ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1895 คำสั่ง

บทที่ 1895 คำสั่ง

ในฤดูใบไม้ร่วง ส่วนใหญ่แล้วฉินสือโอวจะอยู่ที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามและฟาร์มปลาคาร์เตอร์ แม้ว่าฟาร์มปลาทั้งสองจะรวมเข้าด้วยกันแล้ว แต่การพัฒนาของฟาร์มปลาคาร์เตอร์นั้นช้ามาก

หลังจากนั้น เขาก็ใช้เวลาทั้งหมดครึ่งปีในการวางรากฐานที่ฟาร์มปลาแห่งที่สาม ทุ่งหญ้าใต้น้ำนั้นเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว เพียงแค่นำกุ้งและปลามาเลี้ยงเท่านั้น จากนั้นก็ไม่ต้องดูแลมากแล้ว

ฟาร์มปลาคาร์เตอร์แห่งนี้ขาดสาหร่ายทะเลที่เป็นสิ่งพื้นฐานในระบบห่วงโซ่อาหารที่นี่ เมื่อมีปลามากเกินไป ระบบนิเวศจึงพังทลายลง เขาจึงต้องจับตาดูฟาร์มปลาและคอยเลี้ยงดูฝูงปลาที่นี่

ถ้าหากว่าเขาไม่คอยดูแลพวกมัน แบบนั้นพวกกุ้งปลาก็จะขาดสารอาหารและหนีไปยังน่านน้ำแห่งอื่น

ในช่วงฤดูหนาว ในที่สุดฟาร์มปลาคาร์เตอร์ก็มาถูกทางแล้ว เขาสามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว และก่อนที่เขาไปเขาได้เรียกเหล่าทายาทของที่นี่มารวมตัวกันที่ฟาร์มปลาเพื่อประชุมภายใน

ผู้ที่มาเข้ารวมการประชุมกลุ่มแรกคือชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็นและเบิร์ด นอกจากนี้ยังมีบลู แซ็กอีกด้วย ส่วนกลุ่มที่สองที่เข้ามาคือเหล่าชาวประมงทั้งหลาย รวมถึงเกิง จุนเจี๋ยและเฉาไค่ เฉาไค่เป็นผู้ช่วยของเกิง จุนเจี๋ย พวกเขารับผิดชอบในการดูแลฟาร์มปลาแห่งที่สอง เขาเป็นคนที่ละเอียดและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองได้ แต่เขาค่อนข้างดื้อรั้น ดังนั้นเขาจึงเหมาะที่จะเป็นผู้ช่วย

ฉินสือโอวเตรียมหม้อไฟหม้อใหญ่ไว้ ให้คนทั้งยี่สิบคนเข้าล้อมหม้อไฟทานด้วยกัน

ลมทะเลคำรามอยู่ด้านนอก คลื่นทะเลซัดไปมา แม้ว่าจะอยู่ในอุทยาน สีเขียวของป่าก็หายไปแล้วเช่นกัน หน้าหนาวเริ่มคืบคลานเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ โลกกำลังสูญเสียความมีชีวิตชีวาไป

ด้วยเหตุนี้ หม้อไฟที่กำลังเดือดอยู่ในบ้าน จึงทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้น

ฉินสือโอวใส่เนื้อกุ้งเนื้อปลาและผักลงไปในหม้อไฟเมื่อน้ำเริ่มเดือด จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งงาน

พวกเขาทั้งหมดเป็นคนสนิทของเขา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ ฉินสือโอวพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันวางแผนมานานแล้ว ฉันต้องร่วมมือกับรัฐมนตรีแมทธิวสำหรับโครงการฟื้นฟูมหาสมุทร ดังนั้นฉันจะมอบฟาร์มปลาให้พวกนาย เพื่อน ถึงเวลาที่จะต้องเผชิญหน้าคนเดียวแล้ว ทำให้ฉันดูความสามารถที่แท้จริงของพวกนายหน่อย”

บลูพูดกลั้วหัวเราะว่า “บอส ก่อนหน้านี้พวเราก็ไม่ได้เผชิญหน้าเพียงคนเดียวหรอกเหรอ? ผมคิดว่าสิ่งที่คุณทำทุกวันนี้คือการนอนอาบแดดและเล่นกับลูกๆ นะ”

“ฮ่า บลูไอ้โง่ คำพูดแบบนี้กล้าพูดออกมาได้ยังไง แต่ว่าพูดจริงๆ นะบอส โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรนี้มันจะยุ่งขนาดนั้นเลยหรอ? ผมได้ยินมาว่า คุณแค่ดูแลเรื่องการจัดสรรอาหารของปลาให้เพียงพอไม่ใช่เหรอ?” นีลเซ็นก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมาเช่นกัน

ฉินสือโอวชี้ไปที่ทั้งสองคนนั้นแล้วพูดว่า “โอเค พวกนายสองคนเก่งนักใช่ไหม? รู้ไปหมดทุกเรื่องใช่ไหม? งั้นเรื่องดูแลฟาร์มปลาก็ไม่ต้องใช้พวกนายแล้วล่ะ”

“เหอะเหอะ!” ชาร์คหัวเราะออกมา

บลูพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “เฮ้ ชาร์ค นายหัวเราะอะไรวะ?”

ชาร์คด่าออกมาว่า “ไอ้…ไอ้บลูงี่เง่า ข้าโดนน้ำลวกเว้ย! อ้อ ฟัค ซุปปลาไหลนี่อร่อยนะ ปากฉันโดนลวกน่ะ…”

ฉินสือโอวตบโต๊ะ เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาเคาะชามด้วยความโมโห เบิร์ดรับลุกขึ้นแล้วตักเนื้อเพิ่มใส่จานของเขา แล้วพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “บอส มา ทานก่อนเถอะ”

ท่านชายฉิน “…”

เอาละ ทานก่อนแล้วกัน ฉินสือโอวก็หิวแล้วเช่นกัน อากาศค่อนข้างหนาว ทำให้พลังงานถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว

หลังจากทานเนื้อย่างนุ่มๆ ไปแล้ว เขาก็เริ่มพูดเข้าประเด็น “ฟังนะเพื่อน ฉันจะมอบหมายงานให้พวกนาย เริ่มที่บลูนะ บลู ฟาร์มปลาทั้งสี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาย นายไม่ต้องตื่นเต้น..”

“พระเจ้า ขอร้องล่ะ!” บลูยกมือขึ้นสวดมนต์อย่างทำอะไรไม่ถูก

“นายจะเป็นกัปตันเรือปริ้นเซสเมล่อน เหมือนกับที่ฉันเคยบอกกับนายตอนที่เราออกทะเลกันครั้งแรก นายจะเป็นกัปตันที่ใหญ่ที่สุดของฉัน” ฉินสือโอวพูด

ทันใดนั้นบลูก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เขาตะโกนพร้อมชูกำปั้น “ให้ได้อย่างนี้สิ! บอส ขอบคุณมากที่คุณเชื่อในตัวผม ไว้ใจผมได้เลย ผมจะไม่ทำให้ความไว้วางใจของคุณต้องพังลง!”

“อือ เพ่าไห่จะเป็นหัวหน้าวิศวกร ผู้ช่วย ผู้ช่วยอันดับสองและสามนั้นให้นายเป็นคนเลือกมาช่วย คาเรนเนอร์ พวกนายไปกับบลูนะ พวกนายเป็นเพื่อนที่ดี”

ชาวประมงหลายคนแปะมือกับเขา พลางพยักหน้าบอกว่าไม่ใช่ปัญหา

ฉินสือโอวยักไหล่ เขามองไปยังชาร์คและพูดว่า “เพื่อน นายอยู่ที่ฟาร์มปลาแห่งที่สามนะ ที่นี่เป็นของนาย ฉันจะให้แซ็ก คิดส์ เนลสันทั้งสามคนอยู่ช่วยนาย แต่ยังมีฟาร์มปลาคาร์เตอร์อยู่อีก นายต้องดูแลทั้งหมดนี้ ดูแลพวกมันให้ดีนะ โอเคไหม?”

ชาร์คพยักหย้าแล้วพูดว่า “วางใจได้เลยครับบอส ให้เป็นหน้าที่ผมเอง!”

“ส่วนฟาร์มปลาแห่งที่สอง ทั้งหมดฉันจะยกให้เหล่าเกิงและเฉาไค่เป็นคนดูแล พวกนายต้องดูแลฟาร์มปลาให้ดีนะ ดูแลเรื่องการผลิตให้ดี ต่อไปสายผลิตของที่นี่จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ฉันไม่อยากมันเกิดข้อผิดพลาดใดๆ” ฉินสือโอวพูด

เกิง จุนเจี๋ยและเฉาไค่ยืนขึ้นพร้อมกัน แล้วทำท่าเคารพแบบทหารให้เขา จากนั้นก็เงยขึ้นมาแล้วตะโกนออกมาว่า “ครับบอส ผมสัญญาว่าจะทำงานให้สำเร็จครับ!”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเขาก็ถ้วยขึ้นมา เกิง จุนเจี๋ยและเฉาไค่ก็ยกถ้ยขึ้นมาแล้วตะโกนออกมาว่า “เชิญบอสตามสบาย พวกเราจะขอทานละครับ!”

“ทานอะไรกันล่ะ ฉันจะบอกว่าถ้วยฉันว่างแล้ว พวกนายตักเนื้อกับผักให้หน่อย” ท่านชายฉินกลอกตาพร้อมกับพูดออกมา

“ซีมอนสเตอร์ ฉันจะไปจัดดูแลฟาร์มปลาต้าฉินด้วยตัวเอง นายเป็นผู้ช่วยฉันนะ ช่วยฉันจัดการดูแลที่แห่งนี้ให้ดี ที่นั่นเป็นศูนย์บัญชาการของพวกเรา ที่นั่นสำคัญต่อพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย นายเข้าใจใช่ไหม?” ฉินสือโอวพูด

ซีมอนสเตอร์กลืนเนื้อที่อยู่ในปาก เขาพูดพร้อมยิ้มว่า “แน่นอนครับ ผมยินดีมากเลยครับ”

“เอาล่ะ เบิร์ด นายเรียนกับสแตนลีย์เป็นอย่างไรบ้าง? การดูแลร้านอาหารในอเมริกาเหนือไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหม?” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม

ตอนนี้เบิร์ดสวมชุดสูท สวมรองเท้าหนังมันวาว แต่งตัวเป็นนักธุรกิจทุกวัน

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินสือโอว เขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “พระเจ้า ผมเคยชินแต่การจับปืนแต่ตอนนี้ต้องมาจับปากกา ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย! แต่ว่า เรื่องนี้ก็น่าสนใจมากเลย เป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก ผมชอบความท้าทายแบบนี้มากเลย!”

“นายกับนิกิจะแต่งงานกันเมื่อไร?” นีลเซ็นถามออกมาหลังจากกินเนื้อปลาทูน่าไป

เบิร์ดยักไหล่แล้วพูดว่า “ปีหน้าล่ะ นิกิท้องแล้ว เธออยากจะอุ้มลูกไปร่วมงานแต่งงานของเราน่ะ”

“ว้าว” ทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความยินดี หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันแปะมือกับเบิร์ด และบอกให้เขาจัดงานเลี้ยงที่หรูหราในนิวยอร์กสักงาน

บนใบหน้าของเบิร์ดปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา เขาพูดว่า “ไม่มีปัญหา ฉันวางแผนไว้แล้ว รอให้บอสเลือกเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แล้วไปนิวยอร์กกันเถอะ!”

“นายนี่เก็บความลับได้สุดยอดเลย” ฉินสือโอวยกนิ้วให้ เขามีความสุขกับเบิร์ดจริงๆ เป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่เขาสามารถแต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลฮิลตันได้

ส่วนชาวประมงที่เหลือ ฉินสือโอวจัดให้พวกเขาเป็นผู้ช่วยของซีมอนสเตอร์ ไม่ก็ให้พวกเขาไปดูแลเรือประมงอื่นๆ แต่ทั้งหมดแล้วล้วนแต่เป็นตำแหน่งที่สำคัญ ที่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง

สุดท้าย ก็เหลือแค่นีลเซ็น

ฉินสือโอวไม่ได้มอบหมายงานให้เขา แต่กลับบอกให้ทุกคนรีบทานหม้อไฟ

นีลเซ็นจึงพูดออกมาว่า “บอส อย่าทำแบบนี้สิ ผมเป็นมือขวาของบอสนะ รีบบอกผมเร็วเข้า ผมต้องทำอะไร?”

ฉินสือโอวเหล่อมองเขาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้นายบอกว่านายเก่งมากไม่ใช่หรือยังไง?”

“ผมยอมแล้วครับ” ​นีลเซ็นรีบตอบกลับทันที

ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาตบบ่านีลเซ็นแล้วพูดว่า “ดังนั้น เพื่อน อย่าทำเก่งต่อหน้าบอสของพวกนาย โอเคนะ? นีลเซ็น แน่นอนว่าฉันให้นายทำหน้าที่ที่ดีอยู่แล้ว…”

“ดูแลจัดการเรื่องอาหารทะเลต้าฉินร่วมกับคุณบัตเลอร์งั้นเหรอครับ?” นีลเซ็นถามออกมา

ฉินสือโอวตอบกลับว่า “นีลเซ็น นายนี่สุดยอดไปเลย!”

นี่เป็นงานที่เขาตั้งใจจะให้นีลเซ็นทำจริงๆ

…………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน