ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 107 วิลล่านี้เป็นของคุณแล้ว

บทที่ 107 วิลล่านี้เป็นของคุณแล้ว

บทที่ 107 วิลล่านี้เป็นของคุณแล้ว

“สามีคะ คุณทำอะไร? ทำไมคุณอยู่ดีๆก็มาตีฉัน? คุณกินยาผิดหรือเปล่า?”อูฉู่เวินพูดอย่างออดอ้อน และเธอทำตัวยั่วยวน ดูเหมือนเธอน้อยใจมาก

“แกยังกล้าจะพูดอีก!” สีหน้าของฉินอวี่เต็มไปด้วยความโกรธ เส้นเลือดดำที่อยู่บนหน้าผากโผล่ออกมา ก้าวขึ้นไปก็ตีด้วยเสียงบังๆๆ ตีหน้าเธออย่างบ้าคลั่ง ทำให้อูฉู่เวินร้องไห้อย่างเสียงดัง น้ำตาไหลเต็มหน้า

“ไอ้กะหรี่ที่ปากเหี้ย ทีหลังอย่าเรียกฉันเป็นสามี!ไอ้ไร้ยางอาย ได้รับทะเบียนสมรสกันแล้วเหรอ?”ฉินอวี่พูดอย่างรุนแรง “อย่ามาทำตัวยั่วยวนที่นี่ น่าเกลียด! รองเท้าขาดๆที่เหมือนแก ใครจะเอา?”

“แก! ฉินอวี่ แกนี่!”อูฉู่เวินจับหน้าอกของตัวเอง เธอโดนด่าจนหน้าแดง จะอาเจียนเป็นเลือดแล้ว

อูฉู่เวินไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมฉินอวี่ถึงทุบตีตัวเอง เมื่อหลังจะเขารับสายและก็เปลี่ยนหน้าไปทันที

รักกันมันมาก่อนไม่ใช่เหรอ? วันนี้บอกว่ามาดูห้องแต่งงานไม่ใช่เหรอ?

“แกอะไร แกม้วนตัวไปจากที่หน้าฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าเจอกันหนึ่งครั้งฉันก็จะตีแกหนึ่งครั้ง!” ฉินอวี่กล่าวอย่างรุนแรง “ฉันเตือนแกนะ ทีหลังในข้างนอกอย่างพูดชื่อตระกูลฉิน แกได้ยินไหม? ถ้าจะใช้ชื่อเสียงของฉันเพื่อตอแหล กูก็จะฆ่าตระกูลอูของแกให้หมด!”

“อยากไปดูห้องจัดงานแต่งงานกับฉันอีก?แค่รองเท้าที่ขาดๆเหมือนแก มีอาวุโสอยู่ในวิลล่าที่ราคาหนึ่งร้อยล้านได้ด้วยเหรอ?”ฉินอวี่ดูเหมือนยังไม่หายโกรธ ขึ้นไปเตะอูฉู่เวินและทำให้เธอล้มลงไปที่พื้น

แม้ว่าฉินอวี่เตะให้อูฉู่เวินล้มลงที่พื้น เขาก็ยังโกรธ มองไปที่หลินอิ่ง ร่างกายของเขาหวาดกลัวและขนของเขาก็ลุกชัน

ไอ้เหี้ย เกือบจะถูกไอ้ดอกทองนี่ทำให้เขาตายทั้งตระกูล! เธอกล้าที่จะด่าท่านหลิน!

เมื่อสองชั่วโมงก่อน ฉินอวี่พึ่งได้ยินพ่อเขาฉินฝู้กุ้ยพูดว่า เขาขอสวามิภักดิ์กับเจียงฉีและคนใหญ่คนโตที่อยู่หลังเจียงฉี ยังบอกวิธีการอันทรงพลังและพลังงานอันทรงน่ากลัวของคนใหญ่คนโตนั้นที่เป็นเบื้องหลังของเจียงฉีให้ฟังด้วย ว่าพวกตระกูลฉินของพวกเขาจะพัฒนาขึ้นในเมืองชิงหยูนแล้ว มีคนแบบนี้เป็นเบื้องหลังให้

เพียงแค่ว่า พ่อไม่ยอมบอกว่าคนใหญ่คนโตนั้นเป็นใคร

แต่ว่า ตอนเมื่อกี้ พ่อโทรหาและด่าเขา บอกว่าคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลังเจียงฉีก็คือหลินอิ่งที่อยู่ตระกูลจาง! บอกอีกว่าเมื่อกี้เขาโทรกับหลินอิ่งได้ยินทั้งหมดแล้ว!

ฉินฝู้กุ้ยสั่งแบบนี้และจิตวิญญาณของฉินอวี่เกือบจะหายไปด้วยความหวาดกลัว

ฉินอวี่ก็ไม่ใช่ลูกคนรวยที่ไม่เอาไหนที่ธรรมดา เขาทำงานกับพ่อเขาฉินฝู้กุ้ยด้วย คอยดึงหูเข้ากระซิบกระซาบสั่งสอน ฉลาดมาก เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลังจากที่ยืนยันว่าหลินอิ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่น่ากลัวนั้นแล้ว ยังคงเป็นเบื้องหลังของพ่ออีก!

ในเวลาที่ฉินอวี่ตกใจ เขาก็คิดได้ที่จะใช้มาตรการปฏิบัติ ต้องทำให้ท่านหลินพอใจ มิฉะนั้นหลังจากวันนี้ตระกูลฉินจะถูกฆ่าจริงๆ!

“ฉินอวี่ คุณได้ยินข่าวลือจากภายนอกเหรอ อย่าสงสัยฉันสิ ฉันไม่ได้รองเท้าขาดๆ ฉันชอบคุณคนเดียวจริงๆ”อูฉู่เวินทำตัวน่าสงสาร”แม้ว่าคุณจะตีฉัน ฉันก็ไม่ทิ้งคุณเหรอ”

“อย่าโกรธฉันแล้ว ฉันจะอธิบายให้ฟังทีหลัง เราไปดูห้องจัดงานแต่งงานกันก่อนดีกว่า”อูฉู่เวินแสร้งทำตัวน่าสงสารและพูด แต่ในใจเธอคิดอยู่ว่าฉินอวี่รู้เรื่องคบซ้อนของเธอได้ไง เธอทำอย่างซ่อนมากไม่ใช่เหรอ

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ยอมให้ฉินอวี่ที่เป็นสามีที่ฐานะร่ำรวยไป ฉินอวี่นั่นเป็นคนที่รองกว่าซูนเหิง หวางจื่อเหวินและโจปินที่เป็นพวกระดับชั้นแรกชั้นเดียวเอง! ต้องยึดมั่นกับเขา แม้ว่าจะต้องหย่าร้างในอนาคต อย่างน้อยก็ต้องอาศัยอยู่ในวิลล่าที่มีค่าหนึ่งร้อยล้าน และสามารถแบ่งทรัพย์สินได้อีก!

“ไอ้สาด แกกำลังฝันอยู่เหรอ! ไอ้ไร้ยางอาย ฝันไปเถอะ อยากจะไปดูห้องแต่งงานอีก แกควรค่าไหม?” ฉินอวี่ยิ่งฟังยิ่งโกรธ

ในความเป็นจริงฉินอวี่ก็ไม่มีความรักอะไรต่ออูฉู่เวิน เขาก็แค่เล่นอูฉู่เวินเฉยๆ เรื่องที่อูฉู่เวินคบซ้อนที่ข้างนอกในใจเขาก็รู้ ก็แค่อยากเล่นเฉยๆ ไอ้รองเท้าขาดยังอยากจะอาศัยในห้องแต่งงานอีก? ไอ้เหี้ย รุกรานท่านหลิน วันนี้ไม่ฆ่าเธอก็โชคดีแล้ว!

ฉินอวี่กล่าวอย่างรุนแรง “แกคบซ้อนกับคนข้างนอกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ยังแสร้งทำตัวน่าสงสารที่นี่อีก?คุกเข่าลงขอโทษประธานจางและผู้ช่วยหลินทันทีและตีหน้าของตัวเอง ได้ยินไหม!”

“หา? ฉินอวี่ แกพูดอะไร?ให้ฉันขอโทษพวกเขา?”อูฉู่เวินพูดอย่างไม่น่าจะเชื่อ หลังจากการโทรเมื่อกี้ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมรู้สึกว่าท้องฟ้าจะถล่ม!

“แกฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหม คุกเข่าขอโทษประธานจางและผู้ช่วยหลิน!”

ฉินอวี่พูดอย่างรุนแรงและรีบขึ้นไปก็คือตีและเตะอย่างรุนแรง ไม่สนใจว่าเธอป็นผู้หญิงหรือไม่ จนทำให้อูฉู่เวินหน้าบวมปูด น้ำมูกก็ไหลด้วย

หลังจากการตีเสร็จแล้ว ดูเหมือนว่าเขายังไม่หายความโกรธ ฉินอวี่รีบวิ่งเข้าไปในรถปอร์เช่สีน้ำเงิน และหยิบหนังสือพิมพ์สีดำม้วนหนึ่งแล้วกระแทกหัวของอูฉู่เวินอย่างแรง

“คุกเข่า! ฉันพูดแค่ครั้งเดียว!” ฉินอวี่พูดอย่างเย็นชา

“อา! ฉินอวี่ แกอยากทำอะไร” ใบหน้าของอูฉู่เวินซีดและเขารู้สึกโลหะเย็นที่อยู่ในหนังสือพิมพ์สีดำ ตัวเธอสั่นและฉี่แตกในกางเกงด้วยความตกใจ

“แกคุกเข่าลงและขอโทษทันที และตีหน้าตัวเอง” ฉินอวี่พูดอย่างรุนแรง หนังสือพิมพ์สีดำที่อยู่ในมือกระแทกบนหลังของอูฉู่เวินอย่างรุนแรง “ฉันนับเพียงสามวินาทีเท่านั้น!”

“สาม!”

“อย่าๆ!”

ตุ้ม!

อูฉู่เวินคุกเข่าต่อหน้าจางฉีโม่อย่างรุนแรง ทำให้จางฉีโม่ตกใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“แกพูดไม่เป็นใช่ไหม? ตบหน้าตัวเอง ได้ยินไหม?”ฉินอวี่กล่าวด้วยเสียงทุ้ม

อูฉู่เวินตกใจมากและสมองของเขาจะระเบิดแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฉินอวี่อยู่ดีๆก็กลายเป็นหมาบ้า

“คุณประธานจาง ผู้ช่วยหลิน ขอโทษค่ะ คือปากฉันต่ำตม! ฉันตีตัวเอง!”อูฉู่เวินตบหน้าตัวเองอย่างแรง ใบหน้าของเธอก็แดงมาก

อูฉู่เวินจะกล้าสู้กับฉินอวี่ได้อย่างไร พลังของฉินอวี่นั้นใหญ่อยู่แล้ว และเขายังคงเป็นพี่ใหญ่ในมาเฟียตระกูลอูก็ไม่สามารถกล้าไปก่อกวนเขา และเธอเป็นแค่สาวอนุของตระกูลอู ไม่งั้นทำไมถึงไร้ยางอายอยู่กับฉินอวี่

หลินอิ่งยิ้มอย่างเย็นช้าและมองไปที่ฉินอวี่

ฉินอวี่รีบโค้งคำนับเก้าสิบองศา และตีหน้าสองสามครั้งอย่างรุนแรง จากนั้นมองไปที่หลินอิ่งด้วยรอยยิ้ม

หลินอิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ฉินอวี่นี้เป็นลูกชายของฉินฝู้กุ้ยจริงๆ แม้ว่าการจัดการก็ยัง คล้ายกัน

“ไปกันเถอะ ฉีโม่ เราเข้าไปกันเถอะ” หลินอิ่งกล่าวอย่างเฉยๆ จับมือจางฉีโม่และเดินเข้าไปในวิลล่าหิมะมังกร

บังๆ

ฉินอวี่จับอูฉู่เวิน และตบเธออีกสองสามครั้ง และโยนอูฉู่เวินขึ้นไปบนรถ ดูเหมือนว่าจะลากกลับไปและจัดการอีก

จางฉีโม่หันมองกลับไปอย่างอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

“นี่ มันเกิดอะไรขึ้น หลินอิ่ง?” จางฉีโม่ถาม

เธอตกใจกับความบ้าคลั่งของฉินอวี่ในเมื่อกี้มาก ไม่รู้จะพูดอะไรอย่างนาน และเธอก็ไม่เข้าใจเกิดอะไรขึ้น ทำไมยังให้อูฉู่เวินคุกเข่าขอโทษเธอด้วย?

“ไม่รู้สิ ฟังน้ำเสียงของฉินอวี่ อาจจะเพราะอูฉู่เวินคบซ้อนถูกคนเห็น และเขาก็คลุ้มคลั่งตามจังหวะ” หลินอิ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่มันแรงเกินจริงๆ?”จางฉีโม่ถามด้วยความสับสน “ฉินอวี่ถืออะไรอยู่ในมือของเขา ฉันเห็นว่า มันทำให้อูฉู่เวินฉี่แตกด้วย…”

“นอกจากนี้ ทำไมฉินอวี่จึงก้มหัวให้คุณและตบตัวเองด้วย?”

“ฉันจะรู้ได้ไง” หลินอิ่งยิ้ม “ชั่งมันเถอะ พวกเขาคุกเข่าลงและขอโทษ ก็จบแล้วสิ”

หลินอิ่งถามว่า “คุณสบายใจหรือยัง?”

“ฮ่าๆ!”จางฉีโม่หัวเราะ “ถ้าคุณไม่พูดถึงมัน ฉันยังจำไม่ได้เลย อูฉู่เวินแบบนี้ ตลกจริงๆ”

“งั้นก็พอแล้ว”หลินอิ่งพูดอย่างเฉยๆ และชี้นิ้วไปที่วิลล่าที่ไม่ธรรมดาที่อยู่ไม่ไกล

“ฉีโม่ ทีหลังวิลล่าหลังนี้ก็เป็นของคุณแล้ว”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน