ตอนที่กินอาหารกลางวัน คาเรนขอบคุณฮานี่ย์ไม่หยุด “คุณดีกับผมจริงๆ เพื่อนรัก โชคดีที่คุณรั้งผมไว้ก่อนเมื่อกี้ เพราะการปฏิเสธคำเชิญของฉินเป็นเรื่องงี่เง่าสิ้นดี บ้าจริง ตอนนั้นทำไมในหัวผมถึงคิดอะไรแบบนี้ได้? ผมจะปฏิเสธอาหารรสเลิศมื้อใหญ่แบบนี้ได้อย่างไรกัน?”
“จริงๆ แล้ว ไม่ใช่แค่คุณ ใครกันที่จะปฏิเสธได้? แม้แต่พระเจ้าถ้าได้มานั่งโต๊ะกินข้าวกับฉิน ผมคิดว่าก็คงไม่อยากจากไปเช่นกัน” ทนายความเลโอนาร์ดด้านหนึ่งก็ใช้ผ้าเช็ดมุมปาก อีกด้านหนึ่งก็ชื่นชมกับรสชาติอาหาร
“โดยเฉพาะไวน์รสเลิศนี่ นี่คือไอซ์ไวน์ยี่ห้ออะไรเหรอครับ? พระเจ้า มันทำให้ผมรู้สึกดื่มด่ำมากๆ รสชาตินี้มันสุดยอดไปเลย บางทีผมพูดแบบนี้อาจจะเกินจริงไปหน่อย แต่ผมต้องพูดมันออกมาจริงๆ นี่เป็นไอซ์ไวน์ที่เยี่ยมที่สุดเท่าที่ผมเคยดื่มมา เยี่ยมมาก!” ทาบีสท์เห็นเพื่อนๆ ต่างพูดหมดแล้ว เขาก็คงต้องกล่าวอะไรสักหน่อยเช่นกัน ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นชื่นชมในด้านอื่นแทน
อันที่จริงนี่ไม่ใช่คำเยินยอ เพราะผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของฟาร์มปลาต้าฉินมีความโดดเด่น กุ้งเนื้อนุ่ม ปลายอดม่วงไร้ก้างนุ่มลิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารล้ำค่าอย่างปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
คาเรนและคนอื่นๆ ต่างเอ่ยชื่นชมฝีมือทำอาหารของฉินสือโอวไม่หยุดปาก ถ้ากินอาหารทะเลคงจะบอกได้ว่าวัตถุดิบอาหารทะเลคุณภาพเยี่ยม แต่พอพวกเขาได้ทานแตงกวาผัดเนื้อ ผักกาดขาวผัดแมงกะพรุน ผัดขึ้นฉ่าย ผัดถั่วแขก อาหารคาวเหล่านี้แล้ว กลับรู้สึกว่ารสชาติดีกว่า พวกเขาจึงนึกว่านี่เป็นผักทั่วๆ ไป แต่เป็นเพราะฉินสือโอวมีฝีมือในการทำอาหารที่เลิศต่างหาก
ท้ายสุดคือซุปฟักทองที่ทำให้หลายคนติดใจมาก ฟักทองในฟาร์มปลามีกลิ่นหอมหวานของผลไม้ ดังนั้นเมื่อซดซุปเข้มข้นนี้จึงเป็นรสชาติที่ล้ำเลิศมาก
อีวิลสันก็พลอยได้รับคำชื่นชมไปด้วย อาหารหลักก็คือแก่นตะวันย่าง ไม่ว่าจะจิ้มกับซอสมะเขือเทศหรือซอสเนื้อ กลุ่มคาเรนต่างชมไม่หยุดปาก
ฮานี่ย์ชอบกินแก่นตะวันย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อละเลงด้วยน้ำมันถั่วลิสง เขาบอกว่ามันทั้งหอมทั้งหวาน ซึ่งทำให้เขาหยุดกินไม่ได้เลย ยอมท้องแตกดีกว่าทิ้งอาหารไป
ฉินสือโอวหัวเราะ “ปีที่แล้วผมปลูกเจ้านี่ไว้เยอะ อย่างไรก็ตามวันพืชผักได้มาถึงแล้ว คุณกลับไปตะโกนบอกได้เลยว่าถ้าใครชอบแก่นตะวัน ก็มาขุดเอาไปจากที่นี่ได้เลยครับ”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึง ‘วันพืชผัก’ ฮานี่ย์ก็พูดขึ้นมาด้วยความสนใจว่า “ใช่แล้ว วันพืชผักใกล้มาถึงแล้ว แต่ปีนี้ไม่เหมือนกับที่แล้วมา ปีนี้วันพืชผักต้องสนุกแน่ๆ ถึงตอนนั้นมาร่วมงานด้วยกันนะครับ “
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องด้วยประชากรของเมืองเล็กๆ กลับคืนมาจึงมีการใช้พื้นที่รกร้างมากมายบนเกาะเพิ่มขึ้น จริงๆ แล้วที่เหล่านี้ก็ไม่ใช่ที่รกร้าง เมื่อก่อนก็เป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ผู้คนเคยเพาะปลูก แต่เมื่อผู้คนออกจากเกาะ ที่ดินเหล่านี้ก็ว่างเปล่า
ตามการกลับมาของประชากร ที่ดินเหล่านี้จึงถูกนำมาใช้ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้มันเพื่อปลูกผักหรือล้อมคอกขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ขนาดเล็ก ทั้งปลูกกินเองและขายให้กับร้านอาหารในเมืองที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อผักที่ปลูกมีมากขึ้น วันพืชผักจึงมีสีสันมากขึ้น เดิมทีไม่มีวันที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเทศกาลนี้ แต่ดูเหมือนว่าชาวเมืองต้องการให้เป็นเทศกาลใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะ
หลังจากมื้อกลางวันที่อุดมสมบูรณ์นี้ ความสัมพันธ์ของคาเรนและคนอื่นๆ กับฉินสือโอวก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ท้ายสุดฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าพวกคุณชอบอาหารที่ผมทำจริงๆ ถ้าเช่นนั้นวันหลังตอนถ่ายทำโฆษณา ยินดีต้อนรับพวกคุณมากินที่นี่ได้ทุกวันเลยครับ”
ทาบีสท์เอ่ยด้วยความเสียดายว่า “แต่ว่าผมไม่ได้ร่วมการถ่ายทำ ไม่เหมือนคาเรนนะเพื่อน คุณต้องติดตามการถ่ายโฆษณาใช่ไหม? ถ้าเช่นนั้นก็ลาภปากแล้วจริงๆ”
สีหน้าของคาเรนเผยให้เห็นความตื่นเต้น เขาพูดว่า “ใช่ ใช่ ถึงตอนนั้นผมจะมาที่เกาะแฟร์เวลแน่นอน ฉิน คุณพูดจริงหรือเปล่า ตอนนั้นผมสามารถมากินข้าวที่นี่ทุกวันได้ไหม”
ฉินสือโอววางมือไว้บนไหล่เขา “แน่นอนไม่มีปัญหาเลยครับ หวังว่าคุณคงไม่เบื่อไปซะก่อน แต่ว่าคุณจะมากินเปล่าก็ไม่ได้นะครับ ตอนที่ถ่ายโฆษณาช่วยเอาป้ายโฆษณาของพวกเราทำให้เด่นสะดุดตาหน่อย โอเคไหมครับ?”
คาเรนหัวเราะเสียงดัง “โอเค สบายมากครับ”
ทาบีสท์ก็พูดล้อเล่นว่า “ถ้าแบบนี้จะถือว่าใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนไหมครับ?”
คาเรนตอบว่า “พอถึงตอนนั้นผมจะยื่นขอให้คุณมาช่วยคุมกำกับโฆษณา คุณคิดว่านี่เป็นการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนไหม?”
ทาบีสท์ตอบด้วยน้ำเสียงเกินจริงว่า “ไม่เลย แน่นอนว่าไม่เลยสักนิด แต่นี่เพื่อให้การถ่ายโฆษณาดีมากขึ้นกว่าเดิม เพื่องานที่ดีกว่าเดิม!”
ฉินสือโอวและฮานี่ย์ต่างหัวเราะ ฉงต้าไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากที่เลียซอสเนื้อที่ติดอยู่บนริมฝีปากจนเรียบ มันก็อ้าปากส่งเสียงร้องขึ้นมาอีก
ไม่กี่วันต่อมา ก็มีคนมาขุดแก่นตะวันที่ฟาร์มปลาตลอด เริ่มแรกยังมีคนมาไม่มาก แต่ผลปรากฏว่าพอพวกเขากลับไปกินแก่นตะวันกลับพบว่ารสชาติแก่นตะวันที่ฟาร์มปลาไม่เหมือนทั่วไป ดังนั้นจึงกลับมาขุดอีก หลังจากบอกกันปากต่อปาก คนอื่นๆ ในเมืองก็ถูกล่อลวงให้มาขุดแก่นตะวัน แม้ว่าวินนี่และคนอื่นๆ จะไม่กลับมา แต่ฟาร์มปลาก็มีคนเข้าออกคึกคัก
แน่นอนว่าผู้คนในเมืองไม่ได้มาขุดแก่นตะวันฟรีๆ ทุกครั้งที่พวกเขามาจะนำอาหารที่บ้านตัวเองมาด้วย บ้างก็เป็นขนมอบสดใหม่ บ้างก็เป็นสลัดผลไม้ที่สวยงาม บ้างก็เป็นไส้กรอกที่แอบทำไว้ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้แม้ว่าฉินสือโอวจะไม่ได้ทำอาหาร แต่ในที่สุดเขาก็ไม่จำเป็นต้องกินแก่นตะวันย่างที่ทำโดยอีวิลสันทุกมื้อแล้ว
อีวอลสันก็อยากเปลี่ยนรสชาติ แต่พอเป็นแบบนี้คนที่ไม่พอใจก็คือฉงต้า เพราะมันชอบแก่นตะวันย่างที่มีรสหอมหวานมากๆ
ปลายเดือนเมษายน อากาศเริ่มกลับไปอบอุ่น สายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมา วันพืชผักถูกกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือวันหยุดสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน
ในช่วงเวลานั้นฉินสือโอวพอไม่มีงานอะไรก็ไปเซนต์จอห์นไปอยู่กับภรรยาและลูกๆ ของเขา เมื่อมีเขาอยู่ด้วยและได้พลังงานโพไซดอนที่เขาป้อนให้ตลอด ร่างกายของวินนี่หลังคลอดจึงดีมาก เดิมทีทั้งพ่อฉิน แม่ฉินและมิแรนดาอยากให้วินนี่พักที่โรงพยาบาลใกล้เคียงก่อนสักสี่เดือน แต่พอเห็นเช่นนี้จึงตัดสินใจกลับไปที่ฟาร์มปลาก่อนกำหนด
พอเป็นแบบนี้ตึกเล็กๆ ก็ไม่ได้ถูกทิ้งว่าง พาวลิสและเด็กคนอื่นๆ เรียนอยู่ที่เมืองเซนต์จอห์น พวกเขาอาศัยกันคนละห้อง เมื่อก่อนที่นี่คนอยู่อาศัยเยอะมาก ห้องจึงดูคับแคบไป แต่พอวินนี่และคนอื่นๆ จากไป ห้องจึงกว้างขึ้นมา
พอดีที่ว่าพ่อแม่ของไวส์วางแผนจะมาหาลูกเขา ที่ตึกเล็กมีห้องว่าง พวกเขาจึงตัดสินใจมาอาศัยอยู่ด้วยกันที่นี่
ก่อนถึงวันพืชผักหนึ่งวัน ฉินสือโอวพาพวกชาวประมงมาเอาของใช้ในชีวิตประจำวันของวินนี่และลูกกลับไปที่ฟาร์มปลา มีเฮลิคอปเตอร์ก็สบายหน่อย เฮลิคอปเตอร์สามลำขับออกไปพร้อมกัน เพียงรอบเดียวก็เก็บของได้ทั้งหมด อีกทั้งยังประหยัดเวลามากด้วย
แน่นอนว่าซีกวาน้อยต้องนอนอยู่กับพ่อแม่ พอเห็นแบบนี้เถียนกวาก็ไม่พอใจ เพราะเธอเห็นว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องคนเดียว จึงดึงมือวินนี่ถามด้วยความน่าสงสารว่า “หม่าม๊า หนูเป็นลูกที่แม่คลอดเองหรือเปล่า?”
วินนี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “แน่นอนสิคะ…”
“ถ้าอย่างนั้นหนูอยากนอนด้วย…”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ประมาณสองปีที่แล้วได้มั้ง ตอนปีใหม่มีครั้งหนึ่งตกปลาอยู่ทะเลกับปะป๊าหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงประหลาดมาจากทะเล…”
“โอเค โอเค หนูไม่นอนด้วยก็ได้” เถียนกวางอนใส่
วินนี่พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หม่าม๊ากับปะป๊าพายเรือไปดู ที่แท้เป็นวาฬใหญ่ตัวหนึ่งนั่นเอง…”
“ถ้าอย่างนั้นหนูจะนอนกับหม่าม๊าและปะป๊า นอนด้วย!” เถียนกวาเรียกร้องขึ้นมาอีก
วินนี่พูดอย่างใจเย็นว่า “แต่ในปากของวาฬกลับมีเด็กทารกคนหนึ่ง พวกเราเลยรับเลี้ยงเด็กคนนั้นขึ้นมา และตั้งชื่อให้เธอว่า เถียนกวา!”
เถียนกวามองตาปริบๆ ด้วยความงุนงง “…”
…………………………