ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1735 ชายโสดสองคน

บทที่ 1735 ชายโสดสองคน

อาหารปลาจำนวนมากถูกโปรยลงไปในน้ำ ฉินสือโอวส่ายหัว พูดอยากแปลกใจว่า “ทำไมพวกนายโปรยอาหารปลากันแบบนี้ล่ะ?”

“ก็อย่างนี้กันหมดไม่ใช่เหรอ?” แอนดรูว์มองไปที่เขาอย่างแปลกใจ

ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “ก็อาจจะนะ แต่อาหารปลาของฉันไม่เหมาะกับการใช้แบบนี้ ทางที่ดีที่สุดพวกนายควรจะโปรยในจำนวนน้อยๆ ก่อน เพื่อล่อให้พวกปลาค็อดว่ายขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยทำการโปรยลงไปตรงจุดที่ฝูงปลาอยู่”

การโปรยอาหารและยาของฟาร์มปลา จะทำไม่เหมือนกับฟาร์มบนพื้นดิน บนพื้นดินอาหารที่โปรยลงไปจะไม่หายไปเปล่าๆ อย่างน้อยๆ ก็ไม่หายไปในเวลาอันสั้น สามารถเผื่อเวลาให้พวกวัวแพะออกกินอาหารได้ แต่อาหารปลาที่โปรยลงไปในน้ำ พอเวลาผ่านไปแล้วสามารถถูกน้ำทะเลแช่จนละลายหายไปได้

ดังนั้น จึงมีอาหารปลาบางพวกที่เติมสารเพิ่มความเหนียวเข้าไปด้วย ถ้าทำแบบนั้นอาหารก็จะไม่ต้องกลัวถูกน้ำทะเลแช่ขนาดนั้นแล้ว แต่การทำแบบนั้นจะส่งผลต่อคุณภาพเนื้อของกุ้งปลาได้ ในตลาดแคนาดาไม่อนุญาตให้ทำการใส่สารเพิ่มความเหนียวพวกนี้ลงในอาหารปลา แต่ก็ยังมีโรงงานผลิตอาหารปลามากมายที่แอบทำแบบนั้น ส่วนเจ้าของฟาร์มปลาก็ให้ความร่วมมือด้วย เพราะการทำแบบนั้นสามารถเพิ่มอัตราการใช้งานของอาหารปลาได้

เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินสือโอวแล้ว แอนดรูว์ก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา พูดว่า “จะใช่ได้อย่างไร? ฝูงปลาไม่ได้ถูกล่อขึ้นมาได้เร็วขนาดนั้นหรอก…”

“แอนดรูว์ เจ้าคนโง่ หุบปาก มองไปข้างหน้า” โดนัลด์ที่ยืนอยู่มองกล้องส่องทางไกลอยู่บนเรือพายลำเล็กได้พูดตัดบทเขาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

แอนดรูว์ ทัคเกอร์รีบใช้กล้องส่องทางไกลส่องไปด้านหน้า ตอนบ่ายแสงอาทิตย์เจิดจ้า สาดส่องลงไปปกคลุมทั่วผืนทะเล แต่ว่าความสว่างบนผิวทะเลกลับไม่เท่ากัน มีบางจุดที่ดำมืด ส่วนบางจุดกลับเป็นสีฟ้าสดใส

ในฐานะที่เป็นเจ้าของฟาร์มปลาเก่าแก่ โดนัลด์กับแอนดรูว์ต้องรู้อย่างแน่นอน ที่บางจุดของผืนน้ำทะเลเป็นสีดำมืด ก็เพราะฝูงปลาได้ปรากฏอยู่บนผิวน้ำ ทำให้ส่งผลต่อการส่องกระทบของแสงอาทิตย์นั่นเอง!

“ชิท ทำไมฝูงปลาถึงได้ถูกล่อมาได้เร็วปานนี้ล่ะ?” แอนดรูว์พูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาดใจ

ฉินสือโอวยักไหล่พูดว่า “ฉันเคยบอกแล้ว อาหารปลาของฉันน่ะทำมาจากสูตรลับเฉพาะ พวกนายคงไม่คิดว่าก่อนหน้านี้ฉันขี้โม้หรอกใช่ไหม?”

แอนดรูว์กับโดนัลด์ยิ้มร่า แน่นอนว่าพวกเขาคิดแบบนั้นจริงๆ เจ้าของฟาร์มปลาทุกคนก็ล้วนคิดแบบนี้กันทั้งนั้น บนตลาดยังไม่มีอาหารปลาของเจ้าไหนที่สามารถเปลี่ยนคุณภาพเนื้อของปลากุ้งได้เลยนี่นา

โดนัลด์รีบเปลี่ยนเรื่องคุย พูดว่า “ฉิน เพื่อนรักของฉัน งั้นฉันต้องเตือนนายไว้ก่อนนะ ทางที่ดีนายควรเอาสูตรลับของนายเก็บไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารสวิตเซอร์แลนด์เสีย ถ้าเป็นไปได้ ก็ซื้อประกันให้พวกมันเลยเถอะ เหมือนกับที่โคคาโคล่าทำน่ะ”

ทั้งสองคนพูดไปพลางมองไปยังทะเลที่อยู่ไกลออกไปพลาง ฝูงปลาที่ปรากฏมายิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ ลดลง นี่หมายความว่าพวกมันกำลังไล่กินอาหารปลาที่จมลงไปอยู่ แรงดึงดูดที่พวกมันมีต่ออาหารปลานี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว

จากนั้นพอกลับเข้าฝั่งแล้ว โดนัลด์รีบไปหยิบอาหารปลามากำหนึ่ง เขาดมแล้วก็กินไปคำหนึ่ง พูดด้วยความแปลกใจว่า “อื้ม รสชาติดีกว่าของบริษัทคาร์กิลล์นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีขนาดนั้นนี่ ทำไมถึงดึงดูดพวกกุ้งปลาได้มากขนาดนี้?”

ฉินสือโอวมองดูเขาที่กำลังเคี้ยวอาหารปลาอย่างประหลาดใจ เบิกตาโตแล้วพูดว่า “นายกินไปแล้วเหรอ?”

“ใช่ ทำไมเหรอ? การลองชิมอาหารปลาเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ” โดนัลด์พูดอย่างเห็นด้วยเต็มที่

ฉินสือโอวทำท่าอยากอ้วกออกมา พูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าควรพูดกับพวกนายดีหรือเปล่า ในสูตรลับของบ้านฉันนั้น มีส่วนหนึ่งก็คืออุจจาระของสัตว์ หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนอีกหน่อยก็คืออุจจาระของคน พวกนายก็รู้ ในอุจจาระของสัตว์นั้นมีโปรตีนที่ย่อยแล้วอยู่ ทำให้ปลาสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย ใช่ไหม?”

“อ๊อก! อ๊อก!” เขาเพิ่งพูดจบ โดนัลด์ก็มีสีหน้าสิ้นหวังเกาะเสาไว้แล้วอ้วกออกมา

แอนดรูว์ก็รีบเอามือไปเช็ดกับเสื้อนอกของโดนัลด์โดยเร็ว เมื่อกี้เขาได้หยิบอาหารปลามากำมือหนึ่งเพื่อเช็กสัมผัสทางมือด้วย

เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดสิ้นหวังของทั้งสองคนแล้ว การแกล้งอันโหดร้ายของท่านชายฉินถือว่าสำเร็จแล้ว จึงหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “พอแล้ว เพื่อน ฉันแกล้งพวกนายเล่น ในอาหารปลาจะใส่อุจจาระคนได้อย่างไร?”

โดนัลด์เช็ดปากทีหนึ่ง พูดอย่างหมดหนทางว่า “ฉิน เพื่อนที่ดีของฉัน อย่าล้อเล่นอะไรแบบนี้ได้ไหม? กลางคืนพวกเรายังต้องดื่มเหล้าด้วยกันอีกนะ”

แม้ว่าจะยังไม่รู้ผลของอาหารปลา แต่ดูจากตอนนี้แล้วนับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เพราะว่าหลังจากโปรยอาหารปลาเหล่านี้ลงไปในฟาร์มปลาแล้วสามารถดึงดูดพวกปลาให้ขึ้นมาแย่งอาหารได้ เท่านี้ก็เท่ากับว่าอย่างน้อยมันก็เป็นของดีที่ถูกปากปลาค็อด

ฉินสือโอวไม่ได้กลับวันนั้นเลย เขาอยู่ต่อที่ฟาร์มปลาของทั้งสองคน ตกดึกผู้ชายทั้งสามคนก็พากันดื่มเบียร์และย่างไส้กรอกกับเนื้อวัวพร้อมพูดคุยกัน

โดนัลด์และแอนดรูว์ไม่ได้แต่งงานทั้งคู่ ฉินสือโอวมองไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาไม่ชอบมาพากล พวกเขาเดาความคิดเขาออก โดนัลด์จึงหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ไม่ พวกเราไม่ใช่เกย์ ฉันไม่ได้หมายถึงว่าพวกเรารังเกียจเกย์หรอกนะ แต่พวกเราไม่ใช่จริงๆ ฉันกับแอนดรูว์คิดว่าเวลาชีวิตแค่ไม่กี่สิบปี ไม่จำเป็นต้องลงแรงไปกับผู้หญิงและครอบครัว อยู่แบบนี้ก็ดีไม่ใช่เหรอ? พอพวกเราแก่แล้วก็ไปสถานดูแลคนชรา ตอนนี้ตัวเองอยากจะเล่นสนุกอย่างไรก็เล่นอย่างนั้น”

ความคิดแบบนี้ในแคนาดาแม้ว่าจะไม่ใช่ความคิดที่ฮิตกันมาก แต่คนที่อยากมีชีวิตแบบนี้กลับไม่น้อยเลย บางทีอาจจะเกี่ยวกับสังคมของแคนาดาด้วย แม้ว่าจะมีลูก พ่อแม่ชาวแคนาดาก็ดูแลเอาใจใส่ลูกไม่เหมือนกับที่พ่อแม่ประเทศจีนทำ

พวกเขาจะเลี้ยงดูลูกอย่างดี แต่ว่าจะไม่เอาเวลา แรงกายและความรักให้กับลูกทั้งหมด และก็ไม่คาดหวังให้ลูกมาจัดการปัญหาเรื่องการเกษียณและชีวิตวัยแก่ของตัวเองด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ระหว่างพ่อแม่แคนาดาและลูกๆ จะมีความโดดเดี่ยวมากกว่า

ดังนั้น มีคนส่วนหนึ่งจำนวนมากที่ไม่อยากแต่งงาน แต่งงานแล้วก็ไม่อยากมีลูก ทางรัฐบาลแคนาดาก็หมดทางแก้จึงทำได้แต่ประกาศให้ผู้คนสร้างวิถีครอบครัวใหม่ ต้องรักลูก ต้องดูแลคนแก่ ไม่อย่างนั้นหากว่าความคิดนี้ขยายออกไปล่ะก็ งั้นประชากรจะต้องขาดแคลนอย่างแน่นอน

เหมือนว่าอยากจะพิสูจน์ว่าตัวเองไม่มีปัญหา พูดจบแอนดรูว์ก็ไปโทรศัพท์ ผ่านไปประมาณสี่สิบนาที ก็มีรถวอลโว่ขับเข้ามาคันหนึ่ง สาวสวยที่แต่งตัวแต่งหน้าสวยเช้งเดินลงมาจากรถ พร้อมทักทายทั้งสามคนอย่างอบอุ่น

แน่นอนว่าฉินสือโอวเข้าใจว่านี่คืออะไร เขายิ้มแล้วปัดมือ พูดว่า “ไม่ๆๆ ฉันไม่ต้องการสิ่งนี้ ฉันมีวินนี่ เหงาแค่คืนเดียวไม่เป็นไร”

แอนดรูว์พูดว่า “วางใจเถอะฉิน พวกเราไม่มีใครพูดหรอก ที่นี่นอกจากพวกเราแล้วก็มีแค่หมากับแมวของเรา หรือนายกังวลแม้กระทั่งกับพวกมันเหรอ?”

ฉินสือโอวชี้ไปที่ท้องฟ้ายามค่ำคืน หัวเราะแล้วพูดว่า “ยังมีพระเจ้า แล้วก็มีใจของฉัน ความจริงแล้วพวกนายเต็มที่เถอะ ฉันมีหมากับแมวอยู่เป็นเพื่อนก็พอแล้ว”

แอนดรูว์เลี้ยงร็อตไวเลอร์ที่ดุดันไว้ตัวหนึ่ง มันตัวอ้วนมาก แอนดรูว์เป็นแฟนบอลคนหนึ่ง จึงตั้งชื่อมันว่าอ้วนโร (ฉายาภาษาจีนของนักฟุตบอลโรนัลโด)

ฉินสือโอวเอาเนื้อย่างให้มันชิ้นหนึ่ง เจ้าหมอนี่ก็พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเพื่อคาบเนื้อย่างไป จากนั้น ฉินสือโอวก็เทน้ำดื่มลงบนมือให้มันดื่ม แล้วก็ถือโอกาสส่งพลังโพไซดอนให้มัน

เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้อ้วนโรรู้สึกเป็นมิตรกับฉินสือโอวขึ้นมา ฉินสือโอวมองดูทั้งสองคนที่กำลังหยอกล้อกับผู้หญิงสามคน ส่วนตัวเองกลับกำลังเล่นกับอ้วนโร

โดนัลด์หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ ถึงตาพวกเราสงสัยในความชอบของนายแล้วล่ะ”

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท