ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1827 ปลาน้อยลอยขึ้นบนผิวน้ำ

บทที่ 1827 ปลาน้อยลอยขึ้นบนผิวน้ำ

เรื่องพรรค์นี้ติดต่อฮิวจ์ไม่มีผิดแน่นอน เจ้าหมอนี่น่ะชอบทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว แต่ทว่าเรื่องระเบิดปลาเขาเองก็ไม่มีประสบการณ์ แคนาดาไม่อนุญาตให้ใช้ระเบิดมาระเบิดปลา ไม่ว่าจะกับทะเลสาบหรือมหาสมุทร เพราะว่าวิธีนี้ไม่เพียงแต่โหดร้ายเท่านั้น ยังส่งผลเสียร้ายแรงให้กับสภาพแวดล้อมอีกด้วย

วินนี่แจ้งสถานการณ์ของทะเลสาบเฉินเป่าให้กับทางการปกครองส่วนท้องถิ่นทราบ จากนั้นก็เสนอให้ใช้วิธีระเบิดปลาในการจัดการกับปัญหาการระบาดของปลาคาร์ฟเอเชีย

ปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่ามีจำนวนมาก แต่เพราะมีการเพาะพืชน้ำมาโดยตลอด ทำให้สภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของปลาท้องถิ่นไม่ได้ถูกปลาคาร์ฟเอเชียยึดไปเสียเท่าไร มีการรักษาระบบนิเวศไว้ดีมาก

สำหรับเมืองเล็กๆ นี้แล้ว การแทงปลาเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่มากันในช่วงฤดูใบไม้ผลิฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง

แต่ว่านั่นก็เป็นเพียงแค่เรื่องในฤดูใบไม้ผลิฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ในช่วงฤดูหนาวเดียว หลังจากผิวน้ำแข็งเป็นน้ำแข็งแล้วก็ไม่สามารถแทงและไม่สามารถจับปลาได้อีก ปลาคาร์ฟเอเชียจึงทำการขยายพันธุ์กันอย่างบ้าคลั่งในทะเลสาบ ยิ่งโดยเฉพาะในทะเลาสาบเฉินเป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชน้ำและอาหาร ทำให้ปลาคาร์ฟเอเชียอาศัยอยู่อย่างมีความสุขสุดๆ นี่ก็คือเหตุผลที่ฉินสือโอวสนับสนุนนโยบายการกำจัดปลาคาร์ฟเอเชียของทางองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ทำน้อยหรือทำมากเกินไปก็ล้วนไม่ดีทั้งนั้น ปลาคาร์ฟเอเชียมากเกินไป จะเป็นการยึดครองพื้นที่อาศัยของพันธุ์ปลาท้องถิ่นได้

ทะเลสาบเฉินเป่าเป็นแบบนี้ น่านน้ำอื่นๆในแคนาดายิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ปลาคาร์ฟเอเชียได้กลายเป็นฝันร้ายของการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำจืดของทุกที่ แถมสิ่งที่ผู้คนกลัวมากที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องที่มันมารุกรานพันธุ์ปลาท้องถิ่นด้วย แต่เป็นเรื่องที่พวกมันมาสร้างมลภาวะทางน้ำให้กับทะเลสาบใหญ่ทั้งห้ามากกว่า นั่นน่ะเป็นถึงสายน้ำเลี้ยงชีวิตที่หล่อเลี้ยงครึ่งของแคนาดาเลย!

ดังนั้น ทางรัฐเซนต์จอห์นจึงตอบตกลงกับการยื่นขออนุญาตให้ระเบิดปลาของวินนี่ทันที หนำซ้ำทางรัฐบาลยังได้ส่งระเบิดน้ำที่จำเป็นต้องใช้ในการระเบิดปลามาให้พวกเขาด้วย ครั้งนี้เป็นระเบิดน้ำแบบเต็มรูปแบบเลย ไม่ใช่ของเล่นเหมือนที่เถียนกวาเล่น!

มองดูเจ้าตัวเหล็กทรงหยดน้ำพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวเกาหัว พูดว่า “องค์การส่วนท้องถิ่นนี่ใจเด็ดเสียจริง เพื่อที่จะจัดการกับปลาคาร์ฟเอเชียถึงกับใช้งานเจ้าพวกนี้เลยเหรอ?”

คนที่รับผิดชอบขนส่งระเบิดพวกนี้คือเรือเอกนายหนึ่ง ชื่อว่าวูล์ฟกัง เป็นชาวอารยันผิวขาวที่กำยำคนหนึ่ง เขามักมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ความจริงแล้วเป็นคนช่างคุยมาก หลังจากมาถึงเมืองนี้ พูดคุยกันไม่กี่คำก็สนิทสนมกับพวกฉินสือโอวแล้ว

พอเขาได้ฟังคำพูดของฉินสือโอวแล้ว วูล์ฟกังก็หัวเราะออกมา อธิบายว่า “นี่ไม่นับว่าเป็นตัวเป้งหรอกนะครับ? ความจริงแล้วทางกองทัพเรือกำลังปวดหัวกับระเบิดน้ำที่กินพื้นที่คลังอาวุธอยู่เลยนะครับ อาวุธประเภทนี้น่ะถูกตัดหางไปแล้ว แต่ว่ากำจัดลำบาก ดังนั้นการที่สามารถเอามาให้ประชาชนใช้ได้นั้นถือว่าเป็นการที่ดีที่สุดแล้วครับ”

ฮิวจ์ไม่กลัวหนาว แม้จะเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิเขาก็ใส่เพียงแค่เสื้อผ้าสไตล์ฮิปฮอปที่หลวมสบายตัวเท่านั้น เขานั่งยองๆ อยู่ข้างๆ สำรวจมองดูระเบิดน้ำพวกนี้ จากนั้นก็พูดหน้าตาระรื่นว่า “ชิท อีกเดี๋ยวจะได้ดูอะไรสนุกๆ แล้ว ระเบิดน้ำระเบิดปลา นี่ช่างเป็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ”

ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าทางองค์การส่วนท้องถิ่นจะใช้เครื่องมือระดับนี้ ตอนแรกที่เขายื่นเสนอไปก็เพียงแค่กะจะไปขออนุญาตเท่านั้น จากนั้นก็จะไปซื้อระเบิดที่ไว้ระเบิดเหมืองมาใช้ นึกไม่ถึงว่าทางองค์การส่วนท้องถิ่นจะติดต่อให้กองทัพเรือส่งระเบิดน้ำมาให้แบบนี้

ใช้ระเบิดน้ำระเบิดปลา ไม่ใช่แค่เจาะรูๆหนึ่งบนทะเลสาบ แล้วนำระเบิดน้ำโยนเข้าไปก็เสร็จแล้ว เพื่อให้มันแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ พวกเขาจำต้องหย่อนแหลงไปในทะเลสาบก่อน แหที่ยาวมากอันหนึ่ง พอแหดักปลาเข้าไปในทะเลสาบแล้ว ก็นำระเบิดห้อยไว้บนนั้นทีละลูก แล้วผลักลงทะเลสาบไปพร้อมกัน เมื่อรอจนระเบิดน้ำระเบิดออกพร้อมกัน คลื่นน้ำเกิดเป็นพลังทับซ้อนกันในน้ำ ทำให้พลังทำลายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!

ในเมืองไม่ขาดแคลนชาวประมง หลังจากฉินสือโอวเรียกตัวไปผ่านเครื่องวิทยุสื่อสารไร้สายแล้ว ก็มีชาวประมงสี่สิบคนตามมา จากนั้นพวกเขาก็พากันไปที่ทะเลสาบ ทำการเจาะหลุมบนผืนน้ำแข็งกัน

เพิ่งผ่านฤดูที่หนาวจัดมา ผิวน้ำของทะเลสาบเฉิบเป่าแข็งเป็นชั้นน้ำแข็ง จะต้องรอกว่าหนึ่งเดือนกว่าๆ จึงจะละลาย ฉินสือโอวเข้าไปลองเช็คดู ความหนาและความแข็งแรงของชั้นน้ำแข็งเพียงพอที่จะรับน้ำหนักของเขาได้ จึงวางรถไม้คันหนึ่งไว้บนนั้นอย่างสบายใจ ยืนอยู่บนรถไม้แล้วสไลด์ไปยังจุดกึ่งกลางของทะเลสาบ

รถไม้ใช้เพื่อมากระจายน้ำหนัก ชั้นน้ำแข็งของทะเลสาบเฉินเป่าไม่เท่ากัน แถมชั้นน้ำแข็งส่วนใหญ่ยังไม่ได้หนาขนาดนั้นอีก หากว่าคนยืนอยู่ข้างบน แล้วน้ำหนักมากเกินไปก็สามารถมีอันตรายได้

ใช้ค้อนเหล็กเคาะ ‘แก๊งๆๆ’ ไปบนชั้นน้ำแข็งไม่กี่ที ช่องบนน้ำแข็งก็ปรากฏออกมาแล้ว บริเวณรอบๆชั้นน้ำแข็งเกิดเป็นรอยร้าวขึ้นมา ฉินสือโอวนั่งยองๆอยู่บนรถไม้ การทำแบบนี้ทำให้น้ำหนักกระจายออก ไม่ถึงขั้นกดชั้นน้ำแข็งจนแตกออก

แต่ทว่า ก็ยังมีคนตกลงไปในทะเลสาบช่วงที่เจาะน้ำแข็งอยู่ ดีที่ชาวประมงแต่ละคนร่างกายกำยำทั้งยังเชี่ยวชาญเรื่องน้ำ ทำให้ไม่ได้มีอันตรายอะไร

ทุกๆห้าสิบเมตรมีรูน้ำแข็งอันหนึ่ง แหจับปลาถูกใส่เข้าไปในแต่ละรูแล้วต่อกันไว้ ในระยะทุกๆห้ารูน้ำแข็งได้วางระเบิดน้ำไว้หนึ่งอัน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขามาทำ วูล์ฟกังได้พาทหารมาทำแทน โดยใช้เชือกมัดระเบิดน้ำกับแหจับปลาเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยใส่ลงไปในทะเลสาบ

ระเบิดน้ำพวกนี้จะระเบิดได้ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสองระดับทั้งด้านความลึกและเวลา หรือก็คือว่า ก่อนอื่นพวกมันต้องจมลงไปที่ความลึกระดับหนึ่งก่อน แล้วให้แรงดันน้ำที่รุนแรงนั้นทำให้เชื้อปะทุทำงาน เชื้อปะทุจุดชนวนไฟ จากนั้นอีกห้านาทีจึงจะระเบิดออก

พอหย่อนระเบิดน้ำลงไปน้ำแล้ว วูล์ฟกังและเหล่าทหารก็รีบกลับไปยังริมชายฝั่ง แล้วก็ไล่พวกชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่ล้อมดูอยู่ให้ถอยหลัง ว่า “ถอยหลังไปให้หมด เพื่อนฝูงทั้งหลาย หากว่าพวกคุณไม่อยากกลายเป็นปลาย่างเหมือนกับเจ้าพวกที่อยู่ในทะเลสาบล่ะก็ ถอยหลังเถอะครับ ยิ่งถอยไปไกลยิ่งดี! ”

เวลาห้านาทีได้หมดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับนาฬิกานับถอยหลังในมือของวูล์ฟกังที่ส่งเสียงร้อง ‘ปิ๊บๆ’ เพื่อบอกว่าถึงเวลาแล้ว บนผิวน้ำได้ระเบิดห้วงน้ำที่สูงใหญ่ขึ้นมาติดๆกันหลายอัน ห้วงน้ำเหล่านี้นำน้ำแข็งติดมาด้วย พุ่งทะยานไปบนท้องฟ้าสูงกว่ายี่สิบกว่าเมตร ดูไปแล้วราวกับเป็นภัยพิบัติน้ำท่วมในวันสิ้นโลกอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากห้วงน้ำพุ่งทะยานขึ้นฟ้าแล้ว ฉินสือโอวจึงจะได้ยินเสียงตู้มดังอื้ออึง เพราะระเบิดน้ำแทบจะระเบิดพร้อมกัน เขาจึงได้ยินเสียงระเบิดเพียงเสียงเดียว แต่ว่าเสียงอื้ออึงนี้กลับสะท้อนไปมาในน้ำ ดังนั้นเสียงที่เขาได้ยินจึงเป็นเสียงที่ดังเรื่อยๆ ไม่ขาดสายเลย!

แต่ว่าห้วงน้ำอันใหญ่มหึมานั้นทะยานขึ้นฟ้าเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นแม้ว่าคลื่นบนผิวน้ำจะพลิกไปมาไม่หยุด แต่ก็ไม่มีห้วงน้ำปรากฏมาให้เห็นอีก

ราวกับว่าทะเลสาบเฉินเป่าถูกลมพายุพัดถาโถมเข้าใส่ คลื่นบนผิวน้ำซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ความสูงคลื่นก็สูงถึงครึ่งเมตร ในนั้นมีแผ่นน้ำแข็ง พืชน้ำและปลาติดอยู่ด้วยแล้วก็ถูกซัดขึ้นไปริมชายฝั่ง

คลื่นนี้ซัดติดต่อกันนานถึงสิบกว่าถึงยี่สิบนาทีจึงจะเริ่มสลายตัวไป ในเวลานี้แผ่นน้ำแข็งบนทะเลสาบเฉินเป่าได้ถูกทำให้แตกละเอียดไปหมดแล้ว ริมฝั่งได้ถูกกองไปด้วยแผ่นน้ำแข็งสีใส ส่วนบนทะเลสาบก็เต็มไปด้วยปลานับไม่ถ้วนที่หงายท้องอยู่บนผิวน้ำ

รองนายกสภาเมืองฮานี่พาคนมาถ่ายภาพ แล้วก็จัดแจงให้ชาวประมงขับเรือไปเก็บปลา ความจริงใช้อวนจับปลามากวาดไปเลยจะเร็วกว่า แต่ว่าในแคนาดาไม่อนุญาต เพราะว่าปลาพวกนี้ไม่ได้ถูกระเบิดให้ตาย แต่ถูกระเบิดให้มึนไปเท่านั้น พวกเขาสามารถเก็บได้แค่ปลาคาร์ฟเอเชีย ส่วนปลาท้องถิ่นอื่นๆ เช่นปลานอร์ทเทิร์นไพค์นั้น ก็ให้พวกมันลอยอยู่บนทะเลสาบจนได้สติตื่นขึ้นมาเอง

มองดูปลาน้ำจืดนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่บนทะเลสาบแล้ว ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแคนาดาต้องจงใจร่างกฏหมายว่าห้ามใช้ระเบิดยามจับปลา เพราะผลเสียที่มีต่อสิ่งมีชีวิตนั้นน่ากลัวมากจริงๆ

มีชาวเมืองที่ถามอย่างกังวลว่า “พระเจ้า อานุภาพของระเบิดน้ำพวกนี้น่ากลัวมากจริงๆ ในทะเลสาบเฉินเป่ายังมีปลาเป็นอยู่ไหมเนี่ย?”

ก่อนที่ระเบิดน้ำจะระเบิดออกฉินสือโอวก็ได้ปล่อยพลังเทพแห่งท้องทะเลลงไปในทะเลสาบแล้ว ในทะเลสาบไม่ได้มีปลา แต่คือมีปลาจำนวนมากต่างหาก

มิน่าล่ะปลาคาร์ฟเอเชียถึงได้รับมือยากแบบนี้ หลังจากเกิดแรงระเบิดแล้ว ปลาคาร์ฟเอเชียที่ตกใจไม่ได้ก้มหน้าก้มตากระโดดไปในน้ำลึกเหมือนกับปลาสเมลท์ แต่กลับมุดเข้าไปในโคลนใต้ทะเลสาบแทน แล้วพอหลบไปใต้ทะเลสาบแล้ว ก็จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบกับการระเบิดสักเท่าไรแล้ว!

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน