ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1854 วันพืชผักที่ต่างออกไป

บทที่ 1854 วันพืชผักที่ต่างออกไป

จริงๆ แล้วการที่ไม่นอนห้องเดียวกับเถียนกวาเป็นความคิดของฉินสือโอว ไม่ง่ายเลยกว่าที่ภรรยาจะกลับมาได้ ดังนั้นจะต้องระรื่นด้วยกันทุกคืนถึงจะทดแทนชีวิตที่ว่างเว้นจากโลกีย์ของตัวเองในสองไตรมาสที่ผ่านมาได้

วินนี่จะไม่รู้ความคิดของผู้ชายอย่างเขาได้อย่างไร? ดังนั้นเธอจึงยอมเป็นแม่นิสัยไม่ดี ไล่ให้ลูกตัวเองไปนอนที่ห้องของพ่อกับแม่ฉิน

หลังจากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน สุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนก็มาถึง เมืองแฟร์เวลครึกครื้นขึ้นมาและเทศกาลพืชผักที่มีเวลาสองวันก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

พอดีกับที่วินนี่กลับมา ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรี เธอไม่สามารถพลาดเทศกาลนี้ได้ เพราะนี่คือเทศกาลใหญ่ของเกาะแฟร์เวล เป็นเทศกาลที่ทางเมืองจัดขึ้นมาเอง แต่ก็แน่นอนว่าเทศกาลนี้ก็จัดขึ้นเพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

สื่อมวลชนสำคัญหลายแห่งของเมืองเซนต์จอห์นและนิวฟันด์แลนด์ต่างแห่มาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อทำข่าววันพืชผัก เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เมืองเซนต์จอห์นที่ใหญ่เท่าฝ่ามือ เศรษฐกิจและประชากรในนิวฟันด์แลนด์ก็ไม่โอเค พอเกาะแฟร์เวลเปิดตัวเทศกาลเช่นนี้ จึงส่งผลให้พื้นที่มีความครึกครื้นมากทีเดียว

ฉินสือโอวเก็บผักและผลไม้ส่วนหนึ่งขึ้นรถกระบะฟอร์ด อีวิลสันรีบเอาเตาย่างของเขาขึ้นไปด้วยอย่างกระตือรือร้น พาวลิส เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ปิดเทอมแล้วจึงกลับมาฟาร์มปลา เชอร์ลี่ย์ถามอีวิลสันว่าทำอะไร อีวิลสันตอบว่า “ไปขายแก่นตะวันย่าง ฉินบอกว่าผมสามารถหาเงินได้เยอะมาก”

“ได้เท่าไร?” เชอร์ลี่ย์ถามเยาะเย้ย

อีวิลสันพยายามคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็เกาหัวแกรกๆ ที่ด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่รู้สิ แต่ฉินบอกว่าเยอะมาก อีวิลสันสามารถหาเงินได้เยอะมาก”

เชอร์ลี่ย์ครุ่นคิดสักพักและแนะนำว่า “อย่างนี้ดีไหม อีวิลสัน พวกเรามาร่วมมือกัน นายย่างแก่นตะวัน ฉันเก็บเงิน สุดท้ายนายแบ่งให้ฉันสองส่วน โอเคไหม? เพราะอย่างไรก็ตามนายก็ต้องมีคนช่วยเก็บตังทอนตัง ถูกไหม?”

อีวิลสันมองไปที่ฉินสือโอวด้วยความลังเล ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดังกับเชอร์ลี่ย์ “สาวน้อยที่รัก เธอแน่ใจนะว่าความรู้ด้านคณิตของเธอจะช่วยอีวิลสันได้? ฉันเป็นห่วงจริงๆ ว่าเธอจะทอนตังผิด”

กอร์ดอนที่ถือลูกรักบี้หัวเราะและพูดว่า “ผมพนันได้เลยว่า เรื่องนี้คงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น คะแนนวิชาคณิตของเชอร์ลี่ย์ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน…”

เชอร์ลี่ย์หันกลับไปทันทีกะจะดึงหูของเขา แต่กอร์ดอนเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว เขายังไงก็เล่นรักบี้ จึงมีความว่องไว เหมือนเป้าจือไม่มีผิด ถอยห่างหนีไปเหลือไว้เพียงหัวเราเย้ยหยันที่ดังก้องไปทั่วหน้าวิลล่า

รถคันหนึ่งขับเข้ามาในฟาร์มปลา ฉินสือโอวพอเห็นว่าเป็นรถฮานี่ย์จึงเดินเข้าไปหา ผลปรากฏว่าพอประตูรถเปิดออก คนที่ลงมาคือแฮมเล็ต นายกเทศมนตรีใส่ชุดสบายๆ บนศีรษะยังมีหมวกฟาง เป็นการแต่งกายสไตล์ลำลองเพื่อเดินเล่น

“เฮ้ ฉิน ตกใจใช่ไหมล่ะ?” แฮมเล็ตพอเห็นเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข

ฉินสือโอวเข้าไปกอดเขาหนึ่งที ยิ้มแล้วพูดว่า “เซอร์ไพรส์มากจริงๆ ครับ แม้ว่าผมจะเดาถูกว่าคุณจะมา คุณคงไม่พลาดออกงานที่ออกสื่อแบบนี้ ถูกไหมครับ?”

แฮมเล็ตยักไหล่ “แน่ล่ะ แน่นอน แต่ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่พูดออกมา เพราะแบบนี้ฉันคงดูไร้ยางอายอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ”

หลังจากเจอหน้าก็คุยเรื่อยเปื่อยสักพัก แฮมเล็ตเห็นรถกระบะที่ขนเต็มหลังรถไปหมด จึงถามขึ้นว่า “พวกนายก็จะไปตั้งแผงลอยขายผักเหรอ?”

ฉินสือโอวตบไปที่ผักและผลไม้ที่อยู่เต็มรถ ตอบว่า “แน่นอนครับ วันพืชผักของวินนี่ ผมต้องไปสนับสนุนอยู่แล้ว”

แฮมเล็ตหยิบแอปเปิลแดงอเมริกาเหนือขึ้นมาลูกหนึ่ง ใช้มือถูๆ แล้วกัดกินเข้าไปหนึ่งคำ “อย่างนั้นก็ดีเลย ไอ้หนุ่ม เดี๋ยวเราเจอกัน เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูในเมืองก่อน ไม่ได้กลับมาตั้งนานแล้ว ไปดูความเปลี่ยนแปลงของเมืองเราสักหน่อย”

ฉินสือโอวโบกมือลาเขา ด้านนี้เขาก็มีเรื่องยุ่งๆ หลายเรื่องต้องทำ อย่างเช่นเติมลมให้บอลลูน

ทุกครั้งที่ในเมืองมีกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลอีสเตอร์ คริสต์มาส หรือแข่งเรือฟักทองจะต้องใช้บอลลูนตลอด และก็คงเป็นแค่ช่วงเวลานี้ที่บอลลูนจะได้เอามาใช้ประโยชน์ ถ้าเป็นช่วงอื่นก็คงมีแค่ตอนที่ฉินสือโอวอยากพาวินนี่บินลอยไปอยู่บนที่สูง ถึงจะได้ใช้บอลลูน ไม่เช่นนั้นมันก็จะอยู่ในโกดังเงียบๆ ไป

บอลลูนค่อยๆ ลอยตัวขึ้น เบิร์ดตั้งใจกลับมาคุมบอลลูนจากนิวยอร์ก รอจนมันลอยขึ้นไปบนฟ้า ก็คุมให้มันลอยไปทางเมืองเล็ก แผ่นป้ายโปรโมตที่สั่งทำถูกแขวนไว้อยู่ด้านล่าง มองดูแล้วเป็นทางการมาก

วันพืชผักของเมืองมุ่งเป้าไปที่นักท่องเที่ยวและชาวเมือง เมื่อก่อนทำโฆษณาง่ายๆ ในเมืองเซนต์จอห์น ดังนั้นเมื่อเทียบกับเทศกาลชอปปิ้งของชาวจีนที่จัดขึ้นในเซนต์จอห์นในช่วงปีใหม่จึงไม่ค่อยมีคนมาที่เกาะ เป็นแค่ถนนที่มีงานจัดวันพืชผักขึ้นมา ดังนั้นมองดูแล้วคนยังถือว่าหนาแน่น

วันพืชผักเดิมทีคือการเฉลิมฉลองของการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของผู้คนในเขตชานเมืองทางตอนเหนือและในชนบท เมื่อใดก็ตามที่ผักสุกแล้ว พวกเขาจะเรียกเพื่อนพ้องมากินและดื่ม และเอากลับบ้านติดไม้ติดมือถ้ามีของชอบตอนจากไป

ดังนั้นในวันงานนี้ราคาของผักที่ขายจึงค่อนข้างต่ำไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอย่างแก่นตะวันย่างของอีวิลสันหรือวัตถุดิบที่คัดมาสดๆ เลย แก่นตะวันย่างหนึ่งอันมีราคาเพียงสองดอลลาร์แคนาดาซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพงมาก คนทั่วไปกินสองอันก็อิ่มแล้ว

ฉินสือโอวช่วยอีวิลสันหาที่ตั้งแถวทางแยก อีวิลสันกังวลมาตลอดทางเพราะเขาเห็นว่านอกจากเขาแล้วยังมีคนขายแก่นตะวันย่างเหมือนกัน มีแม้กระทั่งแก่นตะวันทอดที่เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม

หลังจากที่พลังโพไซดอนเปลี่ยนรสชาติของแก่นตะวันแล้ว มันก็ได้รับความนิยมขึ้นมา จะนึ่งต้มจี่ทอดหรือปิ้งย่าง สามารถทานได้ทุกรสชาติ

กิจกรรมประเภทนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ดังนั้นเทศกาลจึงมีของกินเล่นมากขึ้นโดยส่วนใหญ่เน้นเป็นรูปแบบขนมขบเคี้ยวของแคนาดาตะวันออก

ฉินสือโอวนำผักและผลไม้มาจำนวนมากซึ่งทั้งหมดถูกปรับคุณภาพโดยพลังงานโพไวดอนหมดแล้ว ผู้คนในเมืองรู้ว่าผักและผลไม้ที่ฟาร์มปลาผลิตขึ้นนั้นมีรสชาติอร่อย หลังจากที่เขาวางแผงขาย ผักเต็มรถก็ถูกชาวบ้านซื้อไปอย่างรวดเร็ว ส่วนผลไม้จะขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในเมืองซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นการช่วยโปรโมตไปในตัว

พ่อแม่ฉินตอนที่อยู่บ้านเกิดก็อาศัยปลูกพืชผักเป็นอาชีพทำมาหากิน ทำงานแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ถนัดที่สุด พวกเขาใช้พืชผักที่อยู่ในดินเลี้ยงดูฉินสือโอวจนเติบใหญ่และส่งเสียจนเรียนจบมหาวิทยาลัย

แต่ทว่าหลังจากที่ฉินสือโอวได้หัวใจโพไวดอนและประสบความสำเร็จ แปลงผักของที่บ้านก็ถูกขายออกไป พ่อฉินและแม่ฉินไม่ได้ขายผักมานานมากแล้ว เมื่อมีโอกาสแบบนี้ในวันพืชผักกลับให้ความรู้สึกได้ถึงความลำบากในสมัยก่อนและยินดีในความสุขตอนนี้

เดิมทีฉินสือโอวอยากช่วยพ่อแม่ขายพืชผักผลไม้ แต่เถียนกวาอยู่ไม่สุข เธอเห็นว่าข้างๆ มีคนขายขนมปังฮาลาห์ เมื่อได้กลิ่นหอมก็ทนไม่ไหว จึงจับมือฉินสือโอวแล้วก้าวขาสั้นเล็กของเธอออกไปเพื่อไปซื้อกิน

ขนมปังฮาลาห์เป็นขนมปังรูปวงแหวนเหมาะสำหรับทานคู่กับปลาเทราต์และครีมชีส เป็นอาหารที่หาได้ทั่วไปในอเมริกาซึ่งหาได้ยากในเซนต์จอห์น ฉินสือโอวซื้อหนึ่งชิ้นให้เถียนกวาและซื้ออีกสองสามชิ้นให้พ่อและแม่ ให้พวกเขาลองชิมดู

ในปากเคี้ยวตุ่ยๆ เต็มไปด้วยขนมปังและปลาโอแถบ เถียนกวาชี้ไปที่ด้านข้างแล้วตะโกนว่า “ปะป๊า ยังมีอีก อยากกินทุกอย่างเลย!”

ฉินสือโอวขู่เธอโดยพูดขึ้นว่า “ยังจะกินอีก กินเยอะขนาดนี้วันหลังจะกลายเป็นสาวอ้วนนะ จะเหมือนฉงต้าแบบนั้นนะ”

เถียนกวาส่ายศีรษะอย่างแรง หางม้าสะบัดไปมาเหมือนป๋องแป๋ง ด้านหนึ่งเธอก็เคี้ยวขนมปังเต็มปาก ด้านหนึ่งก็พูดพึมพำว่า “ไม่เอาแบบนั้น เถียนกวาจะเป็นแบบพี่ตั๋วตั่ว”

ฉินสือโอวตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นเราต้องกินให้น้อยหน่อยเข้าใจไหมคะ?”

เถียนกวาส่ายศีรษะต่อ ตอบว่า “ไม่ เถียนกวาจะกิน จะกินจะกิน!”

เธอเห็นว่าพ่อไม่ให้ความร่วมมือด้วย จึงพาขาสั้นๆ ของเธอวิ่งออกไป ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกอื่นจึงทำได้เพียงเดินตามหลังแล้วซื้อของให้กิน

………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน