ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1871 โครงการฟื้นฟูมหาสมุทร

บทที่ 1871 โครงการฟื้นฟูมหาสมุทร

หมึกแวมไพร์ถูกค้นพบเมื่อ 100 ปีก่อน ในเวลานั้นเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเยอรมันได้กอบกู้สิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ขึ้นจากใต้ทะเลลึก 4,000 เมตร นักวิทยาศาสตร์บนเรือเห็นว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตนี้มีผิวสีดำ แต่ดวงตากลับมีสีแดงจึงรู้สึกว่ามันเหมือนแวมไพร์ในทะเล ดังนั้นชื่อหมึกแวมไพร์ก็มีจุดเริ่มต้นจากตรงนี้

ต่อมาเมื่อชีววิทยามีความก้าวหน้าขึ้น การแบ่งประเภทของสิ่งมีชีวิตก็ละเอียดมากยิ่งขึ้น จึงมีชื่อวิทยาศาสตร์แวมไพร์นรก อย่างไรก็ตามการจำแนกประเภทของมันยังคงเป็นข้อโต้แย้งมาตลอด ตอนนี้ในวงวิชาการไม่รู้ว่าควรแบ่งให้มันเป็นประเภทหมึกกระดองหรือหมึกสายดี

หลายปีมานี้เมื่อมลพิษในทะเลมีความร้ายแรงมากยิ่งขึ้นทุกวัน และภาวะเรือนกระจกก็ได้เพิ่มความเป็นกรดของทะเล ดังนั้นจึงมีสัตว์ในทะเลจำนวนมากได้รับผลกระทบนี้ คุณภาพดีของน้ำใต้ทะเลลึกดีกว่าน้ำตื้นมาก ดังนั้นสิ่งมีชีวิตพวกนี้จึงมีความทนทานต่อมลพิษได้น้อยกว่า

ด้วยเหตุนี้เมื่อเจอกับความรุนแรงของมลพิษทางทะเล สัตว์น้ำในทะเลลึกจะได้รับอันตรายมากกว่า เพราะเดิมทีสัตว์น้ำในทะเลลึกก็ไม่ได้ว่าจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย เมื่อได้รับอันตรายจากมลภาวะ แน่นอนว่าจำนวนของมันจึงลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ ไปตามธรรมชาติ หมึกแวมไพร์ก็เป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ตามเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็พบฟอสซิลมีชีวิตประเภทนี้ได้ยากมากขึ้นทุกวันๆ

ครั้งสุดท้ายที่นักวิทยาศาสตร์จับหมึกแวมไพร์ได้ก็คือหกปีที่แล้ว เรือวิจัยทางทะเลของสหรัฐเรือรอสออกค้นหามหาสมุทรแปซิฟิกอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือน ก่อนที่ยานสำรวจดำน้ำไร้คนขับมอนทาน่าจะค้นพบสิ่งมีชีวิตนี้

ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ศาสตราจารย์แซนเดอร์สบอกกับฉินสือโอว เขามองไปที่หมึกแวมไพร์ในตู้ปลาอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ ครั้งนี้ผมจะดูว่าโรบินสันมันจะโม้กับผมอย่างไร ผมมีเจ้าตัวนี้ที่มีพละกำลังเต็มเปี่ยมอยู่หนึ่งตัว ใครก็เทียบไม่ได้”

โรบินสันเป็นศาสตราจารย์ประจำเรือวิจัยทางทะเลรอสและยังเป็นเพื่อนเก่าและเพื่อนร่วมชั้นของแซนเดอร์ส บางครั้งทั้งคู่ก็จะทำการเปรียบเทียบกัน ครั้งนี้ดูท่าแซนเดอร์สจะเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว

ความเป็นมืออาชีพของศาสตราจารย์นั้นสูงมาก ก่อนหน้านี้เขารู้สึกเสียดายที่หมึกแวมไพร์ 5 ตัวหายไป ไม่ใช่เป็นเพราะว่าจะทำให้เขาทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขากังวลว่าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้จะตายอยู่ในทะเลน้ำตื้น เพราะอย่างไรก็ตามพวกมันก็เป็นสัตว์น้ำทะเลลึก ส่วนสำหรับเจ้าตัวนี้ การทดลองของเขาส่วนมากก็คือการสำรวจเฝ้ามอง และเมื่อทำการทดลองนี้เสร็จเขาก็จะปล่อยเจ้าตัวนี้กลับคืนสู่ทะเลลึก

เมื่อจัดการกับหมึกแวมไพร์แล้ว ฉินสือโอวก็พาพวกชาวประมงกลับลงสู่ทะเลอีก ค่อยวางฟาร์มเพาะพันธุ์แต่ละแห่งให้เรียบร้อยดี เห็นแต่อวนสำหรับเพาะพันธุ์ลอยอยู่ในน้ำเป็นจุดๆ ด้านบนมีทุ่นดึงไว้อยู่ ลูกปลาหนีออกไปไม่ได้แน่นอน เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะเลียนแบบปลากระโทงดาบหนีขึ้นไปทางผิวน้ำทะเล

หลังจากแยกฟาร์มเพาะพันธุ์เหล่านี้แล้ว ฉินสือโอวก็จับลูกปลาใส่ลงไปที่ก้นทะเลของฟาร์มเพาะพันธุ์มีสาหร่ายทะเล พืชน้ำและแพลงก์ตอนเขียวชอุ่มอยู่ ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้อาหารปลาของเขาเลย

ชื่อเสียงของอาหารปลาต้าฉินยิ่งโด่งดังมากขึ้นทุกวัน ฟาร์มปลาเกือบทั้งหมดของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ต่างได้รับผลประโยชน์ คุณภาพของผลผลิตที่ผลิตออกมาดีเกินคาด ต่อให้ไม่สามารถเข้าไปในฟาร์มปลาต้าฉินได้ แต่ราคาที่ขายในตลาดยังสูงกว่าปลาทั่วไปและยังขาดตลาดอีกด้วย

ดังนั้นตอนนี้ฉินสือโอวจึงมีชื่ออย่างมากในกลุ่มพันธมิตร เมื่อก่อนตอนที่เพิ่งก่อตั้งกลุ่มพันธมิตร เขาเคยทำให้เจ้าของฟาร์มปลาต่างโกรธเคืองด้วยวิธีเอาชนะของเขา คนเหล่านี้เคยสมคบกันที่จะโค่นอำนาจตำแหน่งในพันธมิตรของเขา แต่หลังจากที่มีอาหารปลาต้าฉิน คำวิจารณ์ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ก็หายลับไปในทันที แม้กระทั่งมีเจ้าของฟาร์มปลาที่ตอนแรกเขาขับไล่ออกไปก็พยายามคิดหาทุกวิถีทางในการกลับเข้ามาในพันธมิตร เพราะอาหารปลาต้าฉินไม่ขายให้คนนอก

ฉินสือโอวเริ่มมีชื่อเสียงตามอาหารปลาต้าฉิน มีสถานีโทรทัศน์หลายแห่งที่ติดต่อเขาและอยากจะสัมภาษณ์เขา

แน่นอนว่าฉินสือโอวเข้าใจลึกซึ้งดีว่าคนที่โดดเด่นและออกหน้ามาก่อนมักจะโดนโจมตีก่อน เช่นเดียวกับหลักการที่ว่าหมูที่อ้วนที่สุดก็มักจะโดนเชือดก่อน เขาจึงปฏิเสธการสัมภาษณ์พวกนี้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เขาก็จะให้รองประธานหรือผู้ช่วยอย่างทิญาเป็นตัวแทนเขา สรุปแล้วก็คือเขาจะคอยหลบอยู่เบื้องหลัง ร่ำรวยเงินทองอย่างเงียบๆ

แต่บางอย่างเขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างตอนปลายเดือนพฤษภาคม ขณะที่ฉินสือโอวเพิ่งจัดการฟาร์มปลาแห่งที่สามให้เรียบร้อยดี นายกรัฐมนตรีแมทธิว จินก็โทรมาหาเขา ให้เขาบินไปที่โทรอนโตเพื่อเข้าร่วมงานประชุมระดับสูงที่กรมประมงเป็นเจ้าภาพ

เมื่อได้รับสายนี้ เขาก็เหลือบตามองบนอย่างช่วยไม่ได้ เดิมทีช่วงสองสามวันนี้เขาคิดจะกลับบ้าน เพราะตั้งแต่มาที่ฟาร์มปลาแห่งที่สาม เขากลับบ้านไปแค่ครั้งเดียวเอง ซีกวาลูกชายของเขาพอเห็นเขายังดูแปลกหน้าแล้วด้วยซ้ำ

รัฐมนตรีแมทธิวเน้นย้ำว่าการประชุมครั้งนี้สำคัญมาก เขาจำเป็นต้องเข้าร่วม ฉินสือโอวจึงปฏิเสธไม่ได้ เลยพาทิญาผู้ช่วยบินไปที่โทรอนโต

โลมาตัวน้อยร่อนลงอย่างคล่องแคล่วบนดาดฟ้าโรงแรมนานาชาติโทรอนโต ทิญาในชุดออฟฟิศสีขาวสะอาด พร้อมกับแว่นกันแดดขอบทองเดินลงมาจากเครื่องบิน ยิ้มแล้วพูดว่า “บอส ฉันต้องขอบคุณคุณจริงๆ ฉันได้อะไรเยอะมากจากการติดตามคุณ”

ฉินสือโอวเดินถือชุดสูทไปถามไป “อย่างเช่น?”

ทิญายิ้มสวยแล้วตอบว่า “อย่างเช่น ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันก็คงไม่สามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์ที่หรูหราเช่นนี้ได้ อย่างเช่นอีกว่า ถ้าไม่ใช่คุณ พันธมิตรของเราก็คงไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นมาขนาดนี้ คุณจะต้องไม่รู้แน่ๆ ว่าในกรมการประมงที่แคนาดา พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์มีชื่อเสียงมากมายขนาดไหน”

เมื่อก่อนฉินสือโอวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับด้านนี้จริงๆ แต่ครั้งนี้เมื่อเข้าร่วมการประชุมระดับสูงที่จัดโดยกรมประมง เขาก็รับรู้แล้วว่า ทุกคนในที่ประชุมไม่มีใครไม่รู้จักเขา เดินไปที่ไหนก็มีแต่คนทักทายเขา แล้วแต่ละคนก็มาแบบเนียนๆ เหมือนเป็นคนรู้จัก คนสนิทกับเขา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกคนในห้องที่เขารู้จักจริงๆ ยังไม่เกินสิบคนด้วยซ้ำ

แมทธิว จินก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเป็นพิเศษ เขาเข้าพักที่โรงแรม แมทธิว จินส่งการ์ดเชิญมาให้เขา เชิญให้เขาไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับครอบครัวเขาที่บ้าน

งานแบบนี้แน่นอนว่าต้องควงคู่ออกงานด้วย ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงพาทิญาไป ยังโชคดีว่านี่เป็นงานเลี้ยงภายในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดทางการ เขาและทิญาจึงใส่ชุดธรรมดาทั่วไปไปร่วมงานเลี้ยงอย่างสบายๆ

หลังจากที่เขาถึงวิลล่าของแมทธิว จินในชานเมืองที่โทรอนโต ท่านรัฐมนตรีสูงวัยก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง โอบกอดเขาอย่างอบอุ่นและตบไปที่หลังเขาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังว่า “พ่อหนุ่มน้อย ฉันดูนายไม่ผิดจริงๆ นายเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่ช่วยนิวฟันด์แลนด์ไว้”

ฉินสือโอวโค้งคำนับและขอบคุณอย่างสุภาพบุรุษ ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมทำตามพระเจ้าทำตามเจ้านายเลยครับ ได้ยินคำชมของคุณ ผมก็ลอบถอนใจได้อย่างโล่งอกแล้วครับ”

แมทธิว จินพาเขาเข้าไปข้างใน พูดขึ้นว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อนสบายใจไป พ่อหนุ่ม ครั้งนี้ที่เรียกเรามาร่วมประชุมก็เพราะต้องการกำลังของคุณด้วย”

ฉินสือโอวมองไปที่เขาอย่างระแวดระวัง แล้วถามขึ้น “ต้องการแรงกำลังอะไรจากผมเหรอครับ? ”

เขาถูกชายคนนี้ล่อลวงจนขาดทุนไปตั้งหลายรอบ อย่างพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ก็เพราะเขาใช้ให้เขามาทำ ถ้าเกิดไม่มีพันธมิตรนี่ ชีวิตและการทำงานของเขาก็คงสบายกว่านี้มาก

แมทธิว จินแอบยิ้มอย่างมีเลศนัย เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณรู้จักโครงการฟื้นฟูมหาสมุทรไหม?”

ฉินสือโอวส่ายศีรษะ มองไปที่ทิญาผู้ช่วยของเขาที่อยู่ข้างๆ อย่างมึนงง ซึ่งเธอก็สมเป็นสาวสวยที่ฉลาด ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง กระซิบบอกว่า “เป็นโครงการที่เสนอโดยกรมประมง ที่มีเป้าหมายจะฟื้นฟูระดับการประมงทั่วประเทศ แต่ก็ไม่ได้ทำสำเร็จสักที ดูท่าครั้งนี้คงจะเริ่มลงมือแล้ว”

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท