ใช้อาคารขนาดเล็กเลย!

แต่ว่าของพวกนี้ก็คุ้มกับเงิน หน้าต่างทั้งสี่บานที่มีความยาวตั้งแต่พื้นจรดเพดานนี้ ทำให้ต่อไปสามารถทำเป็นห้องชมวิวได้ และแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างมาก็ยังป้องกันความชื้นได้ดีด้วย

ชั้นหนึ่งได้สร้างเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นงานที่ชั้นสอง หลังจากนั้นก็ชั้นสาม ท้ายที่สุดก็มีการเพิ่มห้องใต้หลังคาอีกหนึ่งห้อง ชาร์คบอกว่ามันเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งเหมาะกับความต้องการเป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้ โครงสร้างของอาคารเล็กๆ หลังนี้ก็เสร็จลง มิน่าเหล่าชาวประมงถึงได้มั่นใจนัก วัสดุหลักที่ใช้ในการสร้างคือไม้แปรรูปและไม้อัด ส่วนประตู หน้าต่าง กระเบื้องและพื้นเป็นของสำเร็จรูป ดังนั้นแค่ประกอบเข้าด้วยกันก็เป็นอันเสร็จสิ้น

………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท