ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1725 มีชื่อเสียงบ้างเล็กน้อย

บทที่ 1725 มีชื่อเสียงบ้างเล็กน้อย

เพื่อเป็นการต้อนรับลูกชายกลับบ้าน คู่สามีภรรยาบรูซได้จัดงานปาร์ตี้ให้โดยเฉพาะ เชิญหุ้นส่วนร่วมธุรกิจกับคนสนิท แน่นอนว่า พวกอาและน้าของไวส์ก็มาด้วย

ฉินสือโอวรู้สึกว่าคู่สามีภรรยาบรูซน่าสงสารน่าดู มีลูกชายเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แถมยังไม่ได้อยู่บ้านเลยตลอดทั้งปีอีก

หลังจากเขาเข้าไปในงานจัดเลี้ยงแล้วมีคนหลายคนที่ไม่รู้จักเขา ดังนั้นเวลาคุยเรื่องอะไรกันจึงไม่พูดออกมาเต็มที่ มีคนบางคนถึงขั้นคิดว่าไวส์ตายไปแล้วด้วย มาร่วมงานนี้แล้วถึงได้รู้ว่าที่แท้เขาไปรักษาอาการที่แคนาดาแทน

มือถือแก้วเหล้าไว้ ฉินสือโอวทำท่าครุ่นคิดแล้วมองไปไวส์ที่ทำตัวน่าหมั่นไส้อยู่ข้างๆ วิเวียน เขารู้สึกว่าต่อไปให้ไวส์อยู่ที่ชิคาโก้ดีกว่า พอวันปิดภาคเรียนค่อยไปหาเขาก็พอ การใช้พลังโพไซดอนฟื้นฟูไวส์ประสบความสำเร็จมาก เขาในตอนนี้แข็งแรงกำยำกว่าคนอายุรุ่นเดียวกันมากเลย

ดาราที่เป็นดาวเด่นของงานนี้ไม่ใช่ไวส์ที่เป็นคุณชายน้อยตระกูลบรูซ แต่เป็นเชอร์ลี่ย์ที่หน้าตาสละสลวยแทน โลลิต้าได้เป็นสาวสวยเต็มตัวแล้ว ปกติเธอชอบแต่งตัวเป็นหญิงแกร่ง การมาร่วมงานปาร์ตี้ในครั้งนี้ วิเวียนเชิญนักแต่งหน้าอาชีพมาแต่งหน้าให้เธอด้วย

สุดท้าย เชอร์ลี่ย์ได้เปิดตัวมาในชุดราตรีกลางคืนเปิดอกสีขาว ผมทองดัดลอนปล่อยไว้ คิ้วบางปากแดง ตาฟ้าผิวขาว ดูแล้วเหมือนกับเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ที่ออกมาจากในเทพนิยายเลย

เนื่องจากว่าเหตุผลหลักในการจัดงานปาร์ตี้นี้คือต้อนรับไวส์กลับบ้านและเพื่อนๆ ของเขาที่มาเป็นเพื่อนเขาที่ชิคาโก้ ดังนั้นคนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานจึงพาเด็กมาด้วย เด็กส่วนมากมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกไวส์ วัยรุ่นชายในกลุ่มคนพวกนี้ที่เห็นเชอร์ลี่ย์พากันแทบคลั่งไปเลยทีเดียว ต่างพากันล้อมเธอไว้เพื่อทำการแนะนำตัวเอง

ราวเป็นฝูงนกยูงที่อวดตัวเองได้เจอกับหงส์ที่สวยงาม ความหลงใหลของพวกเขาได้ซึมเข้าไปในกระดูกแล้ว

นิสัยของเชอร์ลี่ย์เป็นคนตรงและใจกว้าง ปกติก็เล่นซนอยู่กับพวกไวส์อยู่แล้ว ดังนั้นแม้จะอยู่ท่ามกลางวัยรุ่นชายเธอก็เอาตัวรอดได้ เธอมีบุคลิกที่โดดเด่น หน้าตาที่ชวนให้เคลิ้ม บวกกับนิสัยมองโลกในแง่ดีและใจกว้างแล้ว ทำเอาเพื่อนๆ ของคู่สามีภรรยาบรูซพากันพูดเล่นว่าถ้าพวกเขาอายุน้อยกว่านี้หน่อยจะพากันตามจีบสาวคนนี้ด้วย

กอร์ดอนเห็นฉากนี้แล้วก็ส่ายหัวไม่หยุด ฉินสือโอวสังเกตเห็น จึงเข้าไปถามว่า “นายเป็นอะไร? ไม่ได้เล่นยาใช่ไหม”

กอร์ดอนถูกคำพูดนี้สำลักจนไอออกมา กลอกตาแล้วพูดว่า “ฉิน คุณพูดอะไรครับ ผมจะมาเล่นยาในสถานที่สำคัญแบบนี้ได้อย่างไร? ไม่ ผมหมายถึงว่า ผมไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับของน่ากลัวแบบนั้นแน่นอนครับ ที่ส่ายหัวก็เพราะผมกำลังสงสารเหล่าคนโง่ที่ถูกหลอกพวกนี้ พวกเขาคิดว่าเชอร์ลี่ย์เป็นเทพธิดากันหมดแล้ว”

ชายวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งได้ยินคำพูดเขาแล้วก็หันมาพูดว่า “เชอร์ลี่ย์ไม่ใช่ทเพธิดาสำหรับนายด้วยเหรอ?”

ผู้คนรอบๆ พากันหันมามองกอร์ดอน ฉินสือโอวหัวเราะออกมา พูดแหย่ว่า “คำตอบของนายเป็นตัวกำหนดเวลาที่นายจะมีชีวิตอยู่ตอนกลับไปที่เกาะแฟร์เวลแล้ว ฉันกล้าพนันเลย ถ้านายไม่ชมเชอร์ลี่ย์แล้วล่ะก็ เธอกลับไปต้องขี่ม้ามาเตะนายให้ตายแน่!”

กอร์ดอนกับเชอร์ลี่ย์ไม่ลงรอยกันเลย เขาไม่มีทางฝืนพูดชมน้องสาวสุดโหดที่มักจะรังแกเขาได้แน่นอน เมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาของฝูงชนที่จับจ้องอยู่ เขาก็เกิดความคิดขึ้นมาจึงหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยนะน้องชาย ฉันเป็นพวกอเทวนิยมน่ะ”

ฉินสือโอวกำลังจะชมว่าเขาฉลาด มิเชลก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจแล้วพูดเสียงเบาว่า “MJ MJ MJ MJมาแล้ว!”

สุดยอด MJ สองคนของอเมริกา คนหนึ่งคือเทพเจ้าแห่งการบันเทิงไมเคิล แจ็คสัน อีกคนก็คือเทพเจ้าบาสเกตบอลไมเคิล จอร์แดน เมื่อคิดถึงว่าเทพแห่งการบันเทิงได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว งั้นคนที่มาก็ต้องเป็นไมเคิล จอร์แดนอย่างแน่นอน แล้วก็มีเพียงแค่เทพเจ้าบาสเกตบอลเท่านั้นแหละที่ทำให้มิเชลตื่นเต้นได้ขนาดนี้

และเป็นจริงตามนั้น ฉินสือโอวมองไป เห็นหัวหน้าทีมจอร์แดนในชุดสูทพอดีตัวมาพร้อมกับสาวสวยเอวเล็กคนหนึ่ง เขาไปทักทายกับสามีภรรยาบรูซ บอกว่าเขามาช้าไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็เอาของขวัญให้ไวส์ชิ้นหนึ่ง

ไวส์เป็นจอมยุทธ์ จึงถือเรื่องความชอบธรรมเอามากๆ เขาพูดกับจอร์แดนว่า “คุณอาไมเคิล รีบมาครับ ผมจะแนะนำนักบาสตัวเก็งให้คนหนึ่ง คุณรีบส่งต่อ NBA ให้เขาเถอะครับ ต่อไปเขาจะต้องปกครอง NBA แน่นอน”

ฉินสือโอวเห็นเทพเจ้าบาสเกตบอลเป็นครั้งแรก จอร์แดนในตอนนี้กินดีอยู่ดีอย่างมาก ไม่ใช่ชายสมบูรณ์แบบที่สามารถกวาดล้างทุกสนามบาสเกตบอลในรูปที่เขาแขวนไว้ในหอพักสมัยเรียนมัธยมต้นอีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าการที่สามารถได้เห็นคนที่เคยเป็นไอดอลแล้ว เขาก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นมากอยู่ดี

ก่อนจะมาคู่สามีภรรยาบรูซไม่ได้บอกว่าจะเชิญจอร์แดนมาด้วย แน่นอนว่า ด้วยอำนาจและฐานะของตระกูลคาร์เนกีในชิคาโก้นั้น การจะเชิญจอร์แดนไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเลย แม้ว่าในด้านการมีชื่อเสียงระดับโลกของหัวหน้าทีมจอร์แดนแล้วสามารถบอกปัดคู่สามีภรรยาบรูซได้ไกลเท่าระบบสุริยะ แต่ว่าในด้านมนุษยสัมพันธ์และทรัพย์สินแล้ว ตระกูลคาร์เนกี้สามารถปัดเขาไปได้ไกลเท่าทางช้างเผือกเลย

เมื่อได้ยินคำพูดของไวส์แล้ว จอร์แดนจึงพูดหยอกเล่นว่า “ขอโทษนะ ฉันได้ส่งต่อให้กับไบรอันไปแล้ว และเขาก็ไปที่ลอสเอนเจลิสแล้ว ถ้านายอยากได้ล่ะก็ จะต้องไปหาเขาที่ลอสแอนเจลิสแล้วล่ะ”

ไวส์ก็เป็นคนซื่อ เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เขาก็รีบปล่อยมือแล้วก็ส่ายหัวอย่างเสียดาย พร้อมพูดว่า “โอเคครับ งั้นผมไปหารือกับเพื่อนของผมก่อน ต้องหาโอกาสไปที่ลอสแอนเจลิสแล้วล่ะ”

คนที่อยู่ข้างๆ พูดหยอกต่อว่า “ไวส์ นายไม่ชอบบาสเกตบอลเหรอ?”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีคนกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคู่สามีภรรยาบรูซแน่นอน ตอนนั้นแค่ไวส์เดินเร็วหน่อยก็มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว จะไปยุ่งกับกีฬาได้อย่างไร?

พวกเขาเห็นว่าการเจอกันในครั้งนี้ ร่างกายของไวส์สูงและใหญ่โตขึ้นมาก สีหน้ามีเลือดฝาด ตอนพูดก็ดังสนั่นราวกับเสียงระเบิด จึงกล้าพูดเล่นแบบนี้ออกมา

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ไวส์ก็เอาจานใบหนึ่งมาคว่ำไว้บนโต๊ะ แล้วฟาดมือทำให้จานแตก แล้วพูดอย่างได้ใจว่า “พวกเราชาวจอมยุทธ์ ไม่สนใจลูกไม้แบบนั้นหรอกครับ”

ฉินสือโอวยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆ อยู่หลังฝูงชน ดีที่พ่อแม่ของไวส์เส้นใหญ่พอตัว ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาคงต้องถูกหัวหน้าจอร์จัดการแน่นอน

ที่คู่สามีภรรยาบรูซตั้งใจเชิญจอร์แดนมา ก็เพราะคิดถึงมิเชลด้วย จอร์แดนคือซูเปอร์ฮีโร่ในตำนานกีฬาของชิคาโก้ และเป็นทหารอันดับต้นๆ ของไนกี้อีกด้วย งานการแข่งบาสเกตบอลรุ่นเยาว์ไนกี้มีเงาของเขาอยู่ ให้มิเชลได้รู้จักเขาไว้ก็ถือเป็นเรื่องดี

คนที่ท่านชายฉินอยากรู้จักที่สุดในงานเลี้ยงนี้ก็คือจอร์แดน เสียดายที่คู่สามีภรรยาบรูซพาเขาแนะนำไปทั่วไปงาน แต่คนที่ได้คุยด้วยน้อยที่สุดกลับเป็นหัวหน้าจอร์แดน ส่วนมากจะคุยกับเหล่าบิ๊กเบิ้มจากแต่ละธุรกิจมากกว่า

ท่านชายฉินรู้สึกว่าปกติตัวเองเป็นคนที่เจียมตัวมากแล้ว แต่มาวันนี้จึงได้รู้ว่า ในสายตาของเหล่าเศรษฐีพี่ใหญ่พวกนี้ตัวเองก็มีชื่อเสียงบ้างเหมือนกัน คนพวกนี้เกือบทุกคนรู้ว่าเขาถือหุ้นของบริษัทบอมบาร์เดียร์และทิฟฟานี่อยู่ และแน่นอนอยู่แล้วที่ต้องรู้ว่าเขากำลังถือครองอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินที่จำหน่ายอาหารทะเลของตลาดระดับสูงในอเมริกาเหนือด้วย

เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย ถามจอร์จว่าคนพวกนี้รู้จักเขาได้อย่างไร จอร์จหัวเราะแล้วพูดว่า “ความจริงคุณต้องขอบคุณภาพยนตร์เรื่อง ‘ปะทะทะเลคลั่ง’ นะครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ใกล้จะฉายแล้ว ในตอนนี้ที่อเมริกาจึงพากันโปรโมตกันสุดฤทธิ์ ส่วนชื่อของคุณก็ถูกผูกไว้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย”

ฉินสือโอวจึงถึงบางอ้อ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง

ความจริงแล้วผู้คนที่นี่ยังคงรู้จักเขาผ่านอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินอยู่ ภายหลังตอนที่ฉินสือโอวคุยกับคนเหล่านี้นั้น มีหลายเรื่องเลยที่ใช้เรื่องนี้เปิดบทสนทนาเพื่อไปคุยเรื่องอื่นๆ ต่อ

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท