ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1847 ของขวัญที่ต่างกัน

บทที่ 1847 ของขวัญที่ต่างกัน

ฉินสือโอวและวินนี่ต่างก็รับรู้เรื่องความฝันของพาวลิส พวกเขาเองก็สนับสนุนเด็กๆ ไปไล่ตามความฝัน แต่เงื่อนไขคือความฝันนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง

สิ่งที่พาวลิสขาดมีมากเกินไป ก่อนอายุ 12 ปี เขาไม่เพียงไม่มีความรู้เรื่องรถแข่ง ยิ่งไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องวัฒนธรรมเลย

การแข่งรถสูตรไม่ใช่เรื่องของการเติมน้ำมันและเหยียบธรรมดา มันมีวัฒนธรรมเป็นพื้นหลัง บางทีพาวลิสเองก็รู้ถึงจุดนี้ ดังนั้นตอนที่เรียนในโรงเรียน เขาถึงได้พยายามถึงขนาดนั้น จนมีผลการเรียนที่โดดเด่น

แต่ไม่ว่ายังไง พาวลิสมาถึงฟาร์มปลาช้าเกินไป เขาสามารถเป็นนักแข่งที่ยอดเยี่ยมได้ แต่ไม่สามารถเป็นนักกีฬารถแข่งในการแข่งสูตรได้!

ระหว่างรอผลการสอบปฏิบัติของพาวลิสและชาร์คน้อย ฉินสือโอวหมวดคิ้วแล้วเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ ไวส์มาหารือสามพี่น้องมังกรฟ้า VS หลวงจีนกวาดลานวัด เขาส่ายหัวปฏิเสธ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เขาจะบอกเรื่องความฝันการเป็นนักแข่งรถกับพาวลิสยังไงหลังจากได้ใบขับขี่

เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ สอบปฏิบัติผ่านไปได้อย่างราบรื่น ชาร์คน้อยและพาวลิสวิ่งมาด้วยความดีใจ ยื่นผลการสอบที่มีตราประทับสีแดงสดให้เขาดู หนึ่งวันหลังจากนั้นทางสำนักงานขนส่งจะทำใบขับขี่ตัวจริงส่งไปรษณีย์ไปให้พวกเขา

ฉินสือโอวยิ้มพร้อมชนมัดกับทั้งสองคน บอกว่า “ยินดีกับพวกนายด้วย ตอนนี้พวกนายสองคนสามารถขับรถไปบนถนนได้แล้ว พรุ่งนี้พวกเราไปเอาใบขับขี่ด้วยกัน แล้วฉันจะซื้อรถให้พวกนายคันหนึ่งด้วย”

พาวลิสพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ชาร์คน้อยร้องตะโกนว่า “ไชโยๆๆ ในที่สุดฉันก็จะมีรถของตัวเองแล้ว!”

วันที่สอง ชาร์คน้อยตื่นขึ้นมาแต่เช้า จากนั้นเห็นพ่อกำลังมองเขาแล้วยิ้ม

“ผมได้ใบขับขี่แล้วนะครับ พ่อ” ชาร์คน้อยอวดกับชาร์ค เมื่อวานชาร์คยังยุ่งอยู่ที่ฟาร์มปลา ไม่ได้ไปสอบใบขับขี่กับเขาด้วย

ชาร์คนั่งลงข้างเขาลูบหัวเขาแล้วพูดว่า “ทำได้ดีมาก ลูกชาย แกไม่ได้ทำให้ตระกูลสตินสันของพวกเราอับอาย เจ้าลูกชาย เหมือนกับที่ฉันคาดหวังเอาไว้ แกเป็นความภูมิใจของตระกูล!”

ชาร์คน้อยพยักหน้าอย่างแรง พูดว่า “แน่นอน ผมเป็นความภูมิใจของพ่อ!”

ชาร์คอมยิ้มแล้วบอกว่า “วันนี้ฉันมาเพื่อเอาของขวัญมาให้ ตอนนี้แกมีใบขับขี่แล้ว เมื่อคืนนี้ฉันกับแม่แกหารือกัน จากนั้นพวกเราคิดว่าถึงเวลาที่จะให้แกมีรถคันแรกของตัวเองแล้ว”

ชาร์คน้อยตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว ถามติดอ่างอย่างคาดหวังว่า “เป็นรถอะไร? แลนด์โรเวอร์? ฮัมเมอร์? ลินคอล์น? อย่าบอกผมนะว่าเป็นรถคาดิลแลค ฉินมีสองคันแล้ว แม้ผมจะคิดว่ารถคันนี้ค่อนข้างเข้ากับผม แต่ผมไม่อยากอยู่ในกรอบเก่าๆ หรอกนะ”

ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ แอบอมยิ้ม ชาร์คน้อยช่างน่ารักจริงๆ เลย โง่ได้น่ารัก หรือว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เห็นสีหน้าของพ่อเขายิ่งนานยิ่งไม่สู้ดี?

ชาร์คเข้าใจนิสัยโง่ของลูกตัวเอง เขาไม่ได้โมโห แต่ยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ ไม่ใช่แลนด์โรเวอร์ ฮัมเมอร์ และไม่ใช่ลินคอล์นหรือรถคาดิลแลค…”

“หรือว่าพ่อจะให้รถแอสตันมาร์ตินกับผมคันหนึ่งเหรอ?” ชาร์คน้อยสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหัว “แต่ว่าผมก็ไม่อยากได้รถแอสตันมาร์ติน พ่อก็รู้นี่ ผมต้องขับรถพาเพื่อนไปเรียน มาร์ตินมีสองที่นั่ง รองรับคนได้ไม่เยอะ”

ครั้งนี้ชาร์คปล่อยให้ลูกชายฝันกลางวันต่อไม่ไหวแล้ว เขาก้าวเท้าใหญ่เข้าไป ด่าว่า “บ้าไปแล้วเหรอ แกนี่? รถแอสตันมาร์ติน? ฉันซื้อโบอิ้ง 777 ให้แกคันหนึ่งเอาไหม? ไม่มี อะไรก็ไม่มี มีแต่ฟอร์ดเอฟ150!”

ชาร์คน้อยรีบหลบฝ่าเท้าใหญ่ของพ่อทันควัน เขาเยาะเย้ยว่า “เอฟ150 ก็ไม่เลวแล้ว แต่ว่าในเมื่อต้องเสียเงินซื้อรถคันนี้ ทำไมไม่ซื้อรถคาดิลแลค xts สักคันเลยล่ะ?”

รถคาดิลแลคเอ็กซ์ทีเอสเป็นรถครอบครัวเอสยูวี พวกชาร์คและบูลเคยให้คันหนึ่งกับวินนี่ ราคาแค่ 44000 หยวน ถูกกว่าฟอร์ดเอฟ150 จริง

พอได้ยินที่ลูกชายพูด ชาร์คฉีกยิ้มเห็นฟัน “ไม่ ฉันไม่ได้เสียเงินซื้อรถ”

ประโยคนี้เหมือนกับลูกศรปักเข้ากลางใจของชาร์คน้อย สีหน้าของเขาซีดเผือด แต่ก็ยังเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พ่อ พ่อไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม? หรือว่าพ่อขับรถรุ่นปู่ที่บ้านคันนั้นมาเหรอ?”

ชาร์คจ้องลูกชายอย่างไม่พอใจว่า “รถรุ่นปู่อะไรกัน? ฉันเพิ่งจะซื้อมาได้ไม่ถึงแปดปี นี่เรียกรถรุ่นปู่แล้วเหรอ?”

ชาร์คน้อยหน้ามืด ฉินสือโอวรีบไปประคองเขาให้เขาดื่มชาร้อนแก้วหนึ่ง ยิ้มว่า “ดื่มชาอบอุ่นร่างกายตอนเช้าก่อน มีประโยชน์ต่อร่างกาย”

ชาร์คน้อยสีหน้าสิ้นหวัง ตะโกนว่า “ตอนนี้ที่ผมหนาวคือใจต่างหาก ไม่ใช่ท้อง ดื่มชาแล้วใจผมอุ่นขึ้นได้ไหม? ทำไมกัน? ทำไมกัน? พ่อ ผมใช่ลูกแท้ๆ พ่อหรือเปล่า?”

ฉินสือโอวคิดแล้วก็เศร้า ชาร์คซื้อรถกระบะคันนั้นมาไม่นานมาก เวลาแปดปีสำหรับรถกระบะไม่ถือว่านานมาก แต่ปัญหาคือรถฟอร์ดของชาร์คถูกกระทำรุนแรงมาก เดินทางรับลมทะเลและเกลียวคลื่นตลอดทั้งปี ข้างในและข้างนอกล้วนเป็นสนิมหมด…

แต่ว่าเขาต้องปลอบใจชาร์คน้อย จึงบอกว่า “ไม่เป็นไร เพื่อน รถกระบะนานไปยิ่งมีรสชาติ นายดูคุณลุงฮิคสัน รถฟอร์ดคันนั้นของเขาอายุเยอะกว่าของพ่อนายอีกนะ เขายังขับได้ดีอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

ชาร์คน้อยหน้าเศร้าบอกว่า “ถ้าหากคุณลุงฮิคสันเอารถกระบะเก่าคันนั้นของเขาให้ผมขับ ผมยินดี ของเขานั่นเป็นวัตถุโบราณ ของพ่อผมมันเป็นรถพุ…”

“ให้ตายสิ แกพูดอะไรกัน? มาให้ฉันตีแกให้ตายซะ! มีรถขับก็ไม่เลวแล้ว แกยังจะเลือกมากอีก?” ชาร์คโกรธในทันที ยกขาก็จะถีบอีก

ฉินสือโอวลากทั้งสองออกจากกัน สุดท้ายเขารับปากชาร์คน้อย ตัวเองจะออกเงินช่วยเขาเอารถกระบะไปซ่อมบำรุงที่ร้านซ่อมบำรุง และยังจะพ่นสีรถให้อีก แบบนี้ชาร์คน้อยจึงยอมรับของที่พ่อให้

ในเมื่อรถที่ชาร์คให้ลูกชายเป็นแค่รถกระบะเก่าคันหนึ่ง ฉินสือโอวก็ให้รถดีๆ กับพาวลิสไม่ได้ เดิมทีเขาอยากพาไปเลือกรถเอสยูวีราคาประมาณหนึ่งแสนหยวนคันหนึ่ง ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เอารถคาดิลแลคเอ็กซ์ทีเอสของวินนี่ให้เขาก็แล้วกัน พ่นสีใหม่ เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำที่พาวลิสชอบ

พาวลิสชอบของขวัญชิ้นนี้มาก เขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนสีแล้ว สีแดงดั้งเดิมของรถคาดิลแลคสวยมาก วัยรุ่นขับรถสีแดงก็ดี ดูแล้วมีชีวิตซีวา

วินนี่เองก็เตรียมของขวัญไว้ให้ทั้งสองคน เขาให้บัตรซ่อมบำรุงใบหนึ่งกับชาร์คน้อย นี่เป็นบัตรสมาชิกวีไอพีของร้านซ่อมรถที่ใหญ่ที่สุดในนครเซนต์จอห์น พอมีบัตรใบนั้น รถกระบะเก่าของชาร์คน้อยก็เปลี่ยนหน้าตาใหม่ได้แล้ว

สำหรับพาวลิส ของขวัญที่เขาเตรียมไว้ไม่ธรรมดา บัตรสมาชิกวีไอพีใบหนึ่งเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่บัตรซ่อมบำรุง แต่เป็นบัตรสมาชิกสโมสรกิลเลส วิลล์เนิฟในมอนทรีออล!

ชื่อกิลเลส วิลล์เนิฟนี้ มีชื่อเสียงมากในการแข่งขันเอฟวันในแคนาดา เพราะว่านอกจากสโมสรที่หนึ่งแล้ว ยังเป็นชื่อรันเวย์หนึ่งด้วย และรันเวย์นี้เป็นรันเวย์การแข่งเอฟวันแห่งเดียวในแคนาดา ตั้งอยู่ที่มอลทรีออล เป็นสถานีย่อยแคนาดาในการแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก!

…………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน