ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่126 ต้องการให้จางฉีโม่เป็นสาวใช้ของตระกูลหวางไปทั้งชีวิต!

บทที่126 ต้องการให้จางฉีโม่เป็นสาวใช้ของตระกูลหวางไปทั้งชีวิต!

บทที่126 ต้องการให้จางฉีโม่เป็นสาวใช้ของตระกูลหวางไปทั้งชีวิต!

“ท่านหวาง ผมเคารพคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมกลัวท่าน”นิ่งซวนยืนขึ้น มองหวางเฉิงเต้าด้วยสายตาจริงจัง

เจ็ดแปดสิบกันหมดแล้ว ยังจะมาอวดใส่กันอยู่นั่นแหละ เอาตัวเองเป็นโคลนจริงๆเหรอไง?

“คุณจัดการนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่ที่เมืองตุงไห่ ทำธุรกิจกับพวกเราตระกูลหวางมากมาย?”หวางเฉิงเต้าพูด“หลายปีนี้ตระกูลหวางของพวกเราก็สนับสนุน และให้หน้าพวกคุณมากพอแล้วนะ?”

“แต่คุณทำนั่นอะไรกัน?มันเป็นยังไง?”หวางเฉิงเต้าตำหนิ รู้สึกโมโห

ถ้าเป็นปกติ เขาคงไม่มานั่งแข็งข้อใส่นิ่งซวน แต่ครั้งนี้หวางกั๋วคางที่เป็นลูกชายกับหลานชายคนเดียวถูกตัดขาดชีวิต หลังจากตระกูลหวางถูกตัด ถึงไม่ต้องการตาคนแก่นี้แล้ว ก็จำเป็นต้องบีบบังคับนิ่งซวน!

“จู่ๆคุณก็ร่วมมือกับเสิ่นซาน ทำลูกชายผมกับหลานชายพิการ วิธีการของคุณช่างโหดร้ายมาก”หวางเฉิงเต้าโกรธจนกัดฟันสั่น“ในฐานะที่คุณเป็นตี้จิงแห่งตระกูลนิ่งซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองตุงไห่ จึงทำเป็นแบบเหรอ?ครั้งนี้ผมจะทำอย่างสุดชีวิต ก็ต้องทำลายคุณให้ได้!”

“ท่านหวาง คุณได้กินยาหรือเปล่า?หรือว่าสับสนอะไร?เมื่อไหร่กันที่ผมร่วมมือกับเสิ่นซาน?”นิ่งซวนงุนงง แล้วก็ทนไม่ไหว“ลูกชายกับหลานชายคุณเกิดเรื่อง ก็มาลงที่ผมเหรอ?คิดว่าผมนิ่งซวนไม่เจ๋งพอเหรอไง?”

“เหอะเหอะ”หวางเฉิงเต้าหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาเยือกเย็น“นิ่งซวนคุณยังคิดจะไม่ยอมรับบัญชีนี้อีกเหรอไง?ลูกชายผมหวางกั๋วคางทีแรกถูกอูหยางเลขาของคุณเสือกไสไล่ส่ง ต่อมาก็ถูกไล่ออกจากจางซื่อกรุ๊ป แล้วก็ถูกเสิ่นซานพาคนมาทำให้พิการ!”

“ที่เมืองตุงไห่ ตอนนี้จะมีสักกี่คนที่เรียกเสิ่นซานได้?แล้วจะมีใครอีก ที่เป็นศัตรูขนาดใหญ่กับหวางกั๋วคางลูกชายผมได้ขนาดนี้อีก?”หวางเฉิงเต้ากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว มั่นใจว่านิ่งซวนคือคนที่อยู่เบื้องหลัง“คุณบอกว่าคุณไม่ได้ทำ ใครจะเชื่อ?ยังจะมีใครมีแรงจูงใจนี้อีก?และก็มีความสามารถนี้?”

นิ่งซวนมองอูหยางแวบหนึ่ง อูหยางกะพริบตา ทั้งสองต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านหวาง ท่านบอกว่า ลูกชายท่านหวางกั๋วคางออกจากจางซื่อกรุ๊ปเพราะถูกเสิ่นซานทำให้พิการ?ทำไมเสิ่นซานต้องทำเขาพิการเหรอ?จริงหรือเปล่า?”นิ่งซวนถามอย่างสงสัย เหมือนจะรู้สึกว่าผิดปกติ จึงเดาอะไรขึ้นมา

“นิ่งซวน เทคนิคการแสดงของคุณเงอะงะจริงๆ!แล้วยังจะแสดงละครให้คนแก่อย่างผมดูอีก?ตอนนี้พ่อของหวางกั๋วคางยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ยังไม่รักษาตัวดี ลงจากเตียงไม่ได้ แม้แต่กินยายังทำด้วยตัวเองไม่ได้!”หวางเฉิงเต้าทำเสียงฮึดฮัดใส่ โมโหขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกว่านิ่งซวนกำลังดูหมิ่นไอคิวของพวกเขาตระกูลหวาง คิดถึงสภาพที่ลูกชายและหลานชายถูกตัดจนเป็นแบบนั้น ในใจก็เจ็บปวดรวดร้าว

“ผมบอกคุณให้นะ อย่าคิดว่าผมไม่รู้ จางฉีโม่อะไรนั่นแห่งตระกูลจาง เป็นคนที่คุณสนับสนุนขึ้นมาสินะ?”หวางเฉิงเต้าจองนิ่งซวนอย่างเย็นชา“ลูกชายผมหวางกั๋วคาง หลานชายผมหวางจื่อเหวิน ก็แค่อยากจัดการจางฉีโม่ผู้หญิงคนนั้นเฉยๆ คุณก็ดันร่วมมือกับเสิ่นซานทำร้ายเขาทั้งสองคน เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”

หวางเฉิงเต้ากำหมัดแน่นและคำราม

นิ่งซวนกับอูหยางมองตากัน แล้วทั้งสองก็นึกขึ้นได้

ที่แท้ก็แบบนี้ ไม่น่าล่ะ จู่ๆพ่อของหวางกั๋วคางก็บ้าบิ่นอยากลงมือจางฉีโม่?

จางฉีโม่คือใครนะ?ภรรยาของผู้อาวุโสหลินอิ่งไง

คนอื่นไม่รู้ว่าหลินอิ่งคือผู้อาวุโสตี้จิงตระกูลนิ่ง นิ่งซวนรู้ดี อูหยางก็รู้ว่าหลินอิ่งคือคนใหญ่โตสุดๆ

คนตระกูลหวางหาเรื่องตายเอง!ยังจะกล้าพูด แค่อยากจัดการจางฉีโม่ผู้หญิงคนนี้เท่านั้น?

คิดๆดูแล้ว นิ่งซวนก็พูดอย่างไม่เกรงใจ:“ท่านหวาง คุณมาบังคับคนอื่นแบบนี้ กำลังทำอะไรอยู่?ถึงผมจะยอมรับ ผมยอมรับว่าผมนิ่งซวนทำเอง!แล้วคุณจะทำไงได้?คุณคิดว่าไง?”

พอรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมด นิ่งซวนก็ตัดสินใจได้ว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสมาช่วยแบก เป็นแพะรับบาปก็ไม่เป็นไร ดีที่เป็นโอกาสที่จะแสดงต่อหน้าผู้อาวุโสด้วย

ต้องรู้ว่า ผู้อาวุโสของตี้จิงตระกูลนิ่งอยู่ตำแหน่งไหน?เป็นรองนิ่งไท่จี๋ที่เป็นปู่เขา ทุกคนของตระกูลนิ่ง เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกว่าเขาสุดยอดกว่า!

ถ้าผู้อาวุโสยอมชมตัวเองสักคำสองคำต่อหน้าคุณท่านนิ่ง ตัวเองก็จะก้าวหน้าขึ้นได้ทันที ชีวิตตนในฐานะน้องชายสายตรงของตี้จิง ก็จะมีพลังในการแข่งขันมากขึ้น

ที่จริงแล้วนิ่งซวนที่อยู่ในบรรดาลูกหลานของตี้จิงตระกูลนิ่ง ถือว่าอยู่กลางๆ ไม่ถือว่าแย่มาก และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ดีเกินไป

ไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่ถูกส่งไปยังเมืองตุงไห่เพื่อสร้างรากฐานและการพัฒนาอาชีพ ให้อยู่ในใจกลางอำนาจของตี้จิง

“โอเค!คุณยอมรับแล้วใช่ไหม?”หวางเฉิงเต้าเหมือนจะรอคำนี้ของนิ่งซวน หัวเราะอย่างเย็นชา“ผมไม่สามารถทำอะไรคุณได้ ยังไงคุณก็คือคนของตี้จิงตระกูลนิ่ง แต่ นิ่งซวน ชีวิตนี้คุณก็อย่าคิดจะกลับตัวเลย!กลับไปที่ตี้จิง ถูกลูกศิษย์รุ่นเดียวกันพวกนั้นเหยียบย่ำ!”

“ไอ้ท่านหวาง คุณพูดอะไรน่ะ?”นิ่งซวนก็เริ่มบ้าขึ้นมา คำพูดของหวางเฉิงเต้ากระตุ้นเขาไปทั้งหมดอย่างชัดเจน

เมื่อก่อนอยู่ที่ตี้จิงตระกูลนิ่ง นิ่งซวนไม่มีอำนาจกับตำแหน่งใดๆจริงๆ ไม่ถูกเรียกว่าเป็นคนอันดับหนึ่งได้ แน่นอนว่าไม่ได้น่าเกรงขามในเมืองตุงไห่

อย่างที่พูดกันว่ายอมเป็นหัวไก่ ดีกว่าเป็นหางหงส์ ตอนนั้นนิ่งซวนมีความคิดเช่นนี้ ทนไม่ได้กับการถูกคนรุ่นเดียวกันของตระกูลนิ่งรังแก ตัวเองจึงเลือกมาที่เมืองตุงไห่

แต่ ครั้งนี้มาเมืองตุงไห่นั้นถูกมากๆ เลียแข้งเลียขาผู้อาวุโสที่เป็นคนใหญ่โต!นิ่งซวนยังคาดหวังว่าผู้อาวุโสจะชื่นชมตัวเอง ในอนาคตกลับตี้จิงอย่างรุ่งโรจน์ ดังนั้น เขาก็ไม่เคยรายงานเรื่องที่ผู้อาวุโสปรากฏตัวให้ตี้จิงตระกูลนิ่ง

“คุณเตรียมรับโทรศัพท์เถอะ เมื่อกี๊เรื่องที่คุณยอมรับ ผมส่งเสียงไปให้นิ่งจองเป่าแล้ว”หวางเฉิงเต้าพูดอย่างเย็นชา

นิ่งซวนขมวดคิ้ว จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

พอมองเบอร์ นิ่งซวนก็เหงื่อไหลที่หน้าผาก

นิ่งจองเป่าคือลุงใหญ่ของเขา เป็นบุคคลเบอร์หนึ่ง ที่อยู่ภายใต้ของคุณท่านนิ่งไท่จี๋แห่งตี้จิงตระกูลนิ่ง

ตอนนั้น นิ่งซวนก็ถูกลูกชายของนิ่งจองเป่าขับออกไปจากตี้จิง พ่อของนิ่งซวนก็ถูกนิ่งจองเป่าบีบและกดดันสุด จะต้องเป็นศัตรูกับตระกูลของตัวเองแน่ๆ

“ฮัลโหล ลุงใหญ่ มีเรื่องอะไรครับ?”นิ่งซวนรับสาย พูดด้วยความเคารพ

เขาคิดไม่ถึงว่า ตาแก่หวางเฉิงเต้าคนนี้ จู่ๆจะใช้มิตรภาพเก่าๆในอดีต มาผูกโยงกับนิ่งจองเป่า

“นิ่งซวน ไอ้คนเหลือขอ!ทำบ้าอะไรน่ะ?ไปทำเรื่องอะไรที่เมืองตุงไห่?ที่เมืองตุงไห่ แม้แต่ความสัมพันธ์ของสถานที่ก็ยังจัดการได้ไม่ดี ความสามารถแค่นี้ยังไม่มีเหรอ?คุณทำลายชื่อเสียงของตระกูลนิ่ง อยากให้พวกเราตระกูลนิ่งเสียหน้าใช่ไหม?”ปลายสายนั้น เสียงที่ดูยิ่งใหญ่สุดๆ ด่าใส่หน้าโครมๆ

สีหน้าของนิ่งซวนแดงระเรื่อ มองหวางเฉิงเต้าที่ท่าทางภูมิใจ ก็แค้นสุดๆ แต่ไม่กล้าตอบโต้อำนาจของนิ่งจองเป่า

“คุณนี่มันกล้าจริงๆเลยนะ แล้วยังกล้าส่งคนไปทำร้ายหลานชายกับลูกชายของคุณท่านหวาง คุณรู้ไหม?คุณจะทำให้คุณท่านหวางจบสิ้นน่ะ?”นิ่งจองเป่าบ่นต่อ“นิ่งซวน ผมจะบอกคุณอย่างเป็นทางการเลยนะ ตอนนี้คุณถูกถอนจากตำแหน่งประธานกรรมการของนิ่งซื่อกรุ๊ปเมืองตุงไห่แล้ว คืนนี้ คุณรีบบินกลับมาตี้จิงหาผมเดี๋ยวนี้ เข้าใจไหม?

“ตอนนี้ ผมจะให้คุณรีบก้มหัวขอโทษ คุณท่านหวางซะ!ได้ยินไหม!”

นิ่งซวนกัดฟันแน่น ในใจรู้สึกถึงความเสียใจสุดๆ นิ่งจองเป่าคว้าโอกาสอย่างนี้ หลบไปที่เมืองตุงไห่แล้วก็ยังไม่ปล่อยตัวเอง จะเอาธุรกิจที่ตัวเองทำมานานหลายปีในต่งไห่ซาน ทำลายหมดสิ้นในครั้งเดียว

แต่ เรื่องที่ตัวเองช่วยผู้อาวุโสปิดไว้ ผู้อาวุโสจะช่วยตัวเองหลุดพ้นจากเรื่องเหม็นเน่านี้แน่!กลับไปต้องรายงานผู้อาวุโส!

“ขอโทษ คุณท่านหวาง เรื่องนี้ผมผิดเอง ผมผิดไปแล้ว”นิ่งซวนกัดฟันพูด

“ขอโทษเฉยๆแล้วจะมีประโยชน์อะไร?ได้ยินคุณท่านหวางว่า เขามีเรื่องจะให้คุณทำ คุณต้องทำให้ผม!”

“คุณท่านหวาง มีเรื่องอะไร พูดมา คุณต้องการชดใช้เงินหรือว่าทำอะไร?”นิ่งซวนถาม

หวางเฉิงเต้าทำเสียงฮึดฮัดใส่ แล้วพูด:“คุณคิดว่าพวกเราตระกูลหวางไม่มีเงินเหรอ?”

“แก้แค้นใคร ก็ต้องแก้ที่ตัวต้นเหตุ!”สายตาหวางเฉิงเต้าดูร้ายกาจพูดอย่างเย็นชา“เรื่องนี้เพราะว่าจางฉีโม่ผู้หญิงคนนั้น ผมต้องการให้คุณนิ่งซวน ไปเอาตัวจางฉีโม่มาที่ตระกูลหวางของพวกเราเอง!”

หวางเฉิงเต้าคำราม:“ผมต้องการให้จางฉีโม่ คุกเข่าก้มหน้าขอโทษลูกชาย กับหลานชายผมที่โรงพยาบาล พ่อของหวางกั๋วคางเมื่อไหร่ เธอลุกขึ้นมาได้เมื่อไหร่!ผมจะให้เธอคุกเข่าสำนึกผิดไปทั้งชีวิต!เป็นสาวรับใช้ของตระกูลหวางไปตลอด!

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท