บิลลี่ เบลค และแบรนดอนสามคนพากันจูงมือมาหาถึงบ้าน นอกจากเบลคแล้ว อีกสองคนล้วนพาแฟนสาวหรือภรรยามาด้วย บวกกับฉินสือโอวกับวินนี่ทำให้อยู่คู่กันเป็นคู่ๆ เหลือแค่เบลคคนเดียวที่อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว
“พวกนายพากันกดดันฉันแบบนี้ ดีจริงเหรอ?” เบลคจงใจทำทีว่างอนไม่พอใจ
“ฉันก็แค่พาอีกครึ่งหนึ่งของฉันมาด้วยเท่านั้นเอง จะให้ฉันห่วงความรู้สึกนายแล้วไม่สนใจความรู้สึกของแม่ของลูกฉันเลยก็คงไม่ได้ไหม?” บิลลี่มองไปที่แฟนสาวที่อยู่ข้างๆ อย่างมีความสุขทีหนึ่ง
เมื่อได้ฟังแบบนี้แล้วฉินสือโอวก็เข้าใจในทันที บิลลี่จะเป็นพ่อคนแล้ว เขามองไปยังลินดาที่อยู่ข้างๆ ท้องน้อยที่ปกติจะแบนราบของลินดาดูป่องออกมานิดหน่อยจริงๆ ด้วย ก่อนหน้านี้เธอใส่เสื้อขนเป็ดไว้ทำให้มองไม่ออก พอถอดเสื้อขนเป็ดออกเหลือแต่เสื้อเชิ้ตขนแกะจึงทำให้ดูออก
วินนี่ถามอย่างประหลาดใจว่า “เฮ้ ลินดา เธอจะเป็นคุณแม่แล้วเหรอ?”
ลินดาพยักหน้าด้วยท่าทีเขินอาย ยิ้มอย่างอ่อนหวานแล้วพูดว่า “ขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอทันทีนะ วินนี่ ความจริงฉันอยากจะบอกเธอตั้งแต่ที่รู้เลย แต่ว่าบิลลี่ไม่อนุญาต เขาอยากจะมาประกาศข่าวนี้ด้วยตัวเองน่ะ เห็นบอกว่าจะเซอร์ไพรส์พวกเธอ”
บิลลี่หัวเราะเหอๆ พูดว่า “แน่นอนสิ นี่น่ะเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่สุด พวกเธอไม่รู้หรอกว่าตอนที่ฉันบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของฉันน่ะปฏิกิริยาของพวกเขาเป็นอย่างไร”
“เจ้าตัวดี นายทำเรื่องใหญ่ของตระกูลสเต็มเมอร์สำเร็จได้อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยนะ” บิลลี่พูดเลียนแบบเสียงผู้ชายที่พูดด้วยเสียงเรียบ นี่น่าจะเป็นปฏิกิริยาของพ่อเขาในตอนนั้น
วินนี่แท็กมือกับลินดาเพื่อฉลอง หากไม่ใช่เพราะท้องใหญ่เกินไป ฉินสือโอวมั่นใจว่าเธอจะต้องโอบกอดลินดาด้วยความยินดีอย่างแน่นอน
แบรนดอนเป็นคนที่อึ้งที่สุด เขามองบิลลี่อย่างตกใจพูดว่า “เอาเถอะ ดูไม่ออกว่านายจะเป็นพวกเสือปืนไวนะเนี่ย งั้นฉันคงต้องรีบหน่อยแล้ว ฉันกะว่าอีกสองปีถึงจะมีลูกนะเนี่ย”
ฉินสือโอวแอบคิดในในว่าแบรนดอนยังจะกล้าพูดแบบนี้อีก เขาอายุเกินสี่สิบแล้ว ยังจะรออีกสองปีกว่าจะมีลูกอีกเหรอ? ห้าสิบปีเหรอ?
เพราะเหตุผลเรื่องผลประโยชน์ ทำให้ทั้งสี่คนมารวมกลุ่มกัน ฉินสือโอวให้พวกบิลลี่คุยกันไปก่อน ตัวเขาไปต้มกาแฟให้ วินนี่มาช่วยเขา แต่ฉินสือโอวไม่กล้ารับหรอก พูดว่า “ไม่ต้อง ที่รัก คุณจะคลอดลูกอยู่เร็วๆ นี้แล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ”
วินนี่ปัดมืออย่างไม่ใส่ใจ พูดว่า “แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก คุณดูสิลินดาก็ท้องเหมือนกัน แต่บิลลี่ยังวางแผนว่าจะพาเธอไปเที่ยวรอบโลกอยู่เลย”
ฉินสือโอวลูบคางไปมา พูดว่า “จะว่าไปแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะ โรงเรียนสตรีของพวกคุณสอนให้พวกคุณต้องแต่งงานก่อนจึงจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณกับลินดากลับท้องก่อนแต่งกันล่ะ? หรือว่านี่เป็นธรรมเนียมของโรงเรียนพวกคุณเหรอ?”
ตอนที่กำลังคาดเดาไปเองอยู่นั้น สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นสายตาที่ค่อนข้างแปลกขึ้นมา
วินนี่ตบท้องเบาๆ อย่างนุ่มนวล ชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ลูกรักดูไว้นะ ก็คือผู้ชายคนนี้นี่แหละ เขาถือโอกาสตอนที่ลูกไม่อยู่มาดูถูกแม่กับโรงเรียนของแม่ ต่อไปลูกต้องแก้แค้นให้แม่นะ ต้องจัดการเขาให้ถึงที่สุดนะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เขาก็เป็นลูกชายผมเหมือนกันนะ จะมาเอาคืนผมได้ลงคอเหรอ?”
วินนี่ตบไปที่หน้าเขาเบาๆยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ได้เอาคืนคุณ คุณเองก็เป็นสามีของฉันเหมือนกัน ฉันจะทำใจให้คนอื่นมาเอาคืนคุณได้อย่างไรคะ? ให้ทรมานคุณต่างหาก ฟังให้ดีนะคะ หลังจากลูกชายคลอดออกมาแล้ว จะต้องนอนกับพวกเราเท่านั้น คุณเป็นคนดูแล ไม่ให้คุณพ่อกับคุณแม่ดูแลแล้ว!”
ทันใดนั้น ท่านชายฉินก็อึ้งไปเลย “ไม่นะ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
จากนั้น วินนี่ก็พาลินดากับซุยฉีออกไปให้พวกผู้ชายได้มีเวลาส่วนตัว เหล่าภรรยาจากไป เบลคก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “วันนี้เป็นวันตรุษจีน ฉิน นี่เป็นวันแรกของพวกนายใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้า พอเห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของเขาจึงถามออกไปอย่างระมัดระวังว่า “นายคิดจะทำอะไร?”
เบลคหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “พวกเราต้องทำการฉลองปีใหม่ไง แบบนี้แล้วกัน พวกเราไปเมากันที่ไนท์คลับในเซนต์จอห์นเถอะ คืนนี้ฉันเลี้ยงเอง ไปสนุกสุดเหวี่ยงกัน!”
“สุดเหวี่ยงกับผีน่ะสิ ฉันต้องอยู่เป็นเพื่อนเมียฉัน” บิลลี่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ก่อนเป็นคนแรก
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “เมียฉันใกล้จะคลอดอยู่แล้ว ฉันจะไปเล่นอะไรแบบนี้ได้อย่างไร? เพราะฉะนั้นพวกเรามาคุยเรื่องที่เป็นไปได้ดีกว่า อย่างเช่นว่า ปีนี้พวกเราจะงมสมบัติสักเท่าไรดีเป็นต้น?”
เรื่องเดียวที่ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วสนใจก็คือทรัพย์สมบัติ แน่นอนว่าทรัพย์สมบัติไม่ได้หมายถึงแค่เงินทองเท่านั้น ทั้งฐานะ ครอบครัวก็ล้วนถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติในชีวิตของมนุษย์ทั้งนั้น แต่ว่า ณ ตอนนี้ สมบัติที่ฉินสือโอวพูดถึงน่ะเป็นทรัพย์สมบัติที่สุดยอดมากกว่า สติของคนทั้งกลุ่มจึงตื่นตัวขึ้นมาในทันใด
เบลคเองก็จริงจังขึ้นมา เขาพูดว่า “เรือซานโฮเซ เพื่อน ขอแค่ไปงมเรือซานโฮเซขึ้นมาได้ ให้ตายเถอะ งั้นปีนี้พวกเราก็สามารถไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นเลย แค่นับเงินก็พอแล้ว!”
“เรือซานโฮเซ? เรือในขบวนเรือของพระเจ้าฟิลีปที่ห้าของสเปนน่ะเหรอ? เรือลำเลียงสมบัติที่ถูกกองเรืออังกฤษจมลงที่ทะเลแคริบเบียนในปี 1780 น่ะนะ? มีข่าวของมันแล้วเหรอ?” บิลลี่ถามอย่างประหลาดใจ
ตอนแรกที่เบลคเอาข้อมูลของเรือซานโฮเซมาบอกฉินสือโอวนั้น เพราะว่าข้อมูลที่ได้มายังไม่ได้ถูกตรวจสอบ บวกกับตอนนั้นบิลลี่กำลังยุ่งอยู่กับการงมเรือลำเลียงสมบัติขวานดำที่อับปางอยู่ส่วนแบรนดอนก็ยุ่งอยู่กับการแต่งงาน เขาจึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับทั้งสองคน ความจริงพิสูจน์แล้วว่าที่ทำแบบนี้น่ะถูกแล้ว ฉินสือโอวหาเรืออับปางลำนี้ไม่เจอ แถมไม่มีข่าวอะไรของมันอีกเลย แม้จะยกมาพูดก็คงดีใจเสียเปล่า
เขาพูดด้วยความกังวลว่า “เรือซานโฮเซไม่ได้เรื่องหรอก วาฬเบลูก้ากับโลมาของฉันได้ค้นไปทั่วทะเลแคริบเบียนแล้ว ก็ยังหาเรืออับปางลำนี้ไม่เจอเลย แต่ว่าในทะเลแคริบเบียนคงมีเรืออับปางอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน เหมือนว่าจะมีหลายลำนะที่ได้เรื่องอยู่ แต่ว่าเรือไม่ใหญ่ ไม่รู้ว่าจะคุ้มที่จะให้บิลลี่ลงมือหรือเปล่า”
ตั้งแต่ร่วมงานกับฉินสือโอวมา งานที่บิลลี่ทำล้วนเป็นการงมสมบัติที่มูลค่าสูงทั้งนั้น ทำให้สมบัติที่มีมูลค่าแบบปกติทั่วไปไม่อยู่ในสายตาเสียแล้ว เขาพูดว่า “หากว่ามูลค่าน้อยกว่าสิบล้าน ก็ไม่คุ้มให้พวกเราไปงมหรอก เพราะยิ่งลึกค่าใช้จ่ายในการงมก็มากเกินไป ทำเงินได้ไม่เท่าไรหรอก”
ฉินสือโอวค้อนเขาไปทีหนึ่ง พูดว่า “นายล้อฉันเล่นเหรอ? วาฬเบลูก้ารู้แค่ว่าที่ไหนมีเรืออับปาง พวกมันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าของบนเรือมีมูลค่าเท่าไร? แต่ถ้ามีทองคำยังดี พวกมันรู้จักทองคำอยู่”
อย่างไรเสียจุดนี้ก็เป็นช่องโหว่จริงๆนั่นแหละ ความจริงหากว่าพวกเบลคทำการคิดวิเคราะห์กันจริงๆ ก็สามารถรู้ได้ถึงความไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ว่าให้วาฬเบลูก้ากับโลมาไปค้นหาเรืออับปาง แต่ว่าพวกเขาไม่ได้คิดถึงด้านนี้ เพราะว่าตอนนี้ยังทำเงินได้แถมได้ไม่น้อยด้วย จึงไม่จำเป็นต้องไปทุบหม้อตัวเองโดยการถามความลับของฉินสือโอว
พวกเขาชอบกินปลาทูน่า แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปรับรู้ว่าปลาทูน่าเติบโตอย่างไร
เมื่อได้ฟังคำของฉินสือโอวแล้ว แบรนดอนก็หัวเราะออกมา รีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนว่า “นั่งคุยกันไปก็ไม่ได้อะไร ไปเดินเล่นในเมืองกันเถอะ? ครั้งนี้ฉันก็มาเพื่อพักร้อนด้วย ฉันกับซุยฉีชอบเมืองที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างเมืองแฟร์เวลมาก มันมักจะทำให้ฉันผ่อนคลายได้เสมอเลย”
ช่วงวันตรุษจีนในเมืองคึกคักกว่าช่วงวันคริสต์มาสเสียอีก มีนักท่องเที่ยวมากมายที่ปกติงานจะยุ่งมาก มีแค่ช่วงตรุษจีนเท่านั้นที่สามารถหยุดยาวได้ ดังนั้นในช่วงนี้พวกเขาจึงพาภรรยามาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อฉลองเทศกาลตรุษจีนกัน
สำหรับผู้คนที่อาศัยในเมืองแล้ว จะฉลองตรุษจีนในหรือนอกประเทศก็ไม่ต่างกันมาก เพราะในเมืองใหญ่ไม่ค่อยมีบรรยากาศปีใหม่เท่าไรนัก แล้วก็ไม่มีญาติพี่น้องให้ไปหามากมายด้วย แต่กลับเป็นเมืองแฟร์เวลเสียอีก เพราะให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยว ทำให้เทศกาลวันตรุษจีนครึกครื้นมาก เมืองเล็กในต่างประเทศนี้กลับมีบรรยากาศปีใหม่เสียยิ่งกว่าอีก
……………………