ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1751 คนที่ก่อเรื่องมาแล้ว

บทที่ 1751 คนที่ก่อเรื่องมาแล้ว

กองพลโจรสลัดที่บูลและพรรคพวกรวมตัวกันขึ้นมาได้แปลงร่างเรือประมงลำหนึ่งเป็นเรือโจรสลัด บนเรือมีแขวนใบเรือไว้ซึ่งมีภาพหัวกะโหลกอยู่ บนเรือยังประดับด้วยหัวกะโหลกแขวนอยู่เต็มไปหมด

ผู้คนจำนวนมากที่มาเข้าร่วมงานแต่งกายเป็นทหารเรือจากประเทศต่างๆ ฉินสือโอวทุ่มเงินแต่งเรือประมงลำหนึ่งให้กลายเป็นเรือประจัญบานอังกฤษในศตวรรษที่ 17 เรือมีชื่อว่าเรือเดรดนอท

เรือเดรดนอท เป็นเรือประจัญบานคลาสสิคในภาพยนตร์เรื่อง ‘ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน 1’ เป็นเรือประจัญบานของนายพลจัตวา เลลลิงตัน เรือลำนี้เลียนแบบเรือรบหลวงวิกตอรีของราชนาวีอังกฤษซึ่งทรงพลังที่สุดในมหาสมุทรแอตแลนติก เรือรบหลวงวิกตอรีเป็นเรือของราชนาวีในสงครามนโปเลียนและยังคงรักษาไว้ในสหราชอาณาจักร มันเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรืออังกฤษและทำลายกองเรือแอตแลนติกที่ชาวฝรั่งเศสภาคภูมิใจ

เมื่อเป็นเช่นนี้ทหารเรือของประเทศต่างๆ ก็ขึ้นเรือเดรดนอทและไปไล่ล่าเรือโจรสลัดของบูลและคนอื่นๆ เรือที่แตกสองลำแกว่งไปมาในทะเล คุณมาฉันไป โจรสลัดและทหารเรือบนเรือตะโกนใส่กัน พวกเขาเป็นกลุ่มผู้กล้ากลุ่มแรกที่ต่อสู้กัน

ฉินสือโอวส่งต่อลูกสาวให้กับวินนี่ หลังจากนั้นก็พาตัวเองขี่เจ้าวาฬหัวทุยออกทะเลไป ในทะเลยังมีคนดูอีกกลุ่มที่นั่งเรือเพื่อชมการต่อสู้ แต่เมื่อพวกเขาเห็นฉินสือโอวขี่วาฬหัวทุยก็ถูกดึงดูดความสนใจ ตะโกนร้องสุดเสียงเพราะอยากจะเข้าไปขี่ด้วยคน

ฉินสือโอวนายใหญ่รู้สึกเสียดายเหลือเกิน ตอนนั้นที่เขายังไม่ได้แต่งงานกับวินนี่ หนึ่งเดือนบนเกาะไม่ได้เห็นสาวสวยเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่มีสาวสวยทักทายเขาอย่างกระตือรือร้นแบบนี้ ตอนนี้พอแต่งงานแล้ว เมื่อเจอกับสาวสวยทีละคน ทีละคน รู้สึกน่าโมโหจริงๆ

พวกโจรสลัดสวมหมวกปีศาจไวกิ้ง สวมใส่เสื้อหนังเรียบง่าย ถือขวานรบและมีดยาวในมือ พวกเขาใช้อาวุธตีไปมาที่หน้าอกอันแข็งแรง และคำรามใส่เรือรบของกองทัพเรืออยู่ตลอดเวลา

การแต่งกายของกลุ่มทหารเรือก็ยุ่งเหยิงไปหมดเช่นกัน เครื่องแบบทหารเรืออังกฤษ เครื่องแบบทหารเรือสเปน เครื่องแบบทหารเรือในไร่องุ่น และยังมีเครื่องแบบทหารเรือฝรั่งเศสและอิตาลีอีกด้วย มีเครื่องแบบในทุกยุคทุกสมัย แต่ไม่ว่าจะยุคไหนก็เป็นนายพลเกือบทั้งหมด เป็นกลุ่มนายพลจัตวาและอื่นๆ ฉินสือโอวมองไปรอบๆ แต่มองไม่เห็นทหารเลยสักคน

พวกทหารเรือมีอาวุธจำพวกปืนคาบศิลาอยู่ พวกโจรสลัดตะโกนร้องแล้วก็ควักปืนออกมายิง ลูกกระสุนจำนวนมากบินว่อนแต่ลอยออกไปได้ไม่ไกล เนื่องจากระยะในการยิงของปืนเหล่านี้ไม่ถึงสิบเมตรด้วยซ้ำ เรือทั้งสองลำอยู่ห่างกันพอสมควร ดังนั้นจึงเห็นแค่แสงไฟปะทุบนเรือเดรดนอท แต่กลับไม่ได้ทำร้ายถูกใคร

ฉินสือโอวคอยมองอยู่ข้างๆ ในขณะที่ขี่อยู่บนวาฬหัวทุย รอให้เรือสองลำมาชนกันแล้วปะทะอาวุธกัน

แต่ผลปรากฏว่า เรือทั้งสองลำสวนกันไปมาอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่สวนกันแล้วก็แยกห่างออกจากกัน เรือไม่ได้ชนกันแล้วทุกคนต่างฝ่ายก็ขึ้นไปบนเรือเพื่อต่อสู้เลยแม้แต่น้อย

พวกโจรสลัดมีกรงเล็บบินอยู่ในมือ พวกเขายังคงหมุนกรงเล็บบินเพื่อเหวี่ยงขึ้นไปบนเรือเดรดนอท แต่พวกเขาไม่มีความสามารถนั้น กรงเล็บที่บินอยู่ในมือของเขาหมุนวนไปมา เหวี่ยงไปที่เรือเดรดนอทหลายครั้งแต่กลับไม่โดนอะไร อย่างไรก็ตามบางคนหมุนอยู่ในมือจนตัวเองได้รับบาดเจ็บเอง

เรือทั้งสองลำแล่นไปมาบนทะเลเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว ฉินสือโอวไม่มีความอดทนอีกต่อไป ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง โชคดีที่เขาล้างสีทองที่อยู่บนร่างกายของเขาออกแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกอาบแดดจนกลายเป็นเป็ดปักกิ่ง

ลูกพี่วาฬหัวทุยมีความสุขมาก เพราะมันชอบอาบแดด ตอนที่ฉินสือโอวไม่ได้ออกคำสั่งอะไร มันก็จะลอยอยู่บนผิวน้ำไม่ขยับไปไหน บางคนนั่งเรือเล็กไปด้านหน้าเพื่อถ่ายรูป มันอย่างมากก็แค่เปิดเปลือกตามอง แต่ยังคงนิ่งไม่ขยับไปไหน

ฉินสือโอวเตรียมจะจากไป ในที่สุด เรือเดรดนอทและเรือโจรสลัดก็เริ่มการต่อสู้ แต่ไม่มีใครวิ่งไปที่เรืออีกลำเพื่อฆ่าสังหาร เรือทั้งสองลำพิงกันอยู่ เมื่อกระดานไม้สัมผัสกัน ทั้งสองฝ่ายต่างควงอาวุธไปมาอยู่บนเรือของตนเอง มีดยาวและขวานบินของโจรสลัดกับหอกยาวและเซเบอร์ของทหารเรือปะทะกันเอง แต่ไม่สัมผัสถูกคนเลย

“น่าขำสิ้นดี!” ฉินสือโอวก่นด่าด้วยความโกรธ เขานึกว่าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันในระยะประชิดและพวกเขาจะต่อสู้ด้วยอาวุธจริงๆ

ไม่สนุกเลย เขาตบหัววาฬหัวทุยและเตรียมจะขึ้นฝั่ง ในขณะเดียวกันนั่นเองนี้เรือสปีดโบ๊ทสองลำขับไปที่ท่าเรือ ฉินสือโอวตามอยู่ด้านหลัง เขานึกว่าคนบนเรือจะร้องอุทานและอยากถ่ายรูปด้วย แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ผู้คนบนเรือกลับจ้องมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ไม่มีใครส่งเสียงและไม่มีใครถ่ายรูป

เดิมทีฉินสือโอวไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเรือเร็วสองลำนี้ ตั้งแต่เมื่อวานก็มีเรือเข้ามาในเมืองอยู่ตลอด จนท่าเรือไม่มีที่จอดแล้ว เขาจึงต้องเทียบท่าที่ท่าเรือฟาร์มปลาของเขาเอง มีคนเข้าร่วมกิจกรรมมากเกินไปซึ่งไม่คุ้มค่าที่จะไปเสียเวลานั่งสังเกต

อย่างไรก็ตาม ผู้คนเหล่านี้มักจะต้องตกใจเมื่อได้เห็นเขาขี่วาฬหัวทุย หรือมีคนที่กระโดดลงน้ำและต้องการเข้าใกล้เขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นบุคคลที่มีท่าทีเย็นชาเช่นนี้

เมื่อเรื่องผิดปกติ เขาจึงต้องสังเกตดูสักหน่อย ผลปรากฏว่ามองไปมองมาปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น บนเรือเร็วนี้มีคนจำนวนหนึ่ง หน้าตาคุ้นๆ

บนเรือเร็วเป็นคนผิวดำทั้งหมด คนผิวดำเหล่านี้สวมหมวกสีขาวใบเล็กและเสื้อคลุมสีขาวบาง บางคนเห็นได้ชัดเลยว่ายังเด็กมากแต่กลับไว้เครายาว ฉินสือโอวเคยเห็นคนแต่งกายแบบนี้มาก่อนเมื่อเดือนกว่าแล้ว ตอนนั้นคนที่แต่งกายแบบนี้คือคนเอธิโอเปีย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที เขาสแกนใบหน้าของผู้คนบนเรืออย่างรวดเร็ว แม้ว่าคนผิวดำจะดูคล้ายกัน แต่เขาก็อาศัยอยู่ต่างประเทศมานานแล้วและเนื่องด้วยเขามีทั้งวิลและพาวลิสที่เป็นคนผิวดำที่อยู่รอบตัวเขา เขาจึงสามารถแยกแยะลักษณะของคนผิวดำได้ นอกจากนี้ความจำของเขายังดีมาก เขาจึงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยจำนวนหนึ่งบนเรือสปีดโบ๊ทได้เพียงแค่สแกนผ่านอย่างรวดเร็ว

และคนเหล่านี้บ้างก็จ้องมองไปที่เขาหรือไม่ก็แสดงสีหน้าดุร้าย หรือไม่ก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว ปฏิกิริยาเพียงเท่านี้ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่ามีปัญหา

คนเอธิโอเปียมาอีกแล้วเหรอ? ฉินสือโอวนายใหญ่ตอบสนองกลับ เขาหยิบเครื่องส่งรับวิทยุขึ้นมาทันทีและพูดกับวินนี่ที่อยู่บนฝั่งว่า “คุณพาลูกสาวไปหลบในที่ปลอดภัยก่อนและบอกชาร์คและแลร์รี ฮิวจ์ว่าชาวเอธิโอเปียที่ทำให้เกิดปัญหาเมื่อครั้งก่อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง!”

แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าทำไมชาวเอธิโอเปียถึงมาที่นี่ แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าควรมองในแง่ร้ายไว้ก่อนดีกว่า เพราะคนเหล่านี้มีชื่อเสียงไม่ดีในแคนาดา เป็นคนผิวดำก็แย่พอแล้ว แต่พวกเขายังเป็นคนผิวดำที่เชื่อในศาสนาอิสลามอีก จินตนาการออกมาได้เลยว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง

เขากังวลว่าชาวเอธิโอเปียจะพกปืนอยู่บนเรือ เขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้ เขาจึงตบหัวลูกพี่วาฬหัวทุยเพื่อให้มันว่ายช้าลงจะได้รักษาระยะห่าง อีกอย่างเขาก็เตรียมพร้อมแล้ว ถ้าสถานการณ์ไม่ดี เขาก็จะกระโดดลงทะเล

หลังจากที่วินนี่ได้รับข่าวของเขา เธอก็ขอให้โรเบิร์ตพาตำรวจไปปิดล้อมท่าเรือทันที จะให้ชาวเอธิโอเปียเหล่านี้ขึ้นฝั่งไม่ได้ เพราะขณะนี้มีนักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจำนวนมากในเมือง หากชาวเอธิโอเปียเหล่านี้ต้องการแก้แค้น ก็จะเกิดเหตุการณ์หลั่งเลือดได้ง่าย!

ฉินสือโอวรีบขี่วาฬหัวทุยกลับไปตรงระหว่างเรือเดรดนอทและเรือโจรสลัด ซึ่งทั้งสองกลุ่มยังคงคำรามใส่กัน หัวเราะอย่างสนุกสนาน ดูแล้วมีความสุขกันมาก

หลังจากที่ฉินสือโอวนายใหญ่รีบพุ่งไปเขาก็ควบคุมวาฬหัวทุยให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ความสูงของอานวาฬใกล้เคียงกับหัวเรือของฟาร์มปลา เขารีบก้าวขึ้นไปและตะโกนว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย หยุดเล่นกันได้แล้ว บ้าชิบ เอธิโอเปียพวกนั้นที่เคยก่อเรื่องมาแล้วนะ! เร็ว เร็วเข้า กลับลำเรือ รีบไปที่ท่าเรือหยุดพวกแม่งนั้นก่อน!”

…………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน