ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 102 หนึ่งร้อยล้านคุณจะให้หรือเปล่า?

บทที่ 102 หนึ่งร้อยล้านคุณจะให้หรือเปล่า?

บทที่ 102 หนึ่งร้อยล้านคุณจะให้หรือเปล่า?

“โทรเรียกซูนเหิงมา?”ฉินฝู้กุ้ยสีหน้าตกใจเล็กน้อย “ท่านหลินครับ คุณหมายถึงว่าอยากฆ่าซูนเหิง?”

“ท่านหลินครับ! ผมขอโอกาสนี้ไปทำ เรื่องนี้ให้ผมไปทำ ให้ผมทำความดีเพื่อชดใช้กรรม!” ฉินฝู้กุ้ยประจบประแจงว่า “ผมจะไปเตรียมตอนนี้ ซูนเหิงต้องมาแน่นอน เอาแต่ว่าเขามาฉินหยุนโล๋แล้ว ผมจะให้เขาแม้ตายยังไร้ที่กลบฝัง!”

นี่คือโอกาสที่แสดงตัวดีๆต่อหน้าท่านหลิน ตอนนี้ท่านสามตระกูลเสิ่นสง่าผ่าเผยและหยิ่งกำเริบได้ ก็เพราะว่ามีท่านหลิน

ต้องรู้ว่า ในเมื่อที่ไม่นานท่านสามตระกูลเสิ่นฆ่าคุณชายที่โตของตระกูลโจ ท่านหลินก็ช่วยเขาแล้วและตระกูลโจก็ไม่กล้าแก้แค้นด้วย!

ในเมื่อก่อนเสิ่นซานก็อยู่ระดับเดียวกันก็ตัวเองไม่ใช่หรือ? ฉินฝู้กุ้ยก็คิดว่าตัวเองจะไม่ต่างกับเสิ่นซานเท่าไหร่

ถ้าทำได้เหมือนเสิ่นซานได้รับความไว้วางใจจากท่านหลิน มีคนนี้เป็นเบื้องหลังให้ เมืองชิงหยูนสามตระกูลหรืออะไรก็เป็นแค่ขี้หมา ทำไมตัวเองต้องขายชีวิตให้ตระกูลซูน?

“ไม่ต้อง” หลินอิ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณแค่โทรไปเรียกซูนเหิงมาก็พอแล้ว”

“นอกจากนี้ เรื่องทั้งหมดที่เกิดในคืนนี้ ทุกคนต้องทำตัวไม่รู้เรื่อง เข้าใจไหม?”

“เข้าใจครับๆ!”ทุกเรื่องทำตามท่านหลินครับ!”ฉินฝู้กุ้ยไหว้ต่อ ฟังคำพูดของหลินอิ่งที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน

ลูกน้องของฉินฝู้กุ้ยก็ไหว้เหมือนกันและตบหน้าอกแสดงความจงรักภักดี

ทัศนคติต่อโลกของพวกเขาก็ถูกทำร้าย ความกล้าหาญของพวกเขาที่ฝึกมาเป็นชาติก็โดนหลินอิ่งทำร้ายในคืนนี้เหมือนกัน จะกล้าพูดเรื่องนี้ไปข้างนอกได้ไง?

นอกจากนี้ แม้ว่าพวกเขาตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ออกไป เอาเรื่องที่หลินอิ่งมีแรงและอำนาจที่ยิ่งใหญ่พูดออกไป มีใครจะเชื่อ?

ใครจะคิดได้ว่า ลูกเขยแต่งเข้าบ้านขยะของตระกูลจางที่ทุกคนรู้จักกันหมด ในภายหลังเป็นคนที่แก่ขนาดนั้น!

“ฉินฝู้กุ้ย คุณสั่งคนไปลักพาแม่ของเจียงฉี และสั่งคนตีเจียงฉีอีก”หลินอิ่งพูดอย่างไม่แยแส “ชีวิตของคุณ ฉันจะให้เจียงฉีจัดการ เขาอยากให้คุณตาย คุณก็ต้องตาย!”

สีหน้าของเจียงฉีตื่นแต้นและในใจของเขาก็ตื่นเต้นเหมือนกัน นี้คือคนที่ผู้ นี่คือบุคคลที่ดีที่ควรค่าแก่การจงรักภักดีอย่างแท้จริงบุคคลที่สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จัดการเรื่องเหมาะสมขนาดไหน?

เขาเข้าใจแล้ว และเจียงฉีก็ก้มหัวลงและพยักหัวกับหลินอิ่ง

“ฉินฝู้กุ้ย ท่านหลินเอาคุณให้ฉันจัดการแล้ว ทีหลัง คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณจะทำอย่างไร?” เจียงฉีพูดเสียงหนักและจ้องมองฉินฝู้กุ้ยอย่างรุนแรง

“ผมเข้าใจครับๆ! ประธานเจียงครับ ในอนาคตขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ!” ฉินฝู้กุ้ยเหงื่อแตกและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ผมขอโทษจริงๆ มันเป็นความเข้าใจผิดมาก่อน!ประธานเจียง ในอนาคต คุณชี้ไปที่ไหน ผมก็ไปทำที่นั่น”

ฉินฝู้กุ้ยถอนหายใจเป็นความลับ ตอนนี้เขารอดพ้นจริงๆแล้ว ท่านหลินได้จัดให้เขาอยู่การทำงานกับเจียงฉี ซึ่งหมายถึงว่าเขายังมีคุณค่าอยู่ ไม่เช่นนั้นเขาก็จะซวยแล้ว

เจียงฉีตะโกนอย่างเย็นชา“ ฉินฝู้กุ้ย คุณจงคิดในใจตัวเองให้ดี ทำงานกับฉันและช่วยท่านหลินทำตระกูลซูนด้วยกำลังทั้งหมดของเจ้า ผมอาจจะยกโทษให้กับความผิดของคุณ”

“ต้องเป็นอย่างนั้น! ผมต้องฆ่าตระกูลซูน!” ฉินฝู้กุ้ยตบหน้าอกของเขาทันที พูดความคิดที่จริงของหัวใจ

ถ้าไม่ใช่ไอ้ซูนเหิงทำเรื่องร้ายเยอะขนาดนี้ นิ้วสองนิ้วของเขาจะหักได้ไง ขัดใจคนที่โหดเหี้ยมอย่างท่านหลิน ก็เปรียบเสมือนว่าได้ไปเดินที่นรกสักรอบหนึ่ง

หลินอิ่งเห็นเรื่องทำเรียบร้อยแล้ว เหมือนกับที่สั่ง ก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้อง

“ท่านหลินเดินดีๆครับ!”

ทุกคนที่อยู่ในห้องก็ส่งหลินอิ่งอย่างเคารพ

ต่อมา เจียงฉีทำตามที่เจียงฉีสั่ง ให้ฉินฝู้กุ้ยโทรไปหาซูนเหิง ซูนเหินรับสายแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก บอกว่าจะมาฉินหยุนโล๋ภายใน 10 นาที

ส่วนฉินฝู้กุ้ยก็รีบไปที่ห้องพยาบาลส่วนตัวของฉินหยุนโล๋ และขอให้หมอส่วนตัวของเขาพันแผลที่มือของเขา

เพราะว่า ท่านหลินสั่งให้เขาเดี๋ยวต้องพบกับซูนเหิงด้วย …

10นาทีต่อมา

ในร้านอาหารจีนบนชั้นหกของฉินหยุนโล๋ หลินอิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ ด้านหน้าของเขาพร้อมกับอาหารหลายสิบจานและหม้อปิหลอชุนที่ยอดเยี่ยมอยู่บนโต๊ะกลมขนาดใหญ่

เสิ่นซานและเจียงฉีอยู่ในอันดับซ้ายและขวาของเขา ด้วยสีหน้าที่เคารพ

หลินอิ่งถือกาน้ำชาและรินชาให้ทั้งสองคน

ทั้งสองยืนขึ้นอย่างเคารพและถือถ้วยชาไว้ในมือทั้งสองข้าง

หลินอิ่งดื่มชาก่อนหนึ่งถ้วยและพูดเบา ๆ ว่า“ เสิ่นซาน เจียงฉี คุณทั้งสองคนแนะนำรู้จักกันก่อน ในอนาคตคุณทั้งสองจะทำงานร่วมกันและร่วมมือกัน ฉันไม่อยากให้เห็นว่าเรื่องของในตุงไห่ต้องให้ฉันออกมาทำด้วยตัวเอง”

ถนนทำให้เรียบร้อยแล้ว ด้วยความสามารถทั้งสองของพวกเขาและร่วมมือด้วยกันอีก ไม่ว่าในโลกธุรกิจหรือโลกใต้ดิน ก็ชนะพวกที่อยู่ในตุงไห่ได้

ในอนาคต เจียงฉีกับเสิ่นซาน คนหนึ่งเป็นมีดของตัวเอง อีกคนก็เป็นถุงเงินของตัวเอง

“คุณประธานหลินครับ คุณไว้ใจครับ ไม่ต้องใช้เวลาที่นาน เงินในโลกธุรกิจของตุงไห่ ก็ต้องเข้าในถุงกระเป๋าของคุณ”เจียงฉีพูดอย่างจริงจัง

วิธีการค้าขาย วิธีการหากำไรของเขา ไม่แพ้ใครเลย เมื่อมีหลินอิ่งอยู่ข้างหลังช่วยและมีเงินทุนที่เพียงพอที่จะทำงาน ปล่อยมือไปทำ เงินในโลกธุรกิจของตุงไห่ก็จะเข้ามาทั้งหมดเหมือนน้ำเลย

“ท่านหลินครับ ไว้ใจผมครับ ผมจะตีท้องฟ้าของจังหวัดตุงไห่ให้คุณ!”เสิ่นซานก็กล่าวอย่างจริงใจ

“ แค่นี้ก่อน คุณสองคนไปปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรในอนาคตเถอะ” หลินอิ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจและค่อยๆลุกขึ้น “ฉันจะออกจากเมืองชิงหยูนสักพักในอีกไม่กี่วัน พวกคุณต้องดูแลครอบครัวของภรรยาของฉันให้ดี”

“ครับ!”

เจียงฉีและเสิ่นซานยืนขึ้นด้วยจริงจังและหัวด้วยความเคารพ

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อยหันไปเลย

เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเสิ่นซานและเจียงฉีจะเป็นหมูสองตัว แต่ก็คาดกันว่าพวกเขาจะสามารถทำตระกูลซุนให้ลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นสองคนนี้ยังเป็นคนที่ยอดเยี่ยม

ทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ต้องเตรียมตัวไปตี้จิงเพื่อจัดการกับเรื่องของตระกูลเหวินแล้ว

กำลังคิดอยู่ หลินอิ่งก็ได้ขึ้นลิฟต์ไปที่ล็อบบี้แล้ว ไม่ช้าก็มาถึงหน้าประตูของฉินหยุนโล๋แล้ว

“อุ๊ย? หลินอิ่งเหรอ?ฉันยังเจอคุณที่นี่ได้ด้วยหรือ?”

ในขณะนี้ เสียงล้อเล่นด้วยความประหลาดใจดังขึ้น

หลินอิ่งหันหน้าไปมองดู ซูนเหิงสวมชุดสูทที่เรียบร้อยและจางจี้หนิงอยู่เคียงข้างเขาด้วย ทั้งสองคนได้รับพนักงานต้อนรับเข้ามาในฉินหยุนโล๋

“ไอ้ขยะนี่ แกยังมีเงินมาเล่นผู้หญิงอีกเหรอ แกนี่เยี่ยมจริงๆ?” ซูนเหิงมองหลินอิ่งด้วยสีหน้าขี้เล่น

“คุณไม่ได้ยินเหรอว่า หลินอิ่งตอนนี้ไม่ใช่ขยะแล้ว ได้ขึ้นระดับขึ้นเป็นเกาะผู้หญิงกินจางจี้หนิงอพูดด้วยสีหน้าดูถูก “ตอนนี้จางฉีโม่เป็นผู้อำนวยการและรองประธานของกลุ่ม เขากินข้าวนุ่มและกินสบายมาก ขอเงินเดือนจากเมีย แล้วมาหาชู้เที่นี่ ป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอก?”

“โอ้! ก็ใช่แล้วเพราะว่าเขาก็เป็นเกาะผู้หญิงกินอยู่แล้ว แต่ว่ายังไม่รู้ว่าเขามาหาชู้หรือเปล่า อาจจะคือมาเล่นกับผู้หญิงที่รวยก็ได้นะ พูดไม่ถูกต้องจริงๆเลย” ซูนเหิงพูดอย่างแปลกประหลาดและขำ

หลังจากพูดเสร็จ ซูนเหิงก็หันกลับมาอย่างมีความสุขพร้อมที่จะขึ้นไปหาฉินฝู้กุ้ย วันนี้เขาอารมณ์ดี เรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาได้หลายพันล้านอย่างฟรีๆ อารมณ์สบาย ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เขาอารมณ์ดี ไม่งั้นเขาต้องให้ฉินฝู้กุ้ยทำหลินอิ่งที่นี่อย่างรุนแรง

บัง!

ในขณะนี้ มีชายร่างอ้วนร่างใหญ่ที่มีผ้าพันแผลที่มือซ้ายรีบวิ่งมาและพร้อมกับตบหน้าซูนเหิง ผู้คุ้มกันหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาก็รีบวิ่งมาต่อยเตะซูนเหิง แค่แป๊บเดียว ซูนเหิงก็ตกอยู่ที่พื้น ทำให้หัวเขาที่แตกและเลือดออก จมูกและใบหน้าบวม

ในขณะนี้แขกทุกคนในล็อบบี้ของฉินหยุนโล๋ก็วิ่งไปดู

เดิมทีฉินฝู้กุ้ยคิดว่าจะทำตามคำสั่งของเจียงฉี รอที่ คุยกันที่ชั้นบนเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยทำอะไรกับซูมเหิง แต่ตอนนี้เขาเห็นซูนเหิงล้อเลียนท่านหลินอย่างรุนแรง เขาจะไม่จับโอกาสนี้ให้ดีๆ แสดงตัวตนให้ดีต่อหน้าท่านหลิน?

“ไม่นะ?พี่ใหญ่ฉิน คุณนี่คือทำอะไร คุณตีฉัน คุณเป็นบ้าเหรอ?”ซูนเหิงถูกตีและงงแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉินฝู้กุ้ยจึงรีบวิ่งมาตีเขา

“ไอ้เหี้ย วันนี้กูจะตีแกซูนเหิงนี่เอง!” ฉินฝู้กุ้ยตบหน้าซูนเหิงอย่างแรงอีกครั้งและเสียงดัง

“หนึ่งร้อยล้านที่ติดกูอยู่ที่ แกจะคืนไหม

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท